ผู้จัดการรายวัน360- “สนธิรัตน์”จัดให้ต่อเนื่องโดดอุ้มผู้ประกอบการรถโดยสารธารณะ 8 หมื่นคันที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 เคาะลดราคาเอ็นจีวี 3 บาทต่อกก.อยู่ที่ 10.62บ./กก.เป็นเวลา 3 เดือนมีผล 1เม.ย.-30 มิ.ย.นี้ พร้อมสั่งรื้อโครงสร้างราคาใหม่ให้เวลาศึกษา3เดือนรถบรรทุกรอไปก่อน ข่าวดีปั๊มปตท.-บางจากจ่อขายแอลแอฮอล์ 70% ราคาถูกสัปดาห์หน้า ด้าน กฟผ.เสนอ 3 ศูนย์ฝึกอบรมเป็นโรงพยาบาลสนาม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยหลังการเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 25มี.ค. ว่า กบง.มีมติปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)เฉพาะกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ 3บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากราคา13 .62บาทต่อกก. เหลือ 10.62 บาท/กก. เป็นเวลา 3เดือนมีผลตั้งแต่ วันที่ 1เม.ย -30 มิ.ย.2563 .นี้ เพื่อลดความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด -19 ที่จะครอบคลุมรถ 8 หมื่นคันจากกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศอาทิ รถแท็กซี่ ,ตุ๊กตุ๊ก,รถตู้ ,รถร่วม ขสมก. ,มินิบัส,รถสองแถวร่วมขสมก.เป็นต้น
“เราได้ขอความร่วมมือบมจ.ปตท.ให้เข้ามาช่วยรับภาระในเรื่องของส่วนต่างที่จะคงราคาไว้ที่ 10.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือนประเมินว่าปตท.จะใช้เงินราว 300 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ปตท.จะมีประชุมบอร์ดวาระพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องนี้และให้ราคาลดลงมีผลตามที่กำหนด”นายสนธิรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้กระทรวงพลังงานโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม บมจ.ปตท.และมีเกี่ยวข้องไปศึกษาการปรับโครงสร้างราคา NGV ในภาพรวมที่จะเป็นมาตรการใช้ในระยะยาวสำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่มให้อยู่ได้และนำมาเป็นกลไกการขับเคลื่อนรองรับการแก้ไขปัญหาการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน(PM2.5) ซึ่งจะมีระยะเวลาพิจารณา 3 เดือนเช่นกันจากนั้นจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกบง.เห็นชอบอีกครั้ง
“วันนี้เราช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มสาธารณะอยู่แต่รถบรรทุกก็ขอให้รอการศึกษาภาพใหญ่ที่จะเป็นการรื้อโครงสร้างเพราะ 10ปีที่ผ่านมานั้นปตท.เองก็อุ้มราคามาตลอดแต่ยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนและมั่นคงจึงต้องมีการเปลี่ยนผ่านไปที่จะต้องมองในเรื่องของ PM 2.5 และยังรวมถึงอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าหรือEV มาจะต้องเป็นอย่างไรด้วยซึ่งเห็นว่า NGV ควรจะเป็นพลังงานทางเลือกที่มีต้นทุนไม่แพงเกินไป ลดสิ่งแดล้อม”นายสนธิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ภายในสัปดาห์หน้าสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊มน้ำมัน) ของ เครือ บมจ. ปตท.-บางจากฯ จะเริ่มจำหน่ายแอลกอฮอลล์ 70% เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อในราคาต่ำที่เป็นราคาต้นทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงได้ร่วมมือกับกรมสรรพสามิต ปลดล็อคให้สามารถเอทานอลจากเชื้อเพลิงสามารถนำมาใช้ได้จาก 26 โรงงานเอทานอลที่มีส่วนเกินจากการจำหน่าย 1 ล้านลิตร/วันมามาเป็นแอลกอฮอล์เพื่อเสริมความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ในการผลิตเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจำหน่ายในท้องตลาด โดยมียอดสั่งซื้อไปแล้ว 5 ล้านลิตร และมีการใช้เพื่อผลิตเจลแอลกฮอล์ไปแล้ว 2-3 ล้านลิตร จากที่เดิมความต้องการใช้แอลกอฮอล์ทางการแพทย์อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นลิตร/วัน ซึ่งมั่นใจว่าปริมาณแอลกอฮอล์หลังจากนี้จะมีมากขึ้น
“ระยะแรกนั้นที่ปั๊มพีทีทีสเตชั่นได้มีการแจกเจลล้างมมือ 1 ล้านขวดซึ่งได้ทยอยออกมาแล้ว , บางจากฯ เปิดให้เติมเจลแอลกอฮอล์ฟรี และต่อไปจะเปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์70% ในราคาต้นทุน ที่ปั๊มพีทีที สเตชั่น และปั๊มบางจากฯ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อร่วมแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ขอขอบคุณภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆที่ให้ความร่วมมืออย่างดี นอกจากปตท.และบางจากยังมี บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ เตรียมสนับสนุนเครื่องความดันลบ หรือห้องคลีนรูม แบบเนกาทีฟ เพรสเชอร์ , เครื่องกรองเชื้อไวรัสเป็นต้น" นายสนธิรัตน์กล่าว
ย้ำคืนเงินประกันไฟฟ้าดูแลมิเตอร์คงเดิม
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หากเจ้าของบ้านรับคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าแล้ว ต่อไปถ้ามิแตอร์ไฟฟ้าชำรุด เจ้าของบ้านต้องเสียเงินเปลี่ยนมเตอร์เองว่า เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกัน ผู้ใช้ไฟฟ้ายังได้บริการจาก 2 การไฟฟ้า(การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) เช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้า ไม่ใช่การคืนเงินประกันมิเตอร์ โดยตัวมิเตอร์ ถือเป็นสินทรัพย์ของ 2 การไฟฟ้า ซึ่งข้อกำหนดปัจจุบัน หากมีการชำรุดเสียหาย โดยระบบตัวเครื่อง หรือจากภัยธรรมชาติ ทั้ง 2 การไฟฟ้าจะดำเนิการสับเปลี่ยนให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นมิเตอร์ชำรุด ที่เกิดจากการกระทำ เช่น ชน เฉี่ยว แตก หรือการโหลดไฟฟ้าเกินขนาดมิเตอร์ กรณีนี้ผู้ใช้ต้องเป็นผู้ชำระค่ามิเตอร์ ซึ่งเป็นหลักการเดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าอย่างใด
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเปิดเผยหลังการเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 25มี.ค. ว่า กบง.มีมติปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV)เฉพาะกลุ่มรถโดยสารสาธารณะ 3บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จากราคา13 .62บาทต่อกก. เหลือ 10.62 บาท/กก. เป็นเวลา 3เดือนมีผลตั้งแต่ วันที่ 1เม.ย -30 มิ.ย.2563 .นี้ เพื่อลดความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด -19 ที่จะครอบคลุมรถ 8 หมื่นคันจากกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศอาทิ รถแท็กซี่ ,ตุ๊กตุ๊ก,รถตู้ ,รถร่วม ขสมก. ,มินิบัส,รถสองแถวร่วมขสมก.เป็นต้น
“เราได้ขอความร่วมมือบมจ.ปตท.ให้เข้ามาช่วยรับภาระในเรื่องของส่วนต่างที่จะคงราคาไว้ที่ 10.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือนประเมินว่าปตท.จะใช้เงินราว 300 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ปตท.จะมีประชุมบอร์ดวาระพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องนี้และให้ราคาลดลงมีผลตามที่กำหนด”นายสนธิรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้กระทรวงพลังงานโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม บมจ.ปตท.และมีเกี่ยวข้องไปศึกษาการปรับโครงสร้างราคา NGV ในภาพรวมที่จะเป็นมาตรการใช้ในระยะยาวสำหรับผู้ใช้ทุกกลุ่มให้อยู่ได้และนำมาเป็นกลไกการขับเคลื่อนรองรับการแก้ไขปัญหาการลดฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน(PM2.5) ซึ่งจะมีระยะเวลาพิจารณา 3 เดือนเช่นกันจากนั้นจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมกบง.เห็นชอบอีกครั้ง
“วันนี้เราช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มสาธารณะอยู่แต่รถบรรทุกก็ขอให้รอการศึกษาภาพใหญ่ที่จะเป็นการรื้อโครงสร้างเพราะ 10ปีที่ผ่านมานั้นปตท.เองก็อุ้มราคามาตลอดแต่ยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจนและมั่นคงจึงต้องมีการเปลี่ยนผ่านไปที่จะต้องมองในเรื่องของ PM 2.5 และยังรวมถึงอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าหรือEV มาจะต้องเป็นอย่างไรด้วยซึ่งเห็นว่า NGV ควรจะเป็นพลังงานทางเลือกที่มีต้นทุนไม่แพงเกินไป ลดสิ่งแดล้อม”นายสนธิรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ภายในสัปดาห์หน้าสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊มน้ำมัน) ของ เครือ บมจ. ปตท.-บางจากฯ จะเริ่มจำหน่ายแอลกอฮอลล์ 70% เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อในราคาต่ำที่เป็นราคาต้นทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงได้ร่วมมือกับกรมสรรพสามิต ปลดล็อคให้สามารถเอทานอลจากเชื้อเพลิงสามารถนำมาใช้ได้จาก 26 โรงงานเอทานอลที่มีส่วนเกินจากการจำหน่าย 1 ล้านลิตร/วันมามาเป็นแอลกอฮอล์เพื่อเสริมความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ในการผลิตเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจำหน่ายในท้องตลาด โดยมียอดสั่งซื้อไปแล้ว 5 ล้านลิตร และมีการใช้เพื่อผลิตเจลแอลกฮอล์ไปแล้ว 2-3 ล้านลิตร จากที่เดิมความต้องการใช้แอลกอฮอล์ทางการแพทย์อยู่ที่ประมาณ 8 หมื่นลิตร/วัน ซึ่งมั่นใจว่าปริมาณแอลกอฮอล์หลังจากนี้จะมีมากขึ้น
“ระยะแรกนั้นที่ปั๊มพีทีทีสเตชั่นได้มีการแจกเจลล้างมมือ 1 ล้านขวดซึ่งได้ทยอยออกมาแล้ว , บางจากฯ เปิดให้เติมเจลแอลกอฮอล์ฟรี และต่อไปจะเปิดจำหน่ายแอลกอฮอล์70% ในราคาต้นทุน ที่ปั๊มพีทีที สเตชั่น และปั๊มบางจากฯ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อร่วมแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ขอขอบคุณภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆที่ให้ความร่วมมืออย่างดี นอกจากปตท.และบางจากยังมี บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ เตรียมสนับสนุนเครื่องความดันลบ หรือห้องคลีนรูม แบบเนกาทีฟ เพรสเชอร์ , เครื่องกรองเชื้อไวรัสเป็นต้น" นายสนธิรัตน์กล่าว
ย้ำคืนเงินประกันไฟฟ้าดูแลมิเตอร์คงเดิม
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า หากเจ้าของบ้านรับคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้าแล้ว ต่อไปถ้ามิแตอร์ไฟฟ้าชำรุด เจ้าของบ้านต้องเสียเงินเปลี่ยนมเตอร์เองว่า เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกัน ผู้ใช้ไฟฟ้ายังได้บริการจาก 2 การไฟฟ้า(การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) เช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งการคืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้า ไม่ใช่การคืนเงินประกันมิเตอร์ โดยตัวมิเตอร์ ถือเป็นสินทรัพย์ของ 2 การไฟฟ้า ซึ่งข้อกำหนดปัจจุบัน หากมีการชำรุดเสียหาย โดยระบบตัวเครื่อง หรือจากภัยธรรมชาติ ทั้ง 2 การไฟฟ้าจะดำเนิการสับเปลี่ยนให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้นมิเตอร์ชำรุด ที่เกิดจากการกระทำ เช่น ชน เฉี่ยว แตก หรือการโหลดไฟฟ้าเกินขนาดมิเตอร์ กรณีนี้ผู้ใช้ต้องเป็นผู้ชำระค่ามิเตอร์ ซึ่งเป็นหลักการเดิม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าอย่างใด