กว่าผู้นำทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ จอมอหังการ จะยอมรับความรุนแรงการระบาดของเชื้อโรคโคโรนาไวรัส ก็ต่อเมื่อได้เห็นตัวเลขคนติดเชื้อ คนตาย เพิ่มทุกวัน และลามไปทั่วโลก โดยมีแหล่งการแพร่กระจายอย่างที่เอาไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ที่ยุโรปและสหรัฐ อเมริกา
ทรัมป์ประกาศเตือนว่าคนอเมริกันอาจเสียชีวิตเพราะการระบาดครั้งนี้มาก ระหว่าง 1-2.4 แสนราย คนติดเชื้อจะต้องอยู่ระดับเป็นล้านๆ คน ที่วิกฤตก็คือ ยังมีความขาดแคลนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์สำคัญคือเครื่องช่วยหายใจ เตียงรับผู้ป่วย
โรงพยาบาลทุกแห่งอยู่ในสภาพตึงมือ พวกแพทย์แทบไม่ได้พักผ่อน รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องประกาศผ่านสถานทูต ดังเช่นในประเทศไทย รับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้ไปทำงานในสหรัฐฯ โดยให้วีซ่าทำงานนาน 1-7 ปี มีเงื่อนไขผ่อนปรนต่างๆ
สะท้อนให้เห็นถึงภาวะวิกฤตที่ทรัมป์ประกาศก่อนหน้านี้ว่าตัวเองไม่ขอรับผิดชอบ และการขาดแคลนเวชภัณฑ์ต่างเป็นเพราะรัฐบาลก่อนๆ ไม่วางแผนนโยบายการผลิตไว้ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว จะอ้างความไม่รับผิดชอบไม่ได้อีกแล้ว เพราะคนติดเชื้อและตายมาก
และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เสี่ยงต่อการถดถอยจนถึงภาวะตกต่ำ บริษัทใหญ่น้อยอาจต้องถึงขั้นหยุดกิจการ ล้มละลายด้วย ทุกวันนี้สายการบิน โรงแรม ห้าง บริษัทขนาดใหญ่ทุกประเภท บริษัทน้ำมัน ฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังย่ำแย่ คนว่างงานหลายล้านคน
แนวโน้มโดยรวมยังไม่มีอะไรดีขึ้นในสหรัฐฯ การเร่งวิจัยวัคซีนกว่าจะใช้การได้ถึงขั้นผลิต ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ทุกคนต้องเฝ้าระวังดูแลตัวเอง
นายคริส คูโอโม นักจัดรายการการเมืองคนดังช่องซีเอ็นเอ็น และเป็นน้องชายของผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ก็ประกาศในทวิตเตอร์ว่าตัวเองตรวจแล้วมีผลเป็นบวก ต้องพักงานไป ผู้ว่านิวยอร์กก็รับงานหนัก มีผู้ติดเชื้อกว่า 5 หมื่นรายและส่วนมากอยู่ในนครนิวยอร์ก
ความพยายามสกัดกั้นการระบาดยังไม่เป็นผล ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางก็ไม่มา ทุกรัฐต้องช่วยตังเอง ทรัมป์ก็ประณามคนกักตุนหน้ากากและอุปกรณ์การแพทย์
คนอเมริกันกว่า 200 ล้านคนถูกคำสั่งให้กักตัวเองอยู่ในบ้าน มาตรการที่ทรัมป์ประกาศยืดไปถึงสิ้นเดือนนี้ เท่ากับว่ากิจกรรมธุรกิจต่างๆ แทบหยุด เว้นแต่การผลิตเพื่อการแพทย์ และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสู้กับการระบาด ถือว่าเป็นเดิมพันสำหรับความอยู่รอด
เป็นวิกฤตที่คนทั้งโลกยังไม่เคยเผชิญมาก่อน ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด!
กว่าทรัมป์จะหายกร่างก็น่าจะสายโขแล้ว เพราะการระบาดลามไปทุกรัฐ ก่อนหน้านี้ทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ได้เตือนย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้ระวัง ทรัมป์ก็ยังทำปากดี โทษจีนว่าเป็นต้นเหตุของการระบาด เรียกย้ำซ้ำซากว่าเป็น “ไวรัสจีน” ใครจะฉุดรั้งเตือนก็ไม่ฟัง
ไม่กี่วันก่อน คงรู้แล้วว่าถ้ายังทำท่ามาก ปากสร้างศัตรู คนอเมริกันจะตายเพิ่ม และโอกาสที่ตัวเองจะชนะการเลือกตั้งจะลดน้อยลง คนอเมริกันเริ่มเชื่ออย่างแรงแล้วว่าเพราะความดื้อรั้น ไม่ฟังใครของท่านผู้นำนั่นแหละ ทำให้การระบาดอยู่ในระดับนี้
สมกับคำประกาศว่า “อเมริกาต้องมาก่อน” และทรัมป์ก็ไม่ผิดหวัง เพราะได้เป็นเจ้าโลกไปแล้วด้วยคนติดเชื้อใกล้ถึง 2 แสนคน ตัวเลขคนตายก็แซงจีนไปแล้ว ยังไปต่อได้อีก ความพยายามด้วยมาตรการต่างๆ ทำให้เห็นชัดว่า “เงิน” ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาได้หมด
มีเงินก็หาซื้อเวชภัณฑ์ไม่ได้ง่าย ทุกชาติทำเพื่อตัวเองและซื้อจากแหล่งใหญ่คือจีน
ทรัมป์อุตส่าห์ประกาศมาตรการความช่วยเหลือมากถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ให้คนอเมริกันอยู่รอดด้วยเงินคนละ 1,200-2,400 ดอลลาร์ต่อเดือน ประเด็นสำคัญอยู่ที่เงินเท่านั้นหยุดความถดถอยทางเศรษฐกิจไม่ได้ คนทำงานโรงแรม 45 เปอร์เซ็นต์จะตกงาน
คนอเมริกันไม่มีทางเลือก นอกจากต้องดูแลตัวเอง และทำให้โลกได้รับรู้ว่าประชาชนของชาติมหาอำนาจ มหาเศรษฐีก็ไม่ต่างจากคนในประเทศอื่นๆ มีทั้งยากดีมีจน ตกงาน ไร้บ้าน มีชีวิตอยู่ไปแต่ละวันแทบไม่เห็นอนาคตว่าจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร
สภาพของทรัมป์ที่สิ้นท่าเห็นได้ชัดว่าจนแต้ม ต้องโทร.ไปหาผู้นำจีน สี จิ้นผิง ขอความร่วมมือในการต่อสู้กับไวรัส และผู้นำจีนคงไม่ลืมว่าทรัมป์ได้ทำอะไรไว้บ้าง ไม่ใช่เฉพาะกับจีน แต่กับคนทั้งโลก ด้วยมาตรการกำแพงภาษี คว่ำบาตร สารพัดที่กล้าทำ
การแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นหัวคน กำลังส่งผลให้สหรัฐฯ ทุกวันนี้ เพราะจะไปพึ่งพาใครไม่ได้ที่ตัวเองลำบาก และความเป็นชาติมหาอำนาจยังไม่อยู่ในสภาพที่จะไปอุ้มชูช่วยเหลือใครได้ พันธมิตรที่หวังพึ่ง ก็คงไม่ได้อะไร เพราะรู้ว่าสหรัฐฯ จะเอาตัวไม่รอด
พญาอินทรี เคยอหังการ บินร่อนไปแสดงแสนยานุภาพไปทั่วโลก กำลังอยู่ในสภาพป่วย ไม่ต่างจากไก่เหงาติดเชื้อห่าลง เกาะกิ่งไม้หัวซุกซอกปีก ขี้ขาวไหลโจ๊ก
ถ้าเป็นไก่เหงาในสภาพแบบนี้ อีกไม่กี่วันคงล้มดิ้นปั๊ดๆ สิ้นลมหายใจ!
ยุโรปก็ไม่ต่างกัน อิตาลีมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 1 หมื่นคน และยังไปได้ไม่หยุด ตามมาด้วยสเปนแซงหน้าจีนมาแล้ว และเยอรมนีกำลังไล่ตามมาพร้อมชาติยุโรปอื่นๆ แม้กระทั่งอังกฤษก็ยังมีคนติดเชื้อกว่า 1 หมื่นราย อยู่ในขั้นสาหัส
ผู้นำประเทศ บอริส จอห์นสัน ยังเดี้ยงเพราะตรวจแล้วมีผลเป็นบวก!
ยุโรปก็ไม่มีความพร้อมในการรับวิกฤต ความที่ไม่เคยเผชิญกับการระบาดของโรคเหมือนอย่างที่จีนเคยเผชิญกับซาร์ส ไข้หวัดนก ทำให้ไม่มีระบบการผลิตเวชภัณฑ์ต่างๆ และยังถกเถียงกันด้วยมาตรการป้องกัน รวมทั้งเรื่องควรสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่
เมื่อเถียงกันไม่เลิก เชื้อโคโรนาไวรัสก็แผลงฤทธิ์ไม่หยุด ฝรั่งผิวขาวจึงตายเป็นเบือ เก็บศพไปฝังแทบไม่ทัน ต้องหาสถานที่เก็บ คนตายไม่มีโอกาสได้สั่งเสียญาติมิตร แม้แต่แพทย์ก็ไม่รอด หมอในอิตาลีเสียชีวิตไปมากกว่า 60 ราย และมีบุคลากรอื่นๆ อีกด้วย
ที่เห็นประโยชน์คืออากาศสะอาดทั่วโลก โดยเฉพาะอินเดีย จีน ยุโรป! โคโรนาไวรัสประกาศย้ำ “ทำอะไรมนุษย์ไม่ได้ ถ้าแยกกันอยู่ในบ้าน ไม่ไปไหน” จะเชื่อฟังหรือไม่