xs
xsm
sm
md
lg

กลาโหมเตรียมพร้อมรพ.สนาม รับผู้ป่วยโควิดที่มีแนวโน้มล้นรพ.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 วานนี้ (5 เม.ย.) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พร้อม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ประชุมร่วมกับเหล่าทัพ ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามสถานการณ์และการสนับสนุนของ กลาโหม ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ในการรับมือกับการควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิด- 19
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวม หากอัตราการแพร่ระบาดของโรค ยังไม่ลดลงจากปัจจุบัน จนถึงกลางเม.ย.นี้ อาจเกินขีดความสามารถของ รพ.สาธารณสุขทั่วประเทศ ที่จะรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ ในขณะที่คนไทยจำนวนมากในต่างประเทศ ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับไทย กำลังทยอยเดินทางกลับ โดยทุกคนต้องอยู่ในมาตรการควบคุมโรคของรัฐอย่างเข้มข้นขึ้น ตามเวลา และสถานที่ที่กำหนด ( State Quarantine) ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมสถานที่รองรับเพิ่มเติม และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพร่วมกันในภาพรวม
การดำเนินการของกลาโหมที่ผ่านมา ทุกเหล่าทัพยังคงจัดกำลังพล และเครื่องมือ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนทำงานร่วมกับ สธ. อย่างใกล้ชิด ทั้งการคัดกรอง การผ่านแดนในทุกช่องทาง โดยเฉพาะลูกเรือ รวมทั้งสนามบินนานาชาติ การอำนวยความสะดวกนำพาและดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เข้าพื้นที่ควบคุมโรคร่วมกับเจ้าหน้าที่ สธ. ณ อาคารรับรองสัตหีบ และ รร.การบินกำแพงแสน ซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว กว่า 350 คน
การเตรียมความพร้อมของ รพ.สนาม และรพ.ค่ายทหารทั้งหมดทั่วประเทศที่มีอยู่ เป็นรพ.เฉพาะโรค เพื่อรองรับผู้ป่วยอาการไม่หนัก จำนวน 2,662 เตียง การจัดกำลังพลร่วมกันทำสะอาด และฉีดยาฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะที่เป็นพื้นที่เสี่ยงทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดต่อเนื่องกันไป การสนับสนุนกำลังพลทยอยร่วมเข้าไปบริจาคโลหิต เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนโลหิตของสภากาชาดไทย การร่วมกันเร่งผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า ซึ่งผลิตได้แล้วกว่า 800,000 ชิ้น ใช้ในกองทัพและแจกจ่ายประชาชน รวมทั้งการรณรงค์สร้างความร่วมมือจากประชาชนในมาตรการต่างๆ ของรัฐที่กำหนด
พร้อมกันนี้ รมช.กลาโหม ได้กำชับขอให้ทุกเหล่าทัพ เร่งเตรียม รพ.สนาม ให้มีความพร้อมโดยเร็ว เพื่อรองรับสถานการณ์ของผู้ป่วยที่อาจมีมากขึ้น จนเกินกำลังของ สธ. พร้อมกับขอให้ประสาน สธ. เร่งจัดหาและเตรียมความพร้อมที่พักเพิ่มเติม ( Hospitel) สำหรับใช้เป็นพื้นที่ควบคุมโรคของรัฐ โดยขอให้หมุนเวียนอบรมให้ความรู้กับกำลังพล ในการทำหน้าที่ด้านสาธารณสุขและด้านการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ โดยเน้นประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข และมีห้องที่เพียงพอ รองรับคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขอให้เพิ่มความเข้มข้นการประชาสัมพันธ์และความร่วมมือกับประชาชนมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น