xs
xsm
sm
md
lg

ชิงทำโพลเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สยบดรามา “เผด็จการกักขัง” !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปตรวจด่านเคอร์ฟิว
เมืองไทย 360 องศา

มีแนวโน้มค่อนข้างชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังมีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการยกเลิกการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ยกเลิก แต่มีการผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง หรือ “คลายล็อก” เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ รวมไปถึงสามารถทำธุรกิจได้มากขึ้นในระหว่างที่สามารถควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แล้ว

อย่างไรก็ดี เท่าที่ประมวลรูปแบบการสำรวจน่าจะเป็น 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1. ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยอดผู้ติดเชื้อ ก็ลดลงมาตามลำดับ 2. ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยังไม่ให้นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย และ 3. ให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน เพราะเกรงจะเกิดการระบาดอีกรอบ แต่ขอให้ผ่อนคลายมาตรการ เช่น ยกเลิกเคอร์ฟิว หรือขยายเวลาเคอร์ฟิวออกไป จากเดิม 4 ทุ่มถึงตี 4 โดยอาจเป็น 5 ทุ่ม ถึงตี 4 เป็นต้น

ทั้งนี้ หน่วยงานที่ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนน่าจะเป็นกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)

สำหรับการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากนับจนถึงวันนี้ถือว่าผ่านมากว่าเดือนเศษแล้ว รวมไปถึงการประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าว รวมไปถึงมีการออกข้อกำหนดต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับการได้รับความร่วมมือค่อนข้างดีจากประชาชนทั่วประเทศ ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ จนล่าสุดในเวลานี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในระดับตัวเลข “หลักหน่วย” มานานนับสัปดาห์แล้ว ขณะที่จำนวนผู้ที่หายป่วยก็มีจำนวนมาก ทำให้เวลานี้มีตัวเลขที่ยังรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาลเพียงแค่ร้อยกว่าคน จนบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีเพียงพอกับการรับมือกับผู้ป่วยที่มีอยู่

อย่างไรก็ดี จากมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าวมาเป็นเวลานานก็เริ่มสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะผลกระทบด้านเศรษฐกิจปากท้อง ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวของบรรดา “กลุ่มการเมือง” ฝ่ายตรงข้ามที่ได้จังหวะผสมโรงกดดันเข้ามามากขึ้นกว่าเดิม หลังจากก่อนหน้านี้ ต้อง “เก็บตัวเงียบ” มาพักใหญ่ อีกทั้งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด บรรดา “ฝ่ายแค้น” และ “ฝ่ายค้าน” ต่างก็ถูกกดดันให้ต้องสงบปากสงบคำ

ที่สำคัญ ที่ผ่านมา “กระแสตีกลับ” ไปหา “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะจากปัญหาโควิด-19 ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก

แต่เมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายมากกว่าเดิม ประกอบกับใกล้เวลาในการเปิดสมัยประชุมสภาสามัญในปลายเดือนนี้ ทำให้ฝ่ายค้าน รวมไปถึงกลุ่มการเมืองที่ต้องการ “ล้ม” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลชุดนี้ลงไปให้ได้ เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในโลกโซเชียล การออกมาให้ความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ โจมตีรัฐบาลในทุกเรื่องหนักหน่วงขึ้น

แต่ที่ต้องจับตาก็คือ การสร้าง “กระแสเผด็จการ” ให้กลับมาอีกครั้ง โดยการเชื่อมโยงไปถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมไปถึง “เคอร์ฟิว” มีการเปรียบเทียบเหมือนกับว่า “กักขังประชาชน” พร้อมกับเรียกร้องให้มีการยกเลิกโดยอ้างเหตุผลว่า เมื่อควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้วก็ไม่สมควรที่จะคงมาตรการดังกล่าวอีกต่อไป และนับวันกระแสแบบนี้จะมีการสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี ฝ่ายรัฐบาลเชื่อว่าคงรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าว เพราะถึงอย่างไรก็คงไม่อาจบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดแบบนี้ได้นานนัก ประกอบกับความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจที่รุมเร้าเข้ามา ถือว่าเป็นเรื่องที่หนักหน่วงที่กำลังเผชิญหน้า

ดังนั้น การออกแบบสำรวจความคิดเห็นของประชาชนว่าสมควรยกเลิก หรือมีการคลายล็อกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดออกมาในช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นการ “แก้เกม” หรือดับกระแส “ดรามากักขังประชาชน” ตามที่พยายามประดิษฐ์ถ้อยคำออกมาตอกย้ำภาพของ “เผด็จการ” อีกรอบ แม้ว่าถึงอย่างไรก็คงยังมีเสียงวิจารณ์ตามมาอีก ในเรื่องที่ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงอย่าง “กอ.รมน.” เป็นคนสำรวจก็ตาม แต่หากมองอีกมุมหนึ่งว่าคือการประหยัดงบประมาณอีกทั้งมีเจ้าหน้าที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ก็สามารถสะท้อนความเห็นได้ดีเหมือนกัน

แต่ในภาพรวมๆ ถือว่างานนี้เป็นการแก้เกมการเมืองตั้งแต่เนิ่นๆ เหมือนกับเป็นการชิงดับกระแสเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะเหตุผลที่ว่าทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะมีความเห็นอย่างไร ก็ว่าไปตามนั้น !!


กำลังโหลดความคิดเห็น