xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

*ต้อย“สนธิญาณ”กินปูนร้อนท้องไปหรือเปล่า กรณีสัมพันธ์กับ“เทพ-พิตตินันท์”ที่ไปโยงขบวนการค้าหน้ากากอนามัยฉาวโฉ่

วันก่อนเปิดปูม “เทพ”พิตตินันท์ รักเอียด อดีตคณะทำงานของ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรฯ ที่เพิ่งโดนปลดออก ด้วยว่าเป็นตัวละครที่ "บอย ไนท์มาร์เกต" ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี”เอเยนต์เป็นธุระจัดหาหน้ากากอนามัย หลังโพสต์ขายของด้วยราคาแพง และคุยโม้มีของเว่อร์วัง 200 ล้านชิ้น จนเพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ”ร้องให้สังคมล้อมจับ จนตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาและกำลังขยายผลขบวนการค้าหน้ากากอนามัย เอารัดเอาเปรียบประชาชนอย่างฉาวโฉ่ และบังเอิญที่มีข้อมูลไปสืบทราบมาว่า "เทพ-พิตตินันท์" นั้นมีความสัมพันธ์กับ "สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม" สื่อใหญ่ของค่ายเนชั่น เข้า
วันนี้ เฟซบุ๊ก สนธิญาณ ชื่นถทัยในธรรม ของ“สนธิญาณ”ได้โพสต์ข้อความ “จดหมายเปิดผนึกจาก"สนธิญาณ" ถึง "สนธิ" หลังผู้จัดการเสนอข่าวมั่ว โยง "สนธิญาณ" ฝาก "เทพ-พิตตินันท์" ติดตาม "ธรรมนัส" พร้อมกับภาพจดหมาย เขียนด้วยลายมือหลายหน้ากระดาษ ก็ลองไปหาอ่านกันดู แต่โดยหลักใหญ่ใจความของจดหมาย "สนธิญาณ" ย้อนถึงความสัมพันธ์กับ "สนธิ ลิ้มทองกุล" เมื่อครั้งมาขอยืมเงินไปใช้หนี้ เมื่อ 32 ปีก่อน ก่อนจะบอกว่า... ผมขอเรียนพี่สนธิ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นจิตวิญญาณของสื่อในเครือผู้จัดการ ว่า เป็นการรายงานข่าวที่ “เลวมาก”นั่งเทียนเขียนโดยไม่ตรงข้อเท็จจริงเลย ไม่ตรวจสอบ หรือหาข้อมูลในการทำข่าว แม้ก่อนหน้านี้ สื่อในเครือผู้จัดการได้รายงานถึงผมบางส่วน บางเรื่องบางราว ตรงข้อเท็จจริงบ้าง ไม่ตรงบ้าง แต่ไม่รุนแรงและเสียหายต่อผม และส่วนรวมเท่าครั้งนี้”
ตรงที่ "ต้อย" สนธิญาณ บอกว่า ผู้จัดการ “เลวมาก” ตามจดหมาย คือข้อความในคอลัมน์ ที่ว่า “...เมื่อสืบสาวสายสัมพันธ์ที่มาที่ไป จึงพบว่า “พิตตินันท์” คือคนของ “สหายช่วง” ธงชัย สุวรรณวิหค แกนนำกลุ่มสันนิบาตประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานกรรมการ บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Nation TV และ สนธิญาณ ก็เป็นคนนำ “พิตตินันท์”ไปฝากฝังให้เป็นผู้ติดตาม “ร.อ.ธรรมนัส”... ”
อ่านดูกี่รอบๆ แล้วก็อยากจะถาม ท่านประธานสนธิญาณ ว่าไม่ได้มีอะไรไปกล่าวหา หรือไปเชื่อมโยงพฤติการณ์ของขบวนการหาประโยชน์ค้าหน้ากากอนามัยฉาวโฉ่ ที่ชาวบ้านเขาก่นประณามกัน และสังคมโซเชียลฯ ก็ช่วยกันกระชากหน้ากากคนเอารัดเอาเปรียบประชาชนในภาวะวิกฤต จากผลกระทบไวรัส โควิด-19 นี้กันอยู่
"สนธิญาณ" เป็นสื่อใหญ่ ผ่านร้อนผ่านหนาว ล้มลุกคลุกคลาน ทำธุรกิจสื่อก็ต้องมาขอยืมเงินสนธิ อย่างที่ สนธิญาณเองเล่า แต่ที่ไม่ได้เล่าก็อีกหลายครั้ง ที่เจอปัญหา ปิดๆ เปิดๆ สื่อของตัวเองอยู่หลายหน ข้อมูลพวกนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ในวงการสื่อ จนมาวันนี้ได้รับความไว้วางใจจาก“ฉาย บุนนาค”หรือ “ท่านประธาน”ตัวจริงที่คนห้อมล้อม เรียกหาให้ดูแลกิจการของเนชั่น เป็น บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) Nation TV ดังว่า
นอกจากความเป็นสื่อ "สนธิญาณ" ยังเป็น“นักเคลื่อนไหวทางการเมือง”ข้อมูลนี้ก็ไม่ได้ลึกลับดำมืด ก็รู้ๆ กันว่า เมื่อครั้งที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ลงถนนในนาม กปปส. เขาก็อยู่ เคียงข้างลุงกำนัน... ก็รู้ๆ กันอีกว่า หลังคสช. เข้ามาบริหารประเทศ ด้วยสัมพันธ์ระหว่าง "สุเทพกับทหาร" สนธิญาณ เองก็ถูกม้วนเข้ามาในอำนาจรัฐ ว่ากันว่า "ต้อย" เป็นที่ปรึกษาให้กับผู้มากบารมี บรรดาบิ๊กๆ ทหาร พร้อมๆ กับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญเรื่องการข่าว วิเคราะห์สถานการณ์ให้กับบิ๊กๆ ทั้งหลาย จนเมื่อเป็นรัฐบาลมาจากเลือกตั้ง "สนธิญาณ" ก็ยังได้รับเครดิตให้คำแนะนำปรึกษา พรรคพลังประชารัฐ ที่มี “มาดามเดียร์”วทันยา วงษ์โอภาสี ภรรยา "ท่านประธานฉาย" เจ้านายของสนธิญาณโดยตรง มิใช่หรือ ข้อมูลเหล่านี้รับรู้กันใน วงการสื่อ และการเมือง
นั่นก็ว่ากันไป ...ทีนี้กับเรื่องเชื่อมโยงกับ "พิตตินันท์" มันก็ไม่แปลก ถ้าสนธิญาณจะรู้จัก หรือให้คำแนะนำให้คำปรึกษาการหาเสียงเลือกตั้ง หรือยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ อยู่หรือเปล่า
เนื้อความในจดหมายของสนธิญาณเองอีกนั่นแหละ ที่ว่า "กับสหายช่วง หรือพี่ธงชัย สุวรรณวิหค เป็นเพื่อนร่วมชีวิต ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตลอดชีวิตในทุกสถานการณ์ คบกันแบบลูกผู้ชายกับลูกผู้ชายในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา พี่ธงชัยไปช่วย พี่อ้อย “นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล”อดีตผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ที่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเพื่อนรักกัน และผมรู้จักพี่อ้อย มายาวนานในฐานะรุ่นพี่รามทักษิณ" กลับมาที่ "พิตตินันท์" หรือ "เทพ" เป็นคน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและได้ลงเลือกตั้งส.ส.ครั้งล่าสุด ในนามพรรคพลังประชารัฐ ที่เขต 6 จ.สุราษฎร์ธานี แต่สอบตก
คำถามก็มีว่า อ้าวนี่ ไม่ใช่หลักฐานชี้หรือ? ในเมื่อ"ต้อย" สนธิญาณรับว่า ช่วยธีระยุทธ หาเสียง วางหมากในพื้นที่สุราษฎร์ธานี "พิตตินันท์" ก็พลังประชารัฐ พื้นที่สุราษฎร์ธานี โดยทั่วไปก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว จะไม่รู้ ไม่เห็นกันเลยเชียวหรือ ?
ต้องไม่ลืมว่า "พิตตินันท์" รู้จักกับ "สหายช่วง" ธงชัย สุวรรณวิหค ที่ สนธิญาน เอ่ยใน จม.ว่า เป็นเพื่อนร่วมชีวิตกันอีกต่างหาก
จริงหรือไม่จริงที่ฝาก "พิตตินันท์"ไปทำงานกับ "รมช.ธรรมนัส" ก็ชี้แจงกันมา ถ้าไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่อง อุปมาอุปไมย ก็เหมือนกรณีที่ "ร.อ.ธรรมนัส" ชี้แจง ก็พลังประชารัฐ ด้วยกันทั้งนั้น
พอเกิดเรื่องหน้ากากอนามัยอื้อฉาว ในเมื่อ "สนธิญาณ" มีความสัมพันธ์ กว้างขวางในพรรคพลังประชารัฐ เมื่อเกิดเรื่องกับ "พิตตินันท์" คนทำงานในคณะของ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรฯ พรรคพลังประชารัฐ ด้วยกัน ควรหรือไม่ควรที่จะใช้มันสมองอันปราดเปรื่องของ "สนธิญาณ" ต้องชี้แนะพรรคให้ สอบสวน ทำความจริงให้กระจ่างว่าเรื่องราวมันยังไง
นี่พรรคพลังประชารัฐ กลับปล่อยให้ คนที่ชื่อคล้ายๆ กับสนธิญาณ ชื่อ "สนธิญา สวัสดี" สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปเข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อขอให้ตรวจสอบ เพจ"แหม่มโพธิ์ดำ" หลังโพสต์เรื่อง "ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี" ที่อ้างตัวว่ารู้จักผู้ติดตามร.อ.ธรรมนัส
ไม่เข้าใจจริงๆ แทนที่จะช่วยกันหาคนผิดมาลงโทษ ทำแบบนี้ยิ่งไปเร้า เติมเชื้อวิกฤตศรัทธา ความเสื่อมของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
หรือว่ากุนซือใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐอย่าง"สนธิญาณ" จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ ? ...ได้พังกันหมดทำเป็นเล่นไป กระแสร้องยี้ กับการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 แรงแค่ไหน คำถาม“ยังมีคนชมรัฐบาลอยู่กี่คน”ไม่ใช่แค่วันนี้จะมี“ซูโม่กิ๊ก”เกียรติ กิจเจริญ โพสต์ถามชาวเน็ตหรอก ... ท่านเป็นสื่อใหญ่บอกว่าไม่ค่อยยุ่งกับโลกโซเชียลฯ ก็ต้องฟังความพวกนี้บ้าง อย่างน้อยที่ท่านเปิดเฟซบุ๊กในชื่อตัวเอง แล้วโพสต์นูน นี่ นั่น ถี่ๆก็คงจะได้รับฟีดแบ็กเข้าหูเข้าตาบ้าง
สุดท้ายในเนื้อความจดหมาย ระบุว่า“ในวันจันทร์ที่ 16 มีนาคมนี้ ผมจะไปยื่นฟ้องสื่อ และผู้เกี่ยวข้องต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความจริงกัน เหตุผลที่ผมต้องฟ้อง เพราะเรื่องสำคัญในชีวิตผมที่สุดในตอนนี้ก็คือ เป็นประธานมูลนิธิศรีธรรมราชา ซึ่งมีภาระหน้าที่ต้องระดมเงินให้ได้ 300 ล้านบาท (สามร้อยล้านบาท) …ในฐานะประธานมูลนิธิฯ และประธานเนชั่นทีวี ซึ่งเป็นผู้ร่วมโครงการนี้ด้วย ถ้าปล่อยให้ข่าวในเครือผู้จัดการ เผยแพร่ต่อไปทั้งๆ ที่เป็นความเท็จ ประชาชนก็คิดว่าผมเป็นคนเลวจริง เพราะคบคนชั่วเป็นมิตร และจะไม่ร่วมบริจาคงานบุญกุศล เพราะคิดว่าคนเลวเป็นคนทำ งานที่คิดจะทำถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ พระสงฆ์อาพาธ ก็อาจสะดุดหยุดลงได้”
เอาละ..ทีนี้เห็นว่า"สนธิญาณ" ห่วงหน้าตา ก็อยากจะถามกลับในฐานะประธานเนชั่นทีวี หน้าตาที่แบกในฐานะนี้ แล้วไปเป็นที่ปรึกษาผู้มีบารมี เป็นที่ปรึกษาให้พรรคการเมือง วางยุทธศาสตร์ให้นักเลือกตั้ง สัปประยุทธ์ทางการเมือง "สนธิญาณ" ไม่ห่วงหน้าตาความเป็นสื่อ จริยธรรมสื่อ บ้างเลยหรือ ?... ถามกันในฐานะแวดวงสื่อ คนที่ทำงานสื่อสมควรทำหรือไม่ "สนธิญาณ" ก็ต้องมีคำตอบมาให้สังคมด้วย ควร หรือไม่ควร...
ว่ากันไป สื่อเครือผู้จัดการ ย่อมไม่อาจปฏิเสธสิทธิของ"สนธิญาณ"ได้อยู่แล้ว ฟ้องก็ฟ้อง ไม่นับเป็นอย่างไรได้ แค่อยากจะบอกว่า ครั้งหนึ่งที่สื่อในเครือเนชั่น ปล่อยเฟกนิวส์ ใส่ร้าย "สนธิ ลิ้มทองกุล" ว่าเป็นผู้ถือหุ้นในโรงพิมพ์ตะวันออก และมีความสัมพันธ์กับ“เสี่ยกำพล”กำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการ อาบ อบ นวด วิคตอเรียฯ ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน "สนธิ" ก็ไม่ได้ฟ้องเนชั่น มาแล้ว
งานนี้ประธาน“สนธิญาณ”หากจะกินปูนร้อนท้อง จะฟ้องผู้จัดการ ก็ยินดีน้อมรับ แต่ก็ต้องยอมรับสิทธิของผู้จัดการด้วยนะ ถ้าจะฟ้องกลับ จากจม.ที่บอกว่า สื่อผู้จัดการ "เลวมาก"
เตรียมตัวรับหมายศาลได้เลย!!

**ดรามาหน้ากากอนามัยโผล่มาให้เจ็บจี๊ด “จุรินทร์”-กรมการค้าภายใน ปัดสวะไม่ได้ ใครกันหนอพายเรือให้โจรนั่ง

ดรามาหน้ากากอนามัย โผล่ขึ้นมาฟ้องการทำงานของรัฐอยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ชาวโซเชียลฯ เพจ“อ้ายจง”ลงหลักฐานคาหนังคาเขามาให้ดูอีก ... เขาบอกเลยว่า สถานการณ์ประเทศจีนตอนนี้ พบว่ามีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ มีออกมาจำหน่ายกันแทบจะปกติแล้ว โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ อย่างบน Taobao, Tmall ที่น่าสังเกตคือ มีหลายร้านระบุว่า เป็นผลิตภัณฑ์จากไทย ไม่ว่าจะหน้ากากอนามัยจากไทย ที่ขาย เพียง 1.9 หยวน (ไม่เกิน10 บาท) แต่มีค่าส่ง EMS จากไทย 100 หยวน (ประมาณ 450บาท) อย่าง แมสก์สีเขียว มีร้านที่ระบุว่าหน้ากากอนามัยไทย แต่ของอยู่ในจีนเลยเหมือนกัน มีหลากหลายราคา เช่น ขาย 20 ชิ้น 69 หยวน (ประมาณ 310บาท) เจลล้างมือ ก็เห็นมีขายแบบแอลกอฮอล์ 75% โดยระบุว่าเป็นแบรนด์ไทย มีบางร้านจัดโปร สั่งแล้วแถมหน้ากากอนามัยด้วย
เรื่องนี้ทำเอาสังคมพูดไม่ออก !
เกิดเรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลน หาซื้อไมได้ หรือหาซื้อได้ก็ราคาแพงหูฉี่ เป็นแบบนี้มาเป็นเดือนๆ แต่“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน บทเดิมๆ เพิ่มเติมคือ อธิบดีกรมการค้าภายใน“วิชัย โภชนกิจ”ให้สัมภาษณ์ ตอบคำถามหน้ากากอนามัย ราคา 2.50 บาท ไม่เห็นมีในท้องตลาด" ท่าน อธิบดีฯ กลับตอบว่า "ผมไม่รู้พวกคุณไปซื้อที่ไหนกันถึงไม่เจอ"
ประชาชนได้ยินได้ฟังถึงกับอึ้ง!! อธิบดีตอบเหมือนไม่รู้สถานการณ์เลยจริงๆ หรือ ?
พาณิชย์เอาแต่ท่อง เป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า เรามีหน้ากากอนามัยสีเขียวจำนวน 36 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือ 1.2 ล้านชิ้น ต่อวัน บริหารจัดการโดยกรมการค้าภายในจำนวน 5 แสนชิ้น เพื่อกระจายให้แก่ประชาชน ร้านขายยาทั่วประเทศ การบินไทย และกลุ่มอื่นๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้ ขณะที่อีก 7 แสนชิ้น มอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดการ
ด้วยภาวะตลาดไม่พอกับความต้องการ ขาดแคลนแสนสาหัส แถมมีเคส“บอย ไนท์มาร์เกต”ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี ที่เพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ”ออกมาแฉ ฉายให้เห็นขบวนการหาประโยชน์จากความเดือดร้อนของสังคม มีคนร่วมขบวนการเป็นทอดๆ พบมีหน้ากากอนามัยจากโรงงานกว่า 500,000 ชิ้น ที่แก๊งนี้ไปโพสต์หากิน
เรื่องพวกนี้เป็นข่าวครึกโครม โป๊ะแตกกันออกมาเห็นๆ ทั้งบ้านทั้งเมืองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยังไงกันแน่ ทำไมถึงมี“ส่วนต่าง”ของการผลิตจากโรงงานไปโผล่ตรงนั้น ตรงนี้ จะด้วยเล่ห์ของพ่อค้า โรงงาน เอเยนต์หัวใส หรือว่า "รมว.จุรินทร์ และกรมการค้าภายใน" ทำงานล้มเหลว ปล่อยให้เป็นปัญหาที่เกิดวิกฤตศรัทธาต่อการทำงานของรัฐบาล
ความรับผิดชอบนี้ "พาณิชย์-กรมการค้าภายใน-จุรินทร์ -พรรคประชาธิปัตย์" จะปัดสวะให้พ้นตัวไม่ได้ ยังไงๆ ต้องรับเต็มๆ เลยงานนี้
กรมการค้าภายในย่อมรู้ดี 11 โรงงานผลิตได้เท่าไหร่ จำหน่ายจ่ายแจกไปที่ไหนบ้าง ตัวเลขข้อเท็จจริงเมื่อมีการกักตุน โก่งราคา หรือของไทยไปโผล่ที่จีน หากจะตามสืบตามลงโทษ ย่อมได้อยู่แล้ว หลักฐานมันก็ชัด ทั้งกล่องผลิตภัณฑ์ ชื่อยี่ห้อ โรงงานผลิต แหล่งที่มา พวกนี้สามารถจัดการได้ทันที... แต่สิ่งที่ท่านทำ ท่านคิด กลับย้อนมาถามประชาชน พากันไปซื้อที่ไหนเหรอที่ไม่เจอหน้ากาก ที่ราคา 2.50 บาท มันใช่หรือ ?
แว่วว่า เกิดกรณี“ศรสุวีร์”200 ล้านชิ้น นี่ทั้ง "จุรินทร์ และ กรมการค้าภายใน" ยังไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรเลยกับสังคม หรือ แม้แต่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี ต่อผู้กระทำผิด
นี่ไม่นับที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่กระวีกระวาด ผสมโรงเบี่ยงเบนเรื่องไปเป็นเรื่องการเมือง ชวนถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ใช้วาทกรรม“เลิกพายเรือให้โจรนั่ง”อะไรไปนั่น
งานนี้ "จุรินทร์–กรมการค้าภายใน" แก้ปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยไม่ได้ ปล่อยปละละเลย ขบวนการหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ขาดแคลน... พวกนี้ต่างหากที่เป็นโจร
ไม่กล้าจะคิดว่า ที่เขาเริ่มๆ พูดกันว่า เรื่องดรามาหน้ากากอนามัยที่เกิดขึ้นนี้ "คนโลภ -พ่อค้า-ข้าราชการ" ต่างสมรู้ร่วมคิด ปกปิดอะไรไว้ไม่บอกสังคมหรือไม่? ...นี่เป็นเสียยิ่งกว่าโจรอีก
มาถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้ว่าใครพายเรือให้โจรนั่งกันแน่ !!

----------
รูป- สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม -พิตตินันท์ รักเอียด - สนธิญา สวัสดี

- จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ - วิชัย โภชนกิจ




กำลังโหลดความคิดเห็น