ผู้จัดการรายวัน 360 - ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การเสนอแผนงานและโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาท เน้นเงินลงเศรษฐกิจชุมชน จ้างงานชาวบ้าน หวังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก คาดเงินเข้าสู่ระบบในเดือนก.ค.นี้ "บิ๊กตู่"ยันไม่ได้สั่งทำโพลสำรวจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโยนศบค.พิจารณา ย้ำต้องคำนึงมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นหลักฉุนรับไม่ได้คนยื้อแย่งของในตู้แบ่งปันศบค. เผยพบผู้ป่วยรายใหม่ 2 คน ยอมรับกังวลระบาดรอบสองเหมือนต่างประเทศ แจงผ่อนปรนระยะ 2เป็นแค่ร่าง เผยนักพนันฝ่าเคอร์ฟิว แซงคอเหล้า
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การเสนอแผนงานและโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งตามแผนฟื้นฟูฉบับนี้เน้นเรื่องการใช้งบประมาณไปในท้องถิ่น คาดว่า จะเสนอให้ครม.พิจารณาในเดือนมิ.ย. และจะเริ่มมีเงินลงไปในระบบฐานรากตั้งแต่เดือนก.ค.นี้
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของการเสนอโครงการจะเน้นสร้างงาน สร้างรายได้ในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นเงินดังกล่าวจะช่วยเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ 2 ส่วน ส่วนแรกจะไปช่วยสร้างความเข้มแข็งเพื่ออนาคตของประเทศ และอีกส่วนเป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากภายในชุมชนและท้องถิ่นต่างๆ
“โครงการครั้งนี้จะไม่เน้นสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตแบบรวดเร็ว แต่จะหันมาเน้นสร้างความยั่งยืน เพราะชีวิตวีถีใหม่ หรือนิวนอร์มอล เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก โดยเงินจะเข้าสู่ระบบได้ในไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องไปจนถึงงบประมาณปี 64-65 ส่วนการใช้เงินอาจใช้ไม่หมด 4 แสนล้านบาทก็ได้ โดยเปิดให้ตรวจสอบโครงการผ่านออนไลน์ด้วย”
ขอบเขตตามแผนงานและโครงการครอบคลุมภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน ท่องเที่ยวและ บริการ โดยภาคเกษตรกรรม เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่ ปรับระบบการทำการเกษตรไปสู่การทำเกษตรอัจฉริยะและเชื่อมโยงการผลิตภาคการเกษตรให้สามารถเข้าสู่เกษตรอุตสาหกรรม เน้นฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่ได้รบผลกระทบ เน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเป็นหลัก
ส่วนแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน กำหนดให้พัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน ,พัฒนาการตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งเสริมการเปิดตลาดสู่ภายนอกโดยใช้ระบบการตลาดออนไลน์ ,พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมสาธารณประโยชน์ระดับชุมชน ,ส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือ และต้องทำให้เกิดการฟื้นฟูและพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง
พร้อมกับโครงการกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน เช่น จัดทำมาตรการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ส่งเสริมให้ประชาชนซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการรายย่อย การใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงหลังจากสถานการณ์การระบาดยุติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นวงเงินที่จะนำไปสร้างกระตุ้นทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่ในเวลานี้กลับมาฟื้นตัวได้บ้าง จากนั้นจะต้องใช้งบประมาณประจำปี 2564-2565
ไฟเขียวพ.ร.บ.โอนงบ 8.8 หมื่นล.ช่วยโควิด
ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอสำหรับการดำเนินการประกอบด้วย ให้ความเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่นำมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... 11,942.4021 ล้านบาท จากผลการพิจารณาตามที่ ครม. ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 63 จำนวน 100,395 ล้านบาท เป็นจำนวน 88,452.5979 ล้านบาท
โดยได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่ได้รับอนุมัติจากครม.ไปเปิดเผยในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.g.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และเอกสารประกอบเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 19 พ.ค.63 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาในวาระที่ 1 2 และ 3 ในวันที่ 28 พ.ค. 63 ต่อจากนั้นจะเสนอวุฒิสภาเพื่อพิจารณา และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้ภายในกลางเดือนมิ.ย. 63
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2534
สำหรับสาระสำคัญ ประกอบด้วย
1.หน่วยรับงบประมาณ ได้จัดทำข้อเสนอการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ ผ่านความเห็นชอบจากครม. นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด รวมทั้งสิ้น 51,861.5 ล้านบาท สำนักงบประมาณ ได้พิจารณาตามแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ64 ตามมติครม. เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 โดยให้ปรับปรุง จำนวน 40,325.6 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)
ทั้งนี้ การปรับปรุงดังกล่าวไม่กระทบวงเงินรวมของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 วงเงิน 3,300,000 ล้านบาท
2. การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 โดยปรับระยะเวลาตามกระบวนการจัดทำงบประมาณและอนุมัติงบประมาณครม.ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส และให้สำนักงบประมาณนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 ตามที่ได้ปรับปรุงรายละเอียดแล้ว ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็น และมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ64
"บิ๊กตู่" ปัดสั่งทำโพลสำรวจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า การจะต่ออายุหรือไม่นั้น อยู่ที่การพิจารณาของศบค. ไม่ว่าโพลของใครทำมาก็ตาม ก็เป็นเรื่องของโพลไป แต่เท่าที่ทราบก็มีสื่อบางสำนักได้ทำในขณะนี้ ทราบว่ามีผู้เห็นชอบให้ต่ออายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 88% และ ผู้ไม่เห็นชอบ อยากให้ยกเลิก 12% จึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นการทำของสื่อ
"การจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น เราจะต้องดูมาตรการทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และน้อยลงจนเหลือ 0% แต่ก็ยังนอนใจไม่ได้ วันนี้เห็นใจพี่น้องประชาชนคนที่มีรายได้น้อย จึงต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง และเชื่อมโยงทั้งหมดในห่วงโซ่ " นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประมาณวันที่ 15 พ.ค. ทาง ศบค.จะไปตรวจเยี่ยม สถานที่ที่จะมีการปลดล็อก ระยะที่ 2 ว่าปฏิบัติการตามมาตรการของรัฐ ของศูนย์โควิด-19 ได้ครบถ้วนหรือไม่
"อะไรก็ตามที่เปิดได้ ก็ปิดได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็ลืมตัวไปเรื่อย ไม่ร่วมมือ ไม่รักษาระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่ออยากได้ท่านก็ต้องร่วมมือกับผมและศูนย์โควิด-19 วันนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวายกันอีกเลย ประชาชนต้องตัดสินใจว่า จะสนับสนุนอย่างไรในการทำงาน หรือการที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอลหม่านในเวลานี้ ท่านต้องตัดสินใจต้องคิดแล้ว”พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีตู้แบ่งปัน ที่มีผู้นำอาหาร และเครื่องใช้จำเป็นไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนว่า ขอชื่นชมภาคเอกชน ที่มีความร่วมมือในการดูแลประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดตู้แบ่งปัน แต่ผู้ที่รับของเหล่านี้ ก็ต้องสร้างจิตสำนึก เขาให้สำหรับเฉลี่ย แบ่งปันให้คนอื่น แต่ภาพที่ออกมานั้นตนรับไม่ได้ก็ขออย่าให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทยต่อไป
ศบค.หวั่นระบาดรอบสองซ้ำรอยอิแทวอน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,017 ราย หายป่วยสะสม 2,798 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 19 ปี อยู่ใน กทม. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าที่เป็นบุคคลในครอบครัว ซึ่งเคยพบเชื้อมาแล้ว 3 ราย คือ พี่สาว พี่เขย และหลาน ส่วนผู้ป่วยรายใหม่อีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนา จ.นราธิวาส มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน โดยเป็นพี่เลี้ยงของเด็กชาย อายุ 6 ปี ที่มีการยืนยันติดเชื้อเมื่อวันที่ 11 พ.ค.
ตัวเลขวันนี้ถือว่าต่ำมากๆ แต่เมื่อยังไม่เป็นศูนย์ ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ นอกจากนี้ ในรอบ28วันที่ผ่านมา มี 50 จังหวัด ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วย 4,254,800 ราย เสียชีวิต 287,293 ราย ในต่างประเทศ ที่มาเลเซีย ขยายล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 5 ขณะที่เกาหลีใต้ ในการระบาดรอบสอง มีตัวเลขเพิ่มขึ้น 94 ราย ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดจากสถานบันเทิงย่านอิแทวอน นี่คือตัวอย่างต่างประเทศที่มีมาตรการผ่อนคลาย แล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาสูงอีก คิดว่าคงไม่มีใครอยากกลับมาเห็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันเป็นสองหลัก
ดังนั้น ระหว่างการเลือกเปิดกิจการ กับตัวเลขติดเชื้อต้องมีความสมดุลกัน ไม่มีการ์ดตก แต่ไม่ว่าภาครัฐและเอกชนจะมีมาตรการอย่างไร ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนจึงจะสำเร็จ
ส่วนผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง คืนวันที่ 11 พ.ค. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 12 พ.ค. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 486 ราย ลดลงจากคืนก่อน 111 ราย ชุมนุมมั่วสุม 68 ราย ลดลงจากคืนก่อน 21 ราย พบว่า เล่นพนันเป็นการกระทำผิดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ดื่มสุรา แต่ทั้งสองตัวเลขเปอร์เซ็นต์ยังใกล้เคียงกันอยู่ ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้มาแข่งกัน อยากให้ลดกันไปทั้งคู่
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์การเสนอแผนงานและโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 4 แสนล้านบาท ภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภายหลังจากเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งตามแผนฟื้นฟูฉบับนี้เน้นเรื่องการใช้งบประมาณไปในท้องถิ่น คาดว่า จะเสนอให้ครม.พิจารณาในเดือนมิ.ย. และจะเริ่มมีเงินลงไปในระบบฐานรากตั้งแต่เดือนก.ค.นี้
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของการเสนอโครงการจะเน้นสร้างงาน สร้างรายได้ในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นเงินดังกล่าวจะช่วยเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ 2 ส่วน ส่วนแรกจะไปช่วยสร้างความเข้มแข็งเพื่ออนาคตของประเทศ และอีกส่วนเป็นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากภายในชุมชนและท้องถิ่นต่างๆ
“โครงการครั้งนี้จะไม่เน้นสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตแบบรวดเร็ว แต่จะหันมาเน้นสร้างความยั่งยืน เพราะชีวิตวีถีใหม่ หรือนิวนอร์มอล เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมาก โดยเงินจะเข้าสู่ระบบได้ในไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องไปจนถึงงบประมาณปี 64-65 ส่วนการใช้เงินอาจใช้ไม่หมด 4 แสนล้านบาทก็ได้ โดยเปิดให้ตรวจสอบโครงการผ่านออนไลน์ด้วย”
ขอบเขตตามแผนงานและโครงการครอบคลุมภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน ท่องเที่ยวและ บริการ โดยภาคเกษตรกรรม เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่ ปรับระบบการทำการเกษตรไปสู่การทำเกษตรอัจฉริยะและเชื่อมโยงการผลิตภาคการเกษตรให้สามารถเข้าสู่เกษตรอุตสาหกรรม เน้นฟื้นฟูอุตสาหกรรมที่ได้รบผลกระทบ เน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเป็นหลัก
ส่วนแผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน กำหนดให้พัฒนาสินค้าและบริการของชุมชน ,พัฒนาการตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งเสริมการเปิดตลาดสู่ภายนอกโดยใช้ระบบการตลาดออนไลน์ ,พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมสาธารณประโยชน์ระดับชุมชน ,ส่งเสริมและพัฒนาทักษะฝีมือ และต้องทำให้เกิดการฟื้นฟูและพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง
พร้อมกับโครงการกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน เช่น จัดทำมาตรการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ส่งเสริมให้ประชาชนซื้อสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการรายย่อย การใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงหลังจากสถานการณ์การระบาดยุติแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นวงเงินที่จะนำไปสร้างกระตุ้นทางเศรษฐกิจ เพื่อทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่ในเวลานี้กลับมาฟื้นตัวได้บ้าง จากนั้นจะต้องใช้งบประมาณประจำปี 2564-2565
ไฟเขียวพ.ร.บ.โอนงบ 8.8 หมื่นล.ช่วยโควิด
ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงบประมาณเสนอสำหรับการดำเนินการประกอบด้วย ให้ความเห็นชอบการปรับปรุงข้อเสนอการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่นำมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... 11,942.4021 ล้านบาท จากผลการพิจารณาตามที่ ครม. ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 63 จำนวน 100,395 ล้านบาท เป็นจำนวน 88,452.5979 ล้านบาท
โดยได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่ได้รับอนุมัติจากครม.ไปเปิดเผยในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.g.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... และเอกสารประกอบเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 19 พ.ค.63 และนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาในวาระที่ 1 2 และ 3 ในวันที่ 28 พ.ค. 63 ต่อจากนั้นจะเสนอวุฒิสภาเพื่อพิจารณา และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งคาดว่าจะประกาศบังคับใช้ได้ภายในกลางเดือนมิ.ย. 63
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2534
สำหรับสาระสำคัญ ประกอบด้วย
1.หน่วยรับงบประมาณ ได้จัดทำข้อเสนอการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณ ผ่านความเห็นชอบจากครม. นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด รวมทั้งสิ้น 51,861.5 ล้านบาท สำนักงบประมาณ ได้พิจารณาตามแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ64 ตามมติครม. เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 โดยให้ปรับปรุง จำนวน 40,325.6 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19)
ทั้งนี้ การปรับปรุงดังกล่าวไม่กระทบวงเงินรวมของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 วงเงิน 3,300,000 ล้านบาท
2. การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 โดยปรับระยะเวลาตามกระบวนการจัดทำงบประมาณและอนุมัติงบประมาณครม.ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส และให้สำนักงบประมาณนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 64 ตามที่ได้ปรับปรุงรายละเอียดแล้ว ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็น และมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ64
"บิ๊กตู่" ปัดสั่งทำโพลสำรวจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า การจะต่ออายุหรือไม่นั้น อยู่ที่การพิจารณาของศบค. ไม่ว่าโพลของใครทำมาก็ตาม ก็เป็นเรื่องของโพลไป แต่เท่าที่ทราบก็มีสื่อบางสำนักได้ทำในขณะนี้ ทราบว่ามีผู้เห็นชอบให้ต่ออายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 88% และ ผู้ไม่เห็นชอบ อยากให้ยกเลิก 12% จึงขอย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นการทำของสื่อ
"การจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น เราจะต้องดูมาตรการทางด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และน้อยลงจนเหลือ 0% แต่ก็ยังนอนใจไม่ได้ วันนี้เห็นใจพี่น้องประชาชนคนที่มีรายได้น้อย จึงต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง และเชื่อมโยงทั้งหมดในห่วงโซ่ " นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประมาณวันที่ 15 พ.ค. ทาง ศบค.จะไปตรวจเยี่ยม สถานที่ที่จะมีการปลดล็อก ระยะที่ 2 ว่าปฏิบัติการตามมาตรการของรัฐ ของศูนย์โควิด-19 ได้ครบถ้วนหรือไม่
"อะไรก็ตามที่เปิดได้ ก็ปิดได้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็ลืมตัวไปเรื่อย ไม่ร่วมมือ ไม่รักษาระยะห่าง ไม่ใส่หน้ากาก แต่เมื่ออยากได้ท่านก็ต้องร่วมมือกับผมและศูนย์โควิด-19 วันนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอย่างอื่นให้เกิดความสับสนอลหม่านวุ่นวายกันอีกเลย ประชาชนต้องตัดสินใจว่า จะสนับสนุนอย่างไรในการทำงาน หรือการที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายอลหม่านในเวลานี้ ท่านต้องตัดสินใจต้องคิดแล้ว”พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีตู้แบ่งปัน ที่มีผู้นำอาหาร และเครื่องใช้จำเป็นไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนว่า ขอชื่นชมภาคเอกชน ที่มีความร่วมมือในการดูแลประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดตู้แบ่งปัน แต่ผู้ที่รับของเหล่านี้ ก็ต้องสร้างจิตสำนึก เขาให้สำหรับเฉลี่ย แบ่งปันให้คนอื่น แต่ภาพที่ออกมานั้นตนรับไม่ได้ก็ขออย่าให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทยต่อไป
ศบค.หวั่นระบาดรอบสองซ้ำรอยอิแทวอน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงว่า สถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,017 ราย หายป่วยสะสม 2,798 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 2 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 19 ปี อยู่ใน กทม. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าที่เป็นบุคคลในครอบครัว ซึ่งเคยพบเชื้อมาแล้ว 3 ราย คือ พี่สาว พี่เขย และหลาน ส่วนผู้ป่วยรายใหม่อีกรายเป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนา จ.นราธิวาส มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน โดยเป็นพี่เลี้ยงของเด็กชาย อายุ 6 ปี ที่มีการยืนยันติดเชื้อเมื่อวันที่ 11 พ.ค.
ตัวเลขวันนี้ถือว่าต่ำมากๆ แต่เมื่อยังไม่เป็นศูนย์ ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ นอกจากนี้ ในรอบ28วันที่ผ่านมา มี 50 จังหวัด ที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ป่วย 4,254,800 ราย เสียชีวิต 287,293 ราย ในต่างประเทศ ที่มาเลเซีย ขยายล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 5 ขณะที่เกาหลีใต้ ในการระบาดรอบสอง มีตัวเลขเพิ่มขึ้น 94 ราย ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดจากสถานบันเทิงย่านอิแทวอน นี่คือตัวอย่างต่างประเทศที่มีมาตรการผ่อนคลาย แล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาสูงอีก คิดว่าคงไม่มีใครอยากกลับมาเห็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันเป็นสองหลัก
ดังนั้น ระหว่างการเลือกเปิดกิจการ กับตัวเลขติดเชื้อต้องมีความสมดุลกัน ไม่มีการ์ดตก แต่ไม่ว่าภาครัฐและเอกชนจะมีมาตรการอย่างไร ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนจึงจะสำเร็จ
ส่วนผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง คืนวันที่ 11 พ.ค. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 12 พ.ค. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 486 ราย ลดลงจากคืนก่อน 111 ราย ชุมนุมมั่วสุม 68 ราย ลดลงจากคืนก่อน 21 ราย พบว่า เล่นพนันเป็นการกระทำผิดอันดับหนึ่ง รองลงมาคือ ดื่มสุรา แต่ทั้งสองตัวเลขเปอร์เซ็นต์ยังใกล้เคียงกันอยู่ ถึงอย่างไรก็ไม่อยากให้มาแข่งกัน อยากให้ลดกันไปทั้งคู่