xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกอาการเฉา

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน่าจะออกอาการหนักหนาสาหัสเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโรคไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้น กระจายไปทุกภาค ทั้งเมืองใหญ่เช่นนิวยอร์กทำให้ประธานธนาคารกลาง นายเจอโรม พาวเวลล์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5 เปอร์เซ็นต์

จะเป็นเพราะต้องการเร่งหยุดสภาพถดถอยไม่ให้เลวร้ายเกินไปหรือไม่ หรือได้รับรู้ข้อมูลละเอียดจนดูแล้วว่า ถ้าทำอะไรช้าเกินไปสถานการณ์อาจจะอยู่ในขั้นวิกฤตการเงินยิ่งกว่าในช่วงปี 2008 ก็ได้

การลดดอกเบี้ยเกิดก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ดังนั้นคงรออีกกว่าสัปดาห์ไม่ได้

ครั้งนี้คนอเมริกันต้องเผชิญกับความเสี่ยงนอกเหนือจากไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดอย่างหนัก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 14,000 คน และยังเอาไม่อยู่

การลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ทำให้วงการธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์แปลกใจ เพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งวันดัชนีดาวโจนส์ได้ฟื้นตัวมากกว่า 1,200 จุด และหลังจากการลดดอกเบี้ยก็ยังทะยานขึ้นต่อเนื่องในวันอังคาร จนคนเริ่มเอะใจและเทขาย

ช่วงการขึ้นลงต่างกัน 1,400 จุด ก่อนจะปิดติดลบ ความหวังว่าจะฟื้นทันควันคงไม่ได้ เมื่อเมืองใหญ่เริ่มมีคนติดเชื้อมากขึ้น ยิ่งวัคซีนจะยังไม่มีใช้อีกนาน ความกังวลของนักลงทุนก็ยิ่งมากขึ้น

ผลที่ตามมาก็คือดัชนีดาวโจนส์ลดลงไปกว่า 700 จุด และน่าจะส่งผลอย่างแรงทางจิตวิทยาเพราะคำแถลงอย่างเป็นทางการชี้ชัดแล้วว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบเพราะระบบการผลิต และซัปพลายเชนสะดุดเมื่อหลายบริษัทที่ค้าขายกับจีนต้องเผชิญกับวิกฤตด้วย

หัวใจของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความอยู่รอดของผู้นำ โดนัลด์ ทรัมป์ คือตลาดหุ้น ถ้าดัชนียังทะยานโลด ทรัมป์ก็ยังคุยฟุ้งได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังดี และโอกาสจะชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 ยังมีสูง

สภาพที่เป็นอยู่คือความจริง รากฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือตลาดหุ้น ถ้าหุ้นตกระเนนระนาดเหมือนในยุคปี 1930 ทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องอาศัยการผลิตอาวุธช่วงสงครามให้ฟื้นตัว

สังคมอเมริกันมองว่าชีวิตของคนอเมริกันไม่ว่าจะสีผิวอะไรสำคัญมีค่ากว่าใครอื่น แม้แต่พวกผิวขาวชาติอื่น คราวนี้ทรัมป์จะเอาใจคนอเมริกันด้วยมาตรการเข้ม ก็เท่ากับยอมรับว่าโครงสร้างและฐานของประเทศไม่ได้แข็งแกร่ง

เพียงแค่ราคาหุ้นรูดติดต่อกันหลายวัน มูลค่าหุ้นหายไปหลายล้านล้าน แค่นี้ก็ทำให้จุก และยอมรับว่าจีนมีบทบาทสำคัญต่ออเมริกา

แค่จีนจาม ไอติดๆ กัน คนอเมริกันก็ติดหวัดได้ เมื่อจีนเผชิญปัญหาไวรัส คนถือหุ้นวอลล์สตรีทก็มองด้วยความสยองเพราะมูลค่าหายไปอื้อ เพราะเศรษฐกิจโลกเกี่ยวโยงสัมพันธ์กัน

ขนาดเศรษฐกิจของจีนเป็นอันดับ 2 ของโลก เมื่อจีนป่วย ชาติอื่นๆ ก็พลอยไม่สบายตามไปด้วย จีนก็ได้รู้แล้วว่าสหรัฐฯ ไม่ใช่จะแกร่งจนล้มไม่ได้ อาจล้มง่ายด้วยเพราะมีหนี้สินมากเกินกว่าจะใช้คืนได้หมด

และจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐฯ มากจนโอกาสโดนเบี้ยวมีสูงถ้าเกิดกรณีพิพาทจนตกลงกันไม่ได้ และใช้สงครามเป็นทางเลือก

เมื่อจีนมีวิกฤตส่งออกและนำเข้าสินค้าไม่ได้ เท่ากับว่าทุกประเทศรวมทั้งสหรัฐฯ ซื้อขายกับจีนตามข้อตกลงใหม่ไม่ได้ ภาคเกษตรที่หวังว่าจะขายพืชพันธุ์ได้ ฟื้นจากสงครามการค้า ก็ต้องลำบากหนักยิ่งกว่าเดิมและสินค้าเกษตรเก็บไว้นานนักไม่ได้

ทรัมป์ก็ไม่ต้องการรับภาระจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อให้ภาคเกษตรอยู่รอด และชาวนาอเมริกันจะไม่โจมตีนโยบายที่ล้มเหลว ที่ผ่านมาก็หมดเงินไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์แล้ว

ภาคอุตสาหกรรมก็เช่นกัน บริษัทอเมริกันที่ลงทุนในจีน และสั่งวัตถุดิบจากจีน ก็สะดุดเช่นกัน ทรัมป์กลัวตัวเลขคนว่างงานเพิ่ม และบริษัทเลิกกิจการ เพราะปัญหาทางการเงิน โอกาสที่จะคุยโม้จะไม่มีอีกต่อไป

ความกังวลของนักลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังทำให้มองอีกว่าสถานการณ์ในยุโรปก็คงจะเลวร้ายไม่น้อยกว่ากัน การระบาดของไวรัส COVID-19 มีในทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลีกำลังอยู่ในภาวะที่ร่อแร่ ดูแล้วแทบจะไม่มีประเทศใดรอดพ้นไปได้

จีนเริ่มหายใจโล่งอก เมื่อมีวัคซีนใช้ได้ผลระดับหนึ่ง อัตราคนป่วย คนตาย ไม่ก้าวกระโดด ถ้ายับยั้งได้ ก็จะมองว่าประเทศอื่นๆ แก้ปัญหาได้หรือไม่โดยเฉพาะคู่ปรับอย่างสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์

คนทั้งโลกประหวั่นว่าจะรอดไปได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น