พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อ 09.00น.วานนี้ (22มี.ค.) พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้เรียกประชุมหน่วยงานภายในกระทรวง เพื่อติดตาม และรับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งมาตรการต่างๆ ของรัฐ กทม. และจังหวัดต่างๆ ที่ออกมาเพิ่มเติม เพื่อประเมินความพร้อมทรัพยากรของกระทรวงกลาโหม ในการสนับสนุน สธ. รับมือกับปัญหา
ทั้งนี้ ในภาพรวม ทุกเหล่าทัพ ยังคงความต่อเนื่อง ในการสนับสนุน สธ. รับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาด โดยจัดกำลังพล และบุคลากรทางการแพทย์ กระจายเข้าไปช่วยเหลือ คัดกรองผู้โดยสารจากท่าอากาศยานหลัก และภายในประเทศ พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลเพิ่มเติม เข้าไปช่วยคุมเข้มคัดกรองการผ่านเข้าออกในทุกช่องทางของด่านชายแดน 13 แห่ง ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติ ที่มีแนวโน้มเคลื่อนตัวมากขึ้น รวมทั้งได้สนับสนุน กำลังพล และยานพาหนะ เข้าไปช่วยเสริมการผลิต และกระจายขนส่งหน้ากากอนามัยจากโรงงาน ไปยังสถานพยาบาลต่างๆ
ขณะเดียวกัน ยังคงการสนับสนุนและจัดหาพื้นที่ควบคุมโรคส่วนรวมเพิ่ม พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่หน่วยทหาร และกองพันทหารเสนารักษ์รองรับ ผู้ป่วยระดับ 1 และ 2 จำนวน 2,000 เตียง นอกจากนั้น ได้เตรียมโรงพยาบาลทหาร ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 13 แห่ง รองรับผู้ป่วยระดับ 3 สนับสนุนการทำงานของสธ.ในการบริหารจัดการภาพรวม ขณะที่ปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน และฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะ ยังคงดำเนินการต่อเนื่องกันไป
ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ขอให้เร่งประสานกับสธ. ร่วมจัดทำความสมบูรณ์ของ“ร่างแผนเผชิญเหตุ รองรับ โควิด-19 กรณีเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งจากบทเรียนการฝึกร่วมที่ผ่านมา โดยให้เสนอรัฐบาลทราบแผนดังกล่าว เพื่อให้ กทม. โดย "ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์ กทม." ใช้แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ และควบคุมโรค ในภาวะเผชิญเหตุ
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ทุกเหล่าทัพ สนับสนุนทรัพยากรอย่างเต็มกำลัง และทำงานร่วมกับ สธ. และส่วนราชการต่างๆ ใกล้ชิดมากขึ้น. พร้อมทั้งกำชับ ขอให้ความสำคัญในการดูแล ปกป้องกำลังพลและครอบครัว โดยให้กำหนดมาตรการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดภายในหน่วยทหาร และที่พักอาศัยของหน่วยทหาร ย้ำกำลังพลต้องมีวินัย รู้หน้าที่ และมีความรับผิดชอบตนเองและสังคมอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ ในภาพรวม ทุกเหล่าทัพ ยังคงความต่อเนื่อง ในการสนับสนุน สธ. รับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาด โดยจัดกำลังพล และบุคลากรทางการแพทย์ กระจายเข้าไปช่วยเหลือ คัดกรองผู้โดยสารจากท่าอากาศยานหลัก และภายในประเทศ พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลเพิ่มเติม เข้าไปช่วยคุมเข้มคัดกรองการผ่านเข้าออกในทุกช่องทางของด่านชายแดน 13 แห่ง ทั้งทางบก และทางน้ำ โดยเฉพาะแรงงานต่างชาติ ที่มีแนวโน้มเคลื่อนตัวมากขึ้น รวมทั้งได้สนับสนุน กำลังพล และยานพาหนะ เข้าไปช่วยเสริมการผลิต และกระจายขนส่งหน้ากากอนามัยจากโรงงาน ไปยังสถานพยาบาลต่างๆ
ขณะเดียวกัน ยังคงการสนับสนุนและจัดหาพื้นที่ควบคุมโรคส่วนรวมเพิ่ม พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่หน่วยทหาร และกองพันทหารเสนารักษ์รองรับ ผู้ป่วยระดับ 1 และ 2 จำนวน 2,000 เตียง นอกจากนั้น ได้เตรียมโรงพยาบาลทหาร ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 13 แห่ง รองรับผู้ป่วยระดับ 3 สนับสนุนการทำงานของสธ.ในการบริหารจัดการภาพรวม ขณะที่ปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน และฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะ ยังคงดำเนินการต่อเนื่องกันไป
ทั้งนี้ พล.อ.ชัยชาญ ได้ขอให้เร่งประสานกับสธ. ร่วมจัดทำความสมบูรณ์ของ“ร่างแผนเผชิญเหตุ รองรับ โควิด-19 กรณีเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ซึ่งจากบทเรียนการฝึกร่วมที่ผ่านมา โดยให้เสนอรัฐบาลทราบแผนดังกล่าว เพื่อให้ กทม. โดย "ศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรด้านการแพทย์ กทม." ใช้แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรทางการแพทย์ และควบคุมโรค ในภาวะเผชิญเหตุ
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ทุกเหล่าทัพ สนับสนุนทรัพยากรอย่างเต็มกำลัง และทำงานร่วมกับ สธ. และส่วนราชการต่างๆ ใกล้ชิดมากขึ้น. พร้อมทั้งกำชับ ขอให้ความสำคัญในการดูแล ปกป้องกำลังพลและครอบครัว โดยให้กำหนดมาตรการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดภายในหน่วยทหาร และที่พักอาศัยของหน่วยทหาร ย้ำกำลังพลต้องมีวินัย รู้หน้าที่ และมีความรับผิดชอบตนเองและสังคมอย่างจริงจัง