xs
xsm
sm
md
lg

COVID-19 กับการมองโลกในแง่บวก

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท



“No pessimist ever discovered the secrets of the star or sailed to an uncharted land or opened a new heaven to the human spirit.- ไม่เคยมีคนมองโลกในแง่ร้ายรายใด ที่มีโอกาสค้นพบความลี้ลับของดวงดาว หรือสามารถแล่นเรือออกสู่ดินแดนที่ยังไม่มีใครสำรวจ หรือเปิดสรวงสวรรค์ชั้นใหม่ขึ้นในจิตวิญญาณแห่งมวลมนุษย์...”
“Helen Keller”

เพื่อให้เข้ากับ “วาทะ” ที่เอามาเกริ่นนำไว้ข้างต้น...เปิดฉากสัปดาห์นี้ เลยคงต้องขออนุญาตหันมา “มองโลกในแง่บวก” เอาไว้มั่ง แม้ว่าโลกทั้งโลกช่วงนี้...ยังคงต้องเจอกับการออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” อย่างชนิดไม่แล้วเสร็จ เล่นเอาปั่นป่วนวุ่นวาย ทุกข์ระทมกันไปเป็นแถบๆ แต่ภายใต้ความร้ายแรง ร้ายกาจของเชื้อโรค หรือท่ามกลางสิ่งร้ายๆ ที่ว่านี้ มันก็น่าจะพอมีแง่บวก หรือแง่ดีอยู่บ้าง ไม่ว่าเรื่อง “ธรรมชาติ” หรือ “สิ่งแวดล้อม” ดังที่เคยกล่าวไปบ้างแล้ว ว่าเริ่มเป็นอะไรที่สะอาด สดใสขึ้นมาเป็นกอง อีกทั้งความร้ายกาจร้ายแรงของเชื้อไวรัส อย่าง “COVID-19” กลับดูจะกลายเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้น แรงบันดาลใจให้กับบรรดาผู้ใฝ่ใจในเรื่อง “สันติภาพ”จำนวนไม่น้อย เกิดความหวังกำลังใจขึ้นมาพอสมควร เช่น บรรดาผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในองค์กรระหว่างประเทศอย่าง “สหประชาชาติ” ไล่มาตั้งแต่ตัวเลขาธิการฯ อย่าง “นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส” ที่เริ่มมองเห็นถึง “การริเริ่มก้าวย่างอันอาจนำไปสู่การยุติความรุนแรง” ในระดับ “จากอเมริกาใต้ถึงแอฟริกา” และ “จากตะวันออกกลางถึงเอเชีย” หรือในบรรดาจุดศูนย์กลางแห่งความขัดแย้ง ตั้งแต่แคเมอรูน แอฟริกากลาง โคลอมเบีย ลิเบีย พม่า ฟิลิปปินส์ ซูดาน ยูเครน ยันมาถึงเยเมน ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

ชนิดที่ทูตพิเศษสหประชาชาติประจำตะวันออกกลาง ไม่ว่าซีเรีย เยเมน เลบานอน และอิรัก ต่างถือเป็นจังหวะและโอกาส ที่จะร่วมประสานมือ ประสานใจ เคลื่อนไหวและผลักดัน เพื่อหาทางให้บรรดาคู่ขัดแย้ง ในแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ หันมา “นั่งโต๊ะเจรจา” กันโดย “ไม่มีเงื่อนไขใดๆ” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ขณะที่ประมุขสูงสุดทางจิตวิญญาณของชาวคริสต์โรมันคาทอลิกที่มีผู้เลื่อมใสศรัทธาเกือบครึ่งโลก อย่าง “พระสันตะปาปา ฟรานซิส” ก็ยังถือเป็นช่วงโอกาสสำคัญ ที่จะได้จับเข่า พูดคุยกับทูตอเมริกาประจำสหประชาชาติ “นายKelly Craft” ให้ลด-ละ-เลิก ความโกรธ ความเกลียด อาฆาต พยาบาท และชิงชัง ต่อ “ศัตรูคู่กัด” อย่างประเทศอิหร่านลงไปสักพัก หรือให้หันมายกเลิก “แซงชั่น” ต่อประเทศนี้ ขณะบรรดาประชาชนชาวอิหร่านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ต่างกำลังทุกข์ระทมเพราะฤทธิ์เดชของเชื้อ “COVID-19” ไม่ต่างอะไรไปจากอเมริกันชนนั่นเอง...

เช่นเดียวกับผู้ที่ได้ชื่อว่ามีส่วนร่วมและส่วนสำคัญเอามากๆ ในการยุติ “ยุคสงครามเย็น” ลงไปแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นั่นคืออดีตผู้นำสหภาพโซเวียตรัสเซีย อย่าง “มิคาอิล กอร์บาชอฟ” ที่ได้ลงทุนเขียนบทความเผยแพร่ในนิตยสาร “ไทม์” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้ว...ที่บรรดาผู้นำโลกทั้งหลาย จะต้องหันมา “คิดใหม่-ทำใหม่” โดยเฉพาะในแนวคิดด้าน “ความมั่นคง” แบบทั้งระบบ หรือถึงเวลาที่จะต้องหันมาตัดงบฯ “ความมั่นคงทางทหาร” เพื่อเอาไปใช้จ่ายให้กับ “ความมั่นคงของมนุษย์” กันแทนที่ ด้วยเหตุเพราะ “ภัยคุกคาม” จากโรคระบาดคราวนี้ ได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า “เป้าหมายที่เราควรเอาชนะ คือความมั่นคงของมวลมนุษย์ ไม่ว่าขีดความสามารถในการจัดสรรอาหาร น้ำ สภาพแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ และการดูแลสุขภาพของผู้คน...” ฯลฯ

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ...ขณะบรรดาผู้ใฝ่ใจใน “สันติภาพ” ทั้งหลาย ต่างแสดงอาการคึกๆ คักๆ แสดงออกถึงความกระตือรือร้นอย่างเป็นพิเศษ แต่สำหรับผู้ใฝ่ใจใน “สงคราม” ผู้กระหายสงคราม ผู้ที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรแห่งสงคราม” หรือผู้ที่มักใช้ “สงครามเป็นทางออก” ของประเทศตัวเองมาโดยตลอด อย่างคุณพ่ออเมริกาของเราเป็นต้น กลับออกอาการไอแห้งๆ มีไข้ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก ฯลฯ หรือออกอาการเหี่ยวปลาย ชนิดแทบ “ไปไม่เป็น” กันทั้งประเทศไปแล้วในทุกวันนี้ คือไม่ใช่แค่ต้องเจอกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” ที่ทำให้จำนวนตัวเลขคนติดเชื้อ คนตาย มาแรงแซงโค้ง แซงหน้าใครต่อใคร จนกลายเป็น “จ้าวโรค” ไปแล้วในทุกวันนี้ แต่ยังต้องเจอกับแรงกดดันของบรรดาพวกนายทุน “วอลล์สตรีท” หรือพวกที่ชอบฝันอะไรเป็นเงินๆ-ทองๆ ตามแบบฉบับ “อเมริกัน ดรีม” ทั้งหลาย ที่กำลังหวาดผวา ไหวหวั่น สั่นประสาท ว่าแนวโน้มที่ “เศรษฐกิจอเมริกา” ทำท่าว่ากำลังพังพาบเอาง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าไม่รีบ “รีโอเพน” ไม่กลับมาเดินเครื่องจักร เดินสายพานการผลิต โดยไม่ต้องเสียเวลา “โซเชียล ดิสแทนซิ่ง” หรือ “ฟิซซิเคิล ดิสแทนซิ่ง” กันอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้นำอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่แม้ถือเป็นผู้ถนัดและเชี่ยวชาญในการ “กลิ้งไว้ก่อน...พ่อสอนไว้” ถึงกับแทบแบนเป็นแซนด์วิช หรือแทบกลิ้งไม่ออก ชนิดต้องออกมาสารภาพว่า ถือเป็นการตัดสินใจที่หนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิต ในการชั่งน้ำหนัก ว่าจะไปในแนวไหนกันดี...

พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าใฝ่ใจในสงคราม กระหายสงคราม กันไปถึงขั้นไหน แต่สภาวะความเป็นไปของมหาอำนาจสูงสุดทางทหารอย่างคุณพ่ออเมริกาทุกวันนี้ ต้องเรียกว่า...แทบไม่เหลือเรี่ยว เหลือแรงอีกต่อไปแล้ว ในการ “จุดชนวนสงคราม” ใดๆ ขึ้นมาอีก คือขนาดเครื่องจักรสังหารระดับฐานทัพลอยน้ำ หรือ “เรือบรรทุกเครื่องบิน” ทั้งลำ ยังถูก “COVID-19” ตามไปอาละวาด จนแทบหมดสภาพกันไปเป็นแถบๆ ส่วนฐานทัพบนบก นอกจากต้องเริ่มถอนทัพ ถอนยวงออกจากอัฟกานิสถาน ฐานทัพแต่ละแห่งในอิรัก ยังถูกก่อกวน รบกวน จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม แต่ประสงค์จะสาดบ้องข้าวหลามยักษ์ใส่หัวกบาลทหารอเมริกัน แทบไม่เว้นแต่ละวัน ชนิดอยู่ไม่เป็นสุข ต้องอพยพโยกย้ายกองกำลังแต่ละหน่วยกันจ้าละหวั่น แม้จะมีอุปกรณ์ เครื่องมือ ในการระงับยับยั้งการลอบโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล อย่างเช่นระบบป้องกันแพทริออต แต่ก็ใช่ว่าจะเอาไปติดตั้งกันได้ง่ายๆ ตราบใดที่เจ้าของประเทศ ไม่ว่าสภาอิรัก หรือรัฐบาลอิรัก ยังคงอิดๆ ออดๆ อย่างเช่นทุกวันนี้...

เรียกว่า...ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การทหาร ต่างตกอยู่ในสภาพเละเป็นโจ๊ก เละเป็นขี้ หรือเป็นเต้าหู้ตกโต๊ะยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การอาศัย “สงคราม” เป็นทางออก ทางรอด ของประเทศ แบบครั้ง...สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 สงครามเย็น หรือสงครามกับการก่อการร้ายก็ตาม มันจึงกลายเป็น “ทางตัน” ยิ่งเข้าไปทุกที!!! ยิ่งผู้นำสูงสุดของประเทศ คือตัว “ทรัมป์บ้า” เอง...ดันออกมายุแยงตะแคงรั่ว ออกมา “ทวีต” ให้ปวงชนชาวอเมริกันทั้งหลาย ออกมาประท้วงต่อต้าน หรือออกมา “ปลดปล่อย” รัฐต่างๆ โดยเฉพาะรัฐที่อยู่ภายใต้การดูแลของพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ยิ่งทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องหวนกลับไปนึกถึง “คำทำนาย” ของหมอดูชาวรัสเซียและอดีตเคจีบีผู้มีนามกรว่า “นายอิกอร์ ปานาริน” (Igor Panarin) ที่เคย “ดูดวง” หรือเคยวิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 2010 โน่นเลยว่า... “อีกไม่นาน-ไม่ช้า...สถานะเงินดอลลาร์อเมริกันจะไม่มีความมั่นคงอีกต่อไป หนี้ต่างประเทศจะพอกพูนเป็นภูเขาเลากา และรอวันถล่มไม่ต่างอะไรไปจากหิมะถล่ม ความไม่พอใจของประชาชนจะขยายตัว และอิทธิพลในการครอบงำตลาด ครอบงำโลกของอเมริกาจะล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น...อเมริกาจะแตกเป็น 6 รัฐอิสระ โดยอะแลสกาจะกลับคืนมาสู่อ้อมอกของรัสเซีย” จริง-ไม่จริง...อันนี้คงต้องไป “ฟันเฟิร์ม” เอาเองก็แล้วกัน แต่ยังไงๆ...ย่อมต้องถือเป็นการ “มองโลกในแง่บวก” สำหรับบรรดาผู้ใฝ่ใจใน “สันติภาพ” ทั้งหลาย อยู่แล้วแน่ๆ...


กำลังโหลดความคิดเห็น