เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ฟังอาจารย์พยอม เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ท่านพูดถึงสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน มีประโยคหนึ่งที่ฟังแล้วสะท้อนถึงความเสื่อมของสังคมไทยได้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมคือ วัดกำลังจะร้าง ตะรางกำลังเจริญ โดยมีการอธิบายและขยายความว่าในปัจจุบันมีผู้เข้ามาบวชและอยู่นานมีน้อยลง จะมีบวชก็เพียงระยะสั้นๆ 7 วันหรือ 15 วัน จึงทำให้วัดแต่ละวัดมีพระสงฆ์อยู่ประจำน้อย แต่เรือนจำหรือคุกมีนักโทษอยู่แออัดจนแทบจะไม่มีที่ให้นอน ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยทางสังคมดังต่อไปนี้
1. ในอดีตการศึกษาของไทย วัดเป็นศูนย์กลางการศึกษา ดังนั้นเด็กชายไทยเมื่อโตขึ้นพ่อแม่จะนำไปฝากให้อยู่วัดเพื่อศึกษาเล่าเรียน โดยมีพระภิกษุเป็นผู้สอนวิชาที่พระสอนได้ เช่น ภาษาไทย เลข และวิชาช่างสาขาต่างๆ และที่สำคัญซึ่งเด็กได้รับจากการอยู่แออัดก็คือ ได้รับการอบรมทางด้านศีลธรรม ปลูกฝังอุปนิสัยให้เป็นคนดี มีคุณค่าต่อสังคม เด็กเหล่านี้ส่วนหนึ่งบวชเป็นสามเณร เมื่ออายุมากพอที่จะถือศีล และปฏิบัติธรรมได้โดยที่ไม่เป็นภาระของพระภิกษุ ทั้งยังสามารถปฏิบัติรับใช้พระภิกษุได้ โดยที่ไม่ขัดต่อพระพุทธานุญาตด้วย
สามเณรเหล่านี้เอง เป็นทายาทสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยการอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และรับภาระในการเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
2. แต่ในปัจจุบัน วัดมิได้เป็นศูนย์กลางการศึกษาเช่นในอดีต เนื่องจากการศึกษาของประเทศได้เจริญขึ้น และมีการแยกตัวออกจากวัด จึงทำให้เด็กไทยต่างจากวัดโดยปริยาย จะเข้าวัดบ้างก็เมื่อมีความจำเป็น เช่น ทำบุญตามประเพณีในเทศกาลต่างๆ หรือเนื่องในวันเกิดของตนเอง ของบุพการี เป็นต้น ประกอบกับโลกมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น ผู้สนใจจะศึกษาค้นคว้าคำสอนของศาสนา ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรม โดยเฉพาะจากนักเทศน์โดยการอ่านคัมภีร์ให้ฟัง เพราะคัมภีร์คือพระไตรปิฎก หาดูได้จากเว็บไซต์ของกูเกิล ดังนั้น พระนักเทศน์ที่นั่งอ่านคัมภีร์ให้ฟัง หรือพูดตามคัมภีร์โดยอาศัยความจำ จึงมีผู้สนใจน้อยลง
แต่ในทางกลับกัน พระป่าหรือสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิบัติด้วยการเจริญสมถกรรมฐาน หรือวิปัสสนากรรมฐาน และมีความเคร่งครัดพระวินัย ยังได้รับความสนใจจากประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เนื่องจากการสอนที่มุ่งเน้นการปฏิบัติฝึกหัดจิตใจให้ใฝ่ความดี มีคุณธรรม ทั้งนำมาแก้ปัญหาชีวิตได้จริง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ พระป่าสายอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และอาจารย์ฝั้น อาจาโร เช่น หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เป็นต้น ซึ่งมีคนรุ่นใหม่ ทั้งไทยและเทศเป็นจำนวนมาก ได้เข้ามาหาเพื่อรับฟังคำสอน และฝึกหัดปฏิบัติธรรมในแต่ละวัน
จากเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้น อนุมานได้ว่า ในปัจจุบันคนไทยเข้าวัดเพื่อฟังเทศน์ฟังธรรมน้อยลง และผู้มาบวชน้อยลงจริง ในส่วนของสงฆ์ฝ่ายคามวาสีซึ่งเน้นการศึกษาในทางทฤษฎีหรือปริยัติจะมีการฝึกปฏิบัติบ้างก็เพียงครั้งคราว ไม่ยั่งยืนจริงจัง ทั้งไม่เคร่งครัดในวินัยเท่าที่ควรจะเป็น
แต่ในส่วนของสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ซึ่งมุ่งเน้นการปฏิบัติและเคร่งครัดในพระวินัย ยังมีคนเข้าวัดฟังเพลง ฟังธรรม และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ยังมีคนเข้าวัดเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ถ้าคนไทยซึ่งเป็นพุทธมามกะเป็นส่วนใหญ่ ต้องการให้พระพุทธศาสนายังคงอยู่ในประเทศไทย และก้าวไกลไปจนถึงขั้นเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก จะต้องศึกษาค้นคว้าคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง และนำไปปฏิบัติเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับเพศและภาวะของแต่ละคน รวมไปถึงการส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยการบำรุงภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ในกรอบพระธรรมวินัย และในขณะเดียวกัน ช่วยกันกำจัดมารศาสนาให้หมดไปจากวงการสงฆ์
ถ้าทำได้เช่นนี้ วัดจะมีพระภิกษุสงฆ์เพิ่มขึ้น และมากพอที่จะสืบทอดพระศาสนา ในขณะเดียวกัน จะทำให้คุกตะรางมีจำพวกคนเข้าไปอยู่น้อยลง จึงเท่ากับช่วยประหยัดงบประมาณในการสร้างคุกตะรางเพิ่มได้ด้วย
แต่การที่จะเป็นเช่นนี้ได้ ทางภาครัฐโดยสำนักพุทธฯ จะต้องร่วมมือทางฝ่ายสงฆ์ทำสังคายนาพระธรรมวินัย และกำหนดแนวทางการบริหารองค์กรสงฆ์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ รวมไปถึงวัดไทยในต่างประเทศด้วย จะต้องไม่ปล่อยให้มีเจ้าสำนักต่างๆ ดำเนินการโดยเอกเทศในลักษณะต่างคนต่างทำ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน