สธ.พบป่วยโควิด-19 รายใหม่ 60 คน จากกลุ่มสนามมวย 12 คน กลุ่มผับหลายย่าน 14 คน ตั้งแต่คนเที่ยว-ดีเจ-พ่อครัว-เสิร์ฟ-แคชเชียร์ 5 รายกลับจากมาเลเซีย วอน ปชช.งด-ลดการเดินทางโดยไม่จำเป็น "บิ๊กตู่" เชื่อพบติดเชื้อเยอะ สะท้อนระบบคัดกรองดี เผย “มหาดไทย” แจ้ง อปท.ปิดสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง-ทุกประเภท จ่อปิดชายแดนทางบกทั่วประเทศป้องกันการแพร่ระบาด ผลตรวจ “อุตตม” ไม่ติดโควิด-19 แต่ยังกักตัวทำงานที่บ้านให้ครบ 14 วัน
วานนี้ (19 มี.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ประจำวันว่า พบมีผู้ป่วยรายใหม่ 60 ราย แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือสถานที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 43 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสนามมวย 12 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ชม, ญาติ, ผู้ดูแลค่ายมวย, เจ้าหน้าที่ทำงานสนามมวยลุมพินี, ราชดำเนิน และจิตเมืองนนท์ กลุ่มสถานบันเทิง 14 ราย เรียกว่าติดทั้งผับ โดยเป็นทั้งดีเจ, พนักงานทำความสะอาด, พ่อครัว, พนักงานเสิร์ฟ, พิธีกร, แคชเชียร์, คนเที่ยว และแฟนคนเที่ยว จากย่านทองหล่อ สวนหลวง รามคำแหง และสุขุมวิท อีกส่วนเป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่รายงานมาก่อนหน้านี้ 12 ราย เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน, ภรรยา, ผู้โดยสารร่วมเที่ยวบิน, ลูกเรือสายการบิน และแอร์โฮสเตส โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มเหล้า, ทานข้าวร่วมวง และร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 5 ราย เป็นชาวไทยจากปัตตานี และยะลา
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า และ 2. ผู้ป่วยรายใหม่ 17 ราย คือเดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย โดยมีประวัติไปไต้หวัน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อินเดีย, อิตาลี, มาเลเซีย, กัมพูชา, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และอิหร่าน บางรายไปมากกว่า 1 ประเทศ ซึ่งมีรายงานจำนวนผู้ป่วยต่อเนื่อง การทำงานใกล้ชิดต่างชาติ 3 ราย เป็นครูพี่เลี้ยง, พนักงานเคาน์เตอร์เช็กอิน และเพื่อนต่างชาติมาอาศัยในคอนโดฯ ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก 1 ราย เป็นเทรนเนอร์ ในสถานที่ออกกำลังกาย และรอผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติม 4 ราย โดยจำนวนนี้ มีผู้สื่อข่าว 1 ราย
กลุ่มติดเชื้อผับ-สนามมวยทะลุ 100
สรุปมีผู้ป่วยสะสมในประเทศ 272 ราย กลับบ้าน 42 ราย อยู่ระหว่างรักษา 229 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยมีอาการหนัก 3 ราย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ รายงานผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่มีลักษณะสัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง โดยมีกลุ่มคนที่ทำงานและเกี่ยวกับในสถานบันเทิง 57 ราย ส่วนกลุ่มสนามมวยขณะนี้รวม 52 ราย
“เราพบว่าผู้ติดเชื้อจากสนามมวย ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชมจากต่างจังหวัด หมายความว่า ผู้ป่วยนั้นมีโอกาสนำเชื้อกับไปติดคนใกล้ชิดในภูมิลำเนา หรือที่ตัวเองเดินทางไป เรายังพบว่า มีบางคนที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่ยังออกไปในสถานที่ผู้คนแออัด สถานบันเทิง ร้านอาหาร โดยไม่มีการกักกันตัวเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ตรงนี้เป็นอันตรายมาก ในการแพร่โรคสู่ผู้อื่น ส่งผลการควบคุมป้องกันโรคเป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นเหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลแนะนำให้หลีกเลี่ยง งดการไปสถานที่คนแออัด เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเสี่ยงสูง" นพ.สุวรรณชัย ระบุ
วอนงด-ลดเดินทางโดยไม่จำเป็น
นพ.สุวรรณชัย กล่าวเตือนด้วยว่า รัฐบาลโดยนายกฯ มีมติจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ โดยความเห็นชอบคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาที่จะปิดสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น สถานบริการ และสถานอื่นๆ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ดังนั้น ขอแนะนำประชาชนงด-ลดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ไม่ออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น ส่วนคนสัมผัสเสี่ยงสูง ครอบครัวผู้ป่วย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ร่วมวงสังสรรค์ เชียร์มวย เชียร์บอล ใช้ยานพาหนะร่วมกัน ขอให้ช่วยกันรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม กักกันตนเองที่บ้าน เคร่งครัดปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าพนักงานควบคุมโรค และรายงานตัวเจ้าหน้าที่เมื่อมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งความเสี่ยง แยกของใช้สวนตัว รับประทานอาการสุกใหม่ ใช้ช้อนส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ป่วยจากกรณีสนามมวย กระจายใน กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ สุโขทัย นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และล่าสุด คือ นนทบุรี ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี 83 ราย ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ
นายกฯชี้ระบบคัดกรองเยี่ยม
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงฯ รวมถึงผู้บริหาร และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีรายงานด้วยว่า ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวด้านโรคระบาดที่เกษียณอายุราชการไปแล้วมาให้คำแนะนำ อาทิ ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข และ นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายกฯ แถลงผลภายหลังการประชุมฯว่า แม้วันจะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ก็ต้องชื่นชมระบบคัดกรองการติดตามของเราที่สามารถติดตามได้มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดต้องทราบว่าเริ่มแพร่ระบาดจากตรงไหน เช่น สนามมวย หรือผับบาร์ต่างๆ ซึ่งต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการให้ความร่วมมือ สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้รัฐบาลได้ประกาศมาตรการไปแล้ว 6 มาตรการ เป็นการให้อำนาจกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ กทม. สามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมจากกรอบใหญ่ที่ให้ไป เช่น การปิดสถานที่ต่างๆ
“วันนี้ให้ไปในเฉพาะ กทม.และปริมณฑล ถ้าจะปิดในต่างจังหวัดก็ได้ ถ้าเป็นสถานที่ที่เข้าข่ายที่มีความเสี่ยง ผับต่างๆ ตอนนี้ทราบว่าหลายจังหวัดที่มีข่าวเรื่องผับใหญ่ก็ปิดไปแล้ว มีอำนาจในการปิดตรงนี้ การปิด 14 วัน เมื่อจะเปิดใหม่ต้องไปตรวจสอบว่ามีความปลอดภัย ความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ถ้ายัง ก็สามารถขยายเวลาปิดออกไปอีกได้นั้นคืออำนาจที่ตนได้ให้กับพื้นที่ไปแล้ว” นายกฯ กล่าว
แจ้ง อปท.ปิด รร.ในสังกัดทุกแห่ง
อีกด้าน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาในสังกัด ปิดสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งและทุกประเภท กรณีเหตุพิเศษ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสถานศึกษาที่ยังจัดการเรียนการสอนไม่ครบถ้วนตามหลักสูตรของสถานศึกษา ขอให้พิจารณากำหนดจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ หรือจัดการเรียนการสอนชดเชยหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เลื่อนการรับสมัคร การสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัว ที่สถานศึกษาประกาศไว้เดิมตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่อีกด้วย
มท.เล็งปิดชายแดนทางบกทั่ว ปท.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายกฯ และคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดว่า จะมีการออกมาตรการปิดด่านทางบกของประเทศ บริเวณชายแดนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการของ รมว.มหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเริ่มดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย เราประสานให้เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศจัดหาแพทย์มาตรวจอาการคนไทยก่อนจะเดินทางมาว่า เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นไข้ ก่อนจะขึ้นเครื่องเดินทางกลับมา และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วพบว่ามีอาการป่วย เราก็จะนำตัวไปรักษาทันที
“เราพยายามทำทุกทางเพื่อให้เกิดความสบายใจแก่คนไทยทุกคนที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ แต่ขอย้ำว่ากรณีของคนต่างชาติหรือไม่ได้ถือสัญชาติไทย ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทย เราก็ต้องขออภัย จำเป็นต้องใช้มาตรการที่แรงมาก โดยต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่เป็นโควิด-19 ต้องมีกรมธรรม์ประกันชีวิตตัวเอง วงเงินคุ้มครอง 100,000 เหรียญสหรัฐ และเมื่อเดินทางเข้ามาถึงไทยได้ก็ต้องถูกกักตัว 14 วัน ดังนั้น คิดว่าหากไม่มีความจำเป็นคงไม่มีใครอยากเดินทางเข้ามา” นายอนุทิน ระบุ
“อุตตม” ไม่ติดเชื้อ-กักตัวเองต่อ
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม นายอุตตม สาวนายก รมว.คลัง ติดเชื้อโควิด-19 และนายอุตตม ได้ประกาศกักตัวเองและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ผลการตรวจออกมาแล้วปรากฎว่า นายอุตตมไม่ได้มีการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด แต่ก็ยังต้องกักตัวเองจนเป็นเวลา 14 วัน ตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ต่อไป.
วานนี้ (19 มี.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ประจำวันว่า พบมีผู้ป่วยรายใหม่ 60 ราย แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือสถานที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 43 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสนามมวย 12 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ชม, ญาติ, ผู้ดูแลค่ายมวย, เจ้าหน้าที่ทำงานสนามมวยลุมพินี, ราชดำเนิน และจิตเมืองนนท์ กลุ่มสถานบันเทิง 14 ราย เรียกว่าติดทั้งผับ โดยเป็นทั้งดีเจ, พนักงานทำความสะอาด, พ่อครัว, พนักงานเสิร์ฟ, พิธีกร, แคชเชียร์, คนเที่ยว และแฟนคนเที่ยว จากย่านทองหล่อ สวนหลวง รามคำแหง และสุขุมวิท อีกส่วนเป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่รายงานมาก่อนหน้านี้ 12 ราย เป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน, ภรรยา, ผู้โดยสารร่วมเที่ยวบิน, ลูกเรือสายการบิน และแอร์โฮสเตส โดยมีพฤติกรรมเสี่ยงดื่มเหล้า, ทานข้าวร่วมวง และร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 5 ราย เป็นชาวไทยจากปัตตานี และยะลา
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า และ 2. ผู้ป่วยรายใหม่ 17 ราย คือเดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย โดยมีประวัติไปไต้หวัน, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อินเดีย, อิตาลี, มาเลเซีย, กัมพูชา, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และอิหร่าน บางรายไปมากกว่า 1 ประเทศ ซึ่งมีรายงานจำนวนผู้ป่วยต่อเนื่อง การทำงานใกล้ชิดต่างชาติ 3 ราย เป็นครูพี่เลี้ยง, พนักงานเคาน์เตอร์เช็กอิน และเพื่อนต่างชาติมาอาศัยในคอนโดฯ ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก 1 ราย เป็นเทรนเนอร์ ในสถานที่ออกกำลังกาย และรอผลการสอบสวนโรคเพิ่มเติม 4 ราย โดยจำนวนนี้ มีผู้สื่อข่าว 1 ราย
กลุ่มติดเชื้อผับ-สนามมวยทะลุ 100
สรุปมีผู้ป่วยสะสมในประเทศ 272 ราย กลับบ้าน 42 ราย อยู่ระหว่างรักษา 229 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยมีอาการหนัก 3 ราย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ รายงานผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่มีลักษณะสัมผัสใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง โดยมีกลุ่มคนที่ทำงานและเกี่ยวกับในสถานบันเทิง 57 ราย ส่วนกลุ่มสนามมวยขณะนี้รวม 52 ราย
“เราพบว่าผู้ติดเชื้อจากสนามมวย ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชมจากต่างจังหวัด หมายความว่า ผู้ป่วยนั้นมีโอกาสนำเชื้อกับไปติดคนใกล้ชิดในภูมิลำเนา หรือที่ตัวเองเดินทางไป เรายังพบว่า มีบางคนที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่ยังออกไปในสถานที่ผู้คนแออัด สถานบันเทิง ร้านอาหาร โดยไม่มีการกักกันตัวเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ตรงนี้เป็นอันตรายมาก ในการแพร่โรคสู่ผู้อื่น ส่งผลการควบคุมป้องกันโรคเป็นไปด้วยความยากลำบาก เป็นเหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลแนะนำให้หลีกเลี่ยง งดการไปสถานที่คนแออัด เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเสี่ยงสูง" นพ.สุวรรณชัย ระบุ
วอนงด-ลดเดินทางโดยไม่จำเป็น
นพ.สุวรรณชัย กล่าวเตือนด้วยว่า รัฐบาลโดยนายกฯ มีมติจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ โดยความเห็นชอบคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาที่จะปิดสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น สถานบริการ และสถานอื่นๆ ชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ดังนั้น ขอแนะนำประชาชนงด-ลดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ไม่ออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น ส่วนคนสัมผัสเสี่ยงสูง ครอบครัวผู้ป่วย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ร่วมวงสังสรรค์ เชียร์มวย เชียร์บอล ใช้ยานพาหนะร่วมกัน ขอให้ช่วยกันรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม กักกันตนเองที่บ้าน เคร่งครัดปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าพนักงานควบคุมโรค และรายงานตัวเจ้าหน้าที่เมื่อมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งความเสี่ยง แยกของใช้สวนตัว รับประทานอาการสุกใหม่ ใช้ช้อนส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ป่วยจากกรณีสนามมวย กระจายใน กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น สมุทรปราการ สุโขทัย นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และล่าสุด คือ นนทบุรี ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี 83 ราย ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ
นายกฯชี้ระบบคัดกรองเยี่ยม
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เข้าตรวจเยี่ยมและมอบนโยบาย พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงฯ รวมถึงผู้บริหาร และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ โดยมีรายงานด้วยว่า ได้เชิญบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวด้านโรคระบาดที่เกษียณอายุราชการไปแล้วมาให้คำแนะนำ อาทิ ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข และ นพ.อุดม คชินทร อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายกฯ แถลงผลภายหลังการประชุมฯว่า แม้วันจะพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่ก็ต้องชื่นชมระบบคัดกรองการติดตามของเราที่สามารถติดตามได้มากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดต้องทราบว่าเริ่มแพร่ระบาดจากตรงไหน เช่น สนามมวย หรือผับบาร์ต่างๆ ซึ่งต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการให้ความร่วมมือ สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้รัฐบาลได้ประกาศมาตรการไปแล้ว 6 มาตรการ เป็นการให้อำนาจกับฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ กทม. สามารถกำหนดมาตรการเพิ่มเติมจากกรอบใหญ่ที่ให้ไป เช่น การปิดสถานที่ต่างๆ
“วันนี้ให้ไปในเฉพาะ กทม.และปริมณฑล ถ้าจะปิดในต่างจังหวัดก็ได้ ถ้าเป็นสถานที่ที่เข้าข่ายที่มีความเสี่ยง ผับต่างๆ ตอนนี้ทราบว่าหลายจังหวัดที่มีข่าวเรื่องผับใหญ่ก็ปิดไปแล้ว มีอำนาจในการปิดตรงนี้ การปิด 14 วัน เมื่อจะเปิดใหม่ต้องไปตรวจสอบว่ามีความปลอดภัย ความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ถ้ายัง ก็สามารถขยายเวลาปิดออกไปอีกได้นั้นคืออำนาจที่ตนได้ให้กับพื้นที่ไปแล้ว” นายกฯ กล่าว
แจ้ง อปท.ปิด รร.ในสังกัดทุกแห่ง
อีกด้าน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาในสังกัด ปิดสถานศึกษาในสังกัดทุกแห่งและทุกประเภท กรณีเหตุพิเศษ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยสถานศึกษาที่ยังจัดการเรียนการสอนไม่ครบถ้วนตามหลักสูตรของสถานศึกษา ขอให้พิจารณากำหนดจัดการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ หรือจัดการเรียนการสอนชดเชยหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เลื่อนการรับสมัคร การสอบคัดเลือก การจับฉลาก การประกาศผล การรายงานตัว และการมอบตัว ที่สถานศึกษาประกาศไว้เดิมตามปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่อีกด้วย
มท.เล็งปิดชายแดนทางบกทั่ว ปท.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายกฯ และคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดว่า จะมีการออกมาตรการปิดด่านทางบกของประเทศ บริเวณชายแดนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการของ รมว.มหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเริ่มดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย เราประสานให้เอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศจัดหาแพทย์มาตรวจอาการคนไทยก่อนจะเดินทางมาว่า เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นไข้ ก่อนจะขึ้นเครื่องเดินทางกลับมา และเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วพบว่ามีอาการป่วย เราก็จะนำตัวไปรักษาทันที
“เราพยายามทำทุกทางเพื่อให้เกิดความสบายใจแก่คนไทยทุกคนที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ แต่ขอย้ำว่ากรณีของคนต่างชาติหรือไม่ได้ถือสัญชาติไทย ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางไทย เราก็ต้องขออภัย จำเป็นต้องใช้มาตรการที่แรงมาก โดยต้องมีใบรับรองแพทย์ว่าไม่เป็นโควิด-19 ต้องมีกรมธรรม์ประกันชีวิตตัวเอง วงเงินคุ้มครอง 100,000 เหรียญสหรัฐ และเมื่อเดินทางเข้ามาถึงไทยได้ก็ต้องถูกกักตัว 14 วัน ดังนั้น คิดว่าหากไม่มีความจำเป็นคงไม่มีใครอยากเดินทางเข้ามา” นายอนุทิน ระบุ
“อุตตม” ไม่ติดเชื้อ-กักตัวเองต่อ
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่ตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม นายอุตตม สาวนายก รมว.คลัง ติดเชื้อโควิด-19 และนายอุตตม ได้ประกาศกักตัวเองและตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ผลการตรวจออกมาแล้วปรากฎว่า นายอุตตมไม่ได้มีการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด แต่ก็ยังต้องกักตัวเองจนเป็นเวลา 14 วัน ตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ต่อไป.