xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่เห็นทางชนะโคโรนาไวรัส

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



โคโรนาไวรัส เชื้อมหันตภัยศักยภาพไร้ขอบเขตในการทำลายชีวิตคนกำลังท้าทายความสามารถของมนุษยชาติทั่วโลก ด้วยการระบาดอย่างไม่หยุดยั้ง นับได้ว่าเป็นไวรัสปราบเซียนแท้จริงโดยเฉพาะชาติตะวันตก ขณะที่จีนได้กลายเป็นเซียนอันดับ 1 ของโลก

จีนสามารถระงับการระบาดภายในประเทศได้ น่าจะเกือบเด็ดขาด เพราะได้เปิดมณฑลหูเป่ยให้มีการคมนาคมได้แล้ว เครื่องบินโดยสารภายในประเทศเริ่มให้บริการนอกจากการคมนาคมภาคพื้นดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการที่ใช้เด็ดขาดนั้นได้ผล

และยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นก็คือ ได้เปิดเมืองอู่ฮั่น แหล่งต้นตอการระบาดของโคโรนาไวรัสในปลายเดือนธันวาคมให้คนเดินทางเข้าได้ แต่ยังห้ามออก เสริมมาตรการเข้มโดยห้ามคนต่างชาติเข้าประเทศ เว้นแต่ผู้ได้รับอนุมัติกรณีพิเศษ เช่นนักการทูต

จีนสามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อได้ถึง 9 หมื่นราย มีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 4 พันราย และผู้ป่วยเริ่มได้รับการรักษาจนเหลือจำนวนไม่มากนัก ถ้าไม่มีการระบาดระลอก 2 จากเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ จีนคงเป็นประเทศแรกที่หลุดพ้นจากการคุกคามอย่างสาหัส

และจีนได้เปลี่ยนสภาพเป็นผู้ช่วยเหลือประเทศที่ยังเผชิญการระบาดอย่างหนัก เป็นผู้ผลิตเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์รายใหญ่ของโลก แทบจะเป็นประเทศเดียวที่เป็นที่พึ่งพาด้านการจัดส่งสินค้าจำเป็นพวกนี้ได้ แม้แต่ชาติมหาอำนาจอื่นๆ ก็จนแต้ม

จีนเป็นประเทศที่พร้อมในการผลิตสินค้าประเภทนี้ มีความคล่องตัวมากกว่า และมีโรงงานซึ่งปรับเปลี่ยนเครื่องมือเพื่อรับสถานการณ์ได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ

ผู้นำสหรัฐฯ ต้องใช้อำนาจในภาวะสงครามสั่งบริษัทอุตสาหกรรมหันมาผลิตเวชภัณฑ์ที่จำเป็น โดยให้บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ให้ผลิตเครื่องช่วยหายใจ และให้บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินให้ผลิตหน้ากากสำหรับแพทย์

ล่าสุดจีนได้เปิดสายพานการผลิตเครื่องช่วยหายใจป้อนหลายประเทศ แม้แต่อีลอน มัสค์ เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า ก็ยังสั่งซื้อหลายร้อยเครื่องเพื่อส่งให้รัฐนิวยอร์กซึ่งเผชิญวิกฤตหนัก เป็นแหล่งการระบาดหนักในสหรัฐฯ โดยมีผู้ติดเชื้อกว่า 5 หมื่นราย

ตัวเมืองนิวยอร์ก มีผู้ติดเชื้อเกือบ 3 หมื่นราย ขณะที่สหรัฐฯ ได้เป็นแชมป์ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อเกินกว่า 1.2 แสนรายช่วงวันหยุดสัปดาห์ แม้จะมีมาตรการปิดหลายเมือง ก็ยังไม่สามารถสกัดได้สำเร็จ ความขาดแคลนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ก็เริ่มเข้าสู่วิกฤต

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แอนดรู คูโอโม ได้พยายามขอซื้อเวชภัณฑ์ และของจำเป็นต่างๆ จากจีน เพราะไม่มีทางเลือกอื่นๆ คำขอร้องเกาหลีจากผู้นำทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ ให้ส่งเวชภัณฑ์ไม่ได้รับการตอบสนอง มีคำตอบเพียงแต่ว่า “ถ้ามีเหลือจะจัดให้”

พญาอินทรีย์จอมอหังการ สิ้นท่า ถึงต้องยอมตากหน้า หายกร่าง โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ขอความร่วมมือ ซึ่งผู้นำจีนก็พร้อมที่จะช่วย จะกระหยิ่มในใจเมื่อเห็นพญาอินทรีย์ติดเชื้อไข้หวัดนกหรือไม่ มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่จะรู้ และไม่บอก

ฝรั่งเศสได้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของจีน ล่าสุดได้สั่งซื้อหน้ากากอนามัย 1 พันล้านชิ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้สั่งซื้อกว่า 300 ล้านชิ้น เพราะฝรั่งเศสสามารถผลิตได้ 8 ล้านชิ้นใน 1 สัปดาห์ แต่ความต้องการภายในประเทศมีมากถึง 40 ล้านชิ้น ยังต่างกันมาก

มีเพียง 7 ประเทศซึ่งสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจ และต่างก็ไม่ยอมส่งออก เพราะต้องให้ในประเทศมีใช้อย่างเพียงพอและไม่มีทางพอ เมื่อตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มไม่หยุด

จีนได้ช่วยเหลืออิตาลีอย่างเต็มที่ ทำให้รัฐบาลอิตาลีต้องเอาธงชาติประชาคมยุโรปลงเพราะพึ่งพาอะไรไม่ได้ และชักธงชาติจีนขึ้นไปแทน อิตาลีเป็นแหล่งระบาดหนักในยุโรปมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน่าจะถึง 1 แสนคนในอีกไม่กี่วัน มีคนตายมากกว่า 1 หมื่นราย

ประชาคมยุโรปช่วยอิตาลีไม่ได้เพราะแต่ละประเทศก็เต็มกลืนในการรับมือ สเปนอยู่ในสภาพวิกฤต ตัวเลขผู้ติดเชื้อน่าจะแซงจีนในเร็ววัน จัดการศพไม่ทันเพราะอยู่ในสภาพตายเป็นเบือเหมือนในอิตาลี ตามมาด้วยเยอรมนีกว่า 5 หมื่นราย และยังไม่หยุด

ประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปส่อแววว่าจะไม่สามารถหยุดการระบาดได้ ปัญหาที่เผชิญก็ไม่ต่างกัน นั่นคือความขาดแคลนเวชภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น โดยเฉพาะเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจำเป็นในการรักษาผู้ป่วยที่ปอดโดนโจมตีจนเสียชีวิต

การระบาดเริ่มส่งผลหนักในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา และแอฟริกา การขาดแคลนเวชภัณฑ์ เตียงรับผู้ป่วย และจำนวนบุคลากรการแพทย์ และไม่มียารักษา หรือวัคซีนป้องกัน ทำให้การต่อสู้กับโคโรนาไวรัสไม่ได้ผล แพทย์ก็ติดเชื้อเสียชีวิตมาก

ในอิตาลี มีแพทย์เสียชีวิตมากกว่า 50 ราย ความน่าสลดใจก็คือ ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้น ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไม่ได้มีโอกาสได้พบปะเยี่ยมเยียนเพราะกลัวการติดเชื้อ แม้แต่การจัดการศพก็เป็นปัญหาสำหรับเจ้าหน้าที่ บาทหลวงและสัปเหร่อในการทำพิธี

รัฐบาลอังกฤษคาดการณ์ไว้ว่า ถ้ามีผู้เสียชีวิตในประเทศมีน้อยกว่า 2 หมื่นราย ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จในการจัดการกับโคโรนาไวรัสแล้ว และตัวเลขการติดเชื้อยังเขยิบขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับปัญหาความขาดแคลน ไม่สามารถพึ่งพาประเทศอื่นๆ ให้ช่วยได้

จะสิ้นสุดอย่างไร เมื่อไหร่ ยังไม่มีใครตอบได้ แม้แต่แพทย์ ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

สิ่งที่เผชิญพร้อมกันก็คือวิกฤตด้านเศรษฐกิจซึ่งกระหน่ำซ้ำเติมหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทุกประเทศต้องยอมรับการติดลบด้านตัวเลขการขยายตัว มาตรการฟื้นฟูเยียวยาจะต้องมากมหาศาลหลายล้านล้านดอลลาร์

ยังมีวิกฤตด้านสังคม คนว่างงาน ขาดรายได้ อดอยาก อาชญากรรม แต่ละประเทศต้องรับวิกฤตต่างกัน และในภาวะเช่นนี้ ยังไม่มีใครเก่งฉกาจกว่าใคร และโลกรอดูว่าเหยื่อคนสุดท้ายจะเป็นโดนัลด์ ทรัมป์หรือไม่ ในศึกเลือกตั้งสิ้นปีนี้ ถ้าแพ้โคโรนาไวรัส

แต่สี จิ้นผิง ได้ไปยืนรอหน้าแท่น เตรียมจะขึ้นรับตำแหน่งแชมป์แล้ว!
กำลังโหลดความคิดเห็น