ผู้จัดการรายวัน 360 - ผลตรวจพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์ คราบเลือด แหวน หัวเข็มขัด เป็นของพี่ชายผู้พิพากษา พยานยัน สจ.อ๊อด จัดหาทีมอุ้ม สุดแยบยล “บรรยิน” ลวงสมุนหลอกให้มาอุ้มเหยื่อเพื่อทวงหนี้ ขณะที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สืบพยานล่วงหน้า 3 ปากตามอัยการร้องขอ เนื่องจากพยานบุคคลต่างด้าว ติดตามตัวลำบาก และเป็นบุคคลใกล้ชิดผู้ต้องหา
วานนี้ ( 26 ก.พ. ) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นฟาร์มไก่ธงชัย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านดอนวัด ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นของ นายธงชัย วจีสัจจะ หรือ สจ.อ๊อด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาอยู่ในทีมร่วมกันอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แบบยกสูง 4 ประตู สีขาว 1 คัน และที่ท้ายกระบะบรรทุกรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง เอาไว้อีก 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดนำกลับไปตรวจสอบ โดยขณะเข้าตรวจค้นมีนายสายชล เข็มทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านดอนวัด ต.หนองกรด มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของรถกระบะ และคอยดูแลฟาร์มดังกล่าว
จากการสอบถามนายสายชล เบื้องต้นระบุว่ารู้จักและสนิทสนมกับ นายธงชัย มานาน และรถกระบะที่ถูกยึดไปตรวจสอบ ก็เป็นรถของตนที่นายธงชัย ยืมมาใช้นานแล้ว ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของนายธงชัย เอามาไว้ใช้ขี่ไปมาระหว่างฟาร์มไก่ ซึ่งในฐานะที่รู้จักนายธงชัย ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า และก็ไม่เชื่อด้วยว่า นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ลูกน้องของ นายธงชัย ที่ถูกจับพร้อมกัน จะร่วมลงมือด้วย เพราะสองคนนี้เป็นเด็กในหมู่บ้านที่ นายธงชัย มักจะจ้างให้มาช่วยงานเวลามีการจัดแข่งชนไก่ และงานของหมู่บ้าน ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ามีพฤติกรรมโหดเหี้ยมเหมือนที่ปรากฏอยู่ตามข่าวที่มีการนำเสนอ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายธงชัย ในสมัยที่ยังรับราชการตำรวจมีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในฐานะลูกพี่ลูกน้องมานานหลายปี กระทั่ง พ.ต.ท.บรรยิน ลาออกจากข้าราชตำรวจเข้าสู่สนามการเมือง นายธงชัย ก็ตัดสินใจลาออกลงมาเล่นการเมืองตาม
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่แสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามคำให้การ เพื่อนำมาประกอบสำนวน ในส่วนการค้นพบซากชิ้นส่วนกระดูกที่บริเวณจุดเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นานจะทราบผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้ว 20 ปาก เหลืออีกประมาณ 40-50 ปาก รวมทั้งจะต้องเชิญแพทย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเพื่อรวบรวมในสำนวนคดีต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและบก.สส.บช.น. หลังได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.ให้เข้าสืบสวนทำคดีการหายตัวไปของนายวีรชัย พี่ชายผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานข้อมูลต่างๆ ทั้งจากพยานบุคคล พยานหลักฐานต่างๆ และข้อมูลการติดต่อของกลุ่มแก๊งผู้ต้องหา จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน ได้มีการสั่งให้ นายธงชัย วจีสัจจะ หรือ สจ.อ๊อด คนสนิท ที่เคยทำงานให้ พ.ต.ท.บรรยิน มาโดยตลอด จัดหาคนมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยทาง นายธงชัย จึงได้ติดต่อนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และนายชาติชาย เมณฑ์กุล ซึ่งเป็นเด็กในละแวกหมู่บ้านให้มาร่วมงาน กับ พ.ต.ท.บรรยิน
หลังจากได้คนแล้วจึงได้ติดต่อให้นายมานัส ทับนิล ขับรถไปรับนายประชาวิทย์ และนายชาติชาย มาที่บ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในซอยรัชดา 33 เพื่อร่วมฟังแผนการ โดยที่ผ่านมา นายธงชัย ไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่การวางแผน วันที่อุ้มนายวีรชัย และการหลบหนีของกลุ่มผู้ต้องหา ไปจนถึงเรื่องการเผานั่งยาง ทั้งนี้เป็นไปตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งยังมีคำให้การของผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ได้รับการติดต่อจาก นายธงชัย ให้มาร่วมก่อเหตุกับ พ.ต.ท.บรรยิน ในครั้งนี้ จนเป็นที่มาของการออกหมายจับ นายธงชัย ในครั้งนี้
ส่วนเรื่องที่บอกว่า นายธงชัย ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้บรรยายในสำนวนคำร้องฝากขังศาลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางสืบสวนดังกล่าวสอดรับกับ นายธงชัย ที่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในทีมอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แต่รับสารภาพตามข้อเท็จจริงว่า ได้รับการว่าจ้าง พ.ต.ท.บรรยิน 200,000 บาท ให้จัดหาลูกน้อง 2 คน โดย นายธงชัย จ้างทีมอุ้ม 50,000 บาท โดยบอกว่าอุ้มทวงหนี้ วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน แต่งเครื่องแบบตำรวจเดินทางไปด้วย และบอกกับทีมอุ้มว่าจำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบ เพื่อให้เป้าหมายกลัว และจะได้ยอมจ่ายเงินคืนให้โดยดี ซึ่งหลังจากส่งลูกน้องให้ พ.ต.ท.บรรยิน แล้ว ตัวเองก็จึงได้ใช้ชีวิตตามปกติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากปรากฏภาพ นายธงชัย ไปร่วมงานศพคนในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนพบหลักฐานยืนยันว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายธงชัย ได้ขับรถขับรถกระบะ โตโยต้าวีโก้ สีขาว พานายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และนายชาติชาย เมณฑ์กุล ออกจากฟาร์มไก่ เพื่อนำทั้ง 2 คนมาส่งขึ้นรถกระบะฟอร์ด สีดำ โดยภายในมีนายมานัสเป็นผู้ขับรถ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นั่งข้างคนขับ และนายณรงค์ศักดิ์นั่งอยู่ข้างหลัง ก่อนที่นายชาติชาย และนายประชาวิทย์ จะขึ้นรถ รวม 5 คน ขับเข้ากรุงเทพฯ ไปก่อเหตุ
มีรายงานผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นพบว่า คราบเลือดที่พบบนรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ที่ใช้เป็นรถยนต์ก่อเหตุ ระบุผลตรวจยืนยันว่าเป็นคราบเลือดของนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เฉกเช่นกับแหวนรูปเต่า กับหัวเข็มขัดที่พบในจุดเผาศพ ที่ญาติและครอบครัวผู้ตายยืนยันแล้วว่าเป็นของนายวีรชัย ขณะที่ชิ้นส่วนกระดูก และกะโหลกศีรษะที่เพิ่งพบนั้น อยู่ระหว่างนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งสัปดาห์หน้าจะทราบผลการตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้ สำหรับรถยนต์ของกลางทั้งหมด 4 คันที่ทางตำรวจกองปราบปรามตรวจยึดมาก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบว่ารถทั้ง 4 คัน ปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน กับภรรยา และลูกชาย เป็นเจ้าของรถ และมีรถบางคันที่เป็นรถที่กลุ่มผู้ต้องหารายนี้ไปจัดหามาใช้ก่อเหตุ
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสืบพยานล่วงหน้าตามที่อัยการยื่นคำร้องขอ ในคดีดังกล่าว เนื่องจากพยานเป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดความลำบากในการติดตามตัว ประกอบกับพยานทั้งหมดเป็นบุคคลใกล้ชิดกับผู้ต้องหาด้วย จึงต้องดำเนินการสืบพยานล่วงหน้าไว้ก่อน โดยการสืบพยานได้แยกห้องระหว่างพยาน กับผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ผ่านระบบ Video Conference เพื่อไม่ให้เป็นการเผชิญหน้า โดยมีนางวราภรณ์ ภรรยา , นายวรภัทร์ บุตรชายของ พ.ต.ท.บรรยิน และครอบครัวของผู้ต้องหา อื่นก็เดินทางมาร่วมติดตามฟังการสืบพยานอย่างใกล้ชิดและให้กำลังใจผู้ต้องหาด้วย
สำหรับการสืบพยานล่วงหน้าวันนี้อัยการได้นำพยาน เข้าเบิกความรวม 3 ปาก คือ ชายสัญชาติเมียนมา อายุ 29 ปีลูกเขยของนายณรงค์ศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ถูกใช้ให้ไปซื้อน้ำมัน 20 ลิตร เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ก็ขี่ จยย.ไปซื้อที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ใกล้บ้านพัก จ.นครสวรรค์ 200-300 เมตร และวันที่ซื้อน้ำมันไม่มีผู้ต้องหาอื่นอยู่ด้วย โดยพยานไม่รู้ว่าพ่อภรรยาสั่งซื้อน้ำมันไปทำอะไร ปกติก็เคยถูกสั่งซื้อน้ำมันแต่จำนวนน้อย 20-30 บาท ไม่เคยซื้อจำนวนมาก 20 ลิตรมาก่อน , หญิงอายุ 39 ปีเชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา แม่บ้านของภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 และชายสัญชาติ เมียนมา ผู้เป็นสามีของหญิงแม่บ้าน ที่เป็นคนไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ให้ภรรยายของ พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 ซึ่งระบุทำงานก่อสร้างบริษัทน้องชายเจ๊ไก่ (นางวราภรณ์ ภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน)
วานนี้ ( 26 ก.พ. ) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ตำรวจกองปราบปราม นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นฟาร์มไก่ธงชัย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านดอนวัด ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นของ นายธงชัย วจีสัจจะ หรือ สจ.อ๊อด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาอยู่ในทีมร่วมกันอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ แบบยกสูง 4 ประตู สีขาว 1 คัน และที่ท้ายกระบะบรรทุกรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง เอาไว้อีก 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดนำกลับไปตรวจสอบ โดยขณะเข้าตรวจค้นมีนายสายชล เข็มทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านดอนวัด ต.หนองกรด มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของรถกระบะ และคอยดูแลฟาร์มดังกล่าว
จากการสอบถามนายสายชล เบื้องต้นระบุว่ารู้จักและสนิทสนมกับ นายธงชัย มานาน และรถกระบะที่ถูกยึดไปตรวจสอบ ก็เป็นรถของตนที่นายธงชัย ยืมมาใช้นานแล้ว ส่วนรถจักรยานยนต์เป็นของนายธงชัย เอามาไว้ใช้ขี่ไปมาระหว่างฟาร์มไก่ ซึ่งในฐานะที่รู้จักนายธงชัย ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า และก็ไม่เชื่อด้วยว่า นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ลูกน้องของ นายธงชัย ที่ถูกจับพร้อมกัน จะร่วมลงมือด้วย เพราะสองคนนี้เป็นเด็กในหมู่บ้านที่ นายธงชัย มักจะจ้างให้มาช่วยงานเวลามีการจัดแข่งชนไก่ และงานของหมู่บ้าน ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่ามีพฤติกรรมโหดเหี้ยมเหมือนที่ปรากฏอยู่ตามข่าวที่มีการนำเสนอ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายธงชัย ในสมัยที่ยังรับราชการตำรวจมีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในฐานะลูกพี่ลูกน้องมานานหลายปี กระทั่ง พ.ต.ท.บรรยิน ลาออกจากข้าราชตำรวจเข้าสู่สนามการเมือง นายธงชัย ก็ตัดสินใจลาออกลงมาเล่นการเมืองตาม
ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่แสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามคำให้การ เพื่อนำมาประกอบสำนวน ในส่วนการค้นพบซากชิ้นส่วนกระดูกที่บริเวณจุดเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นานจะทราบผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้ว 20 ปาก เหลืออีกประมาณ 40-50 ปาก รวมทั้งจะต้องเชิญแพทย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเพื่อรวบรวมในสำนวนคดีต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและบก.สส.บช.น. หลังได้รับคำสั่งจากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.ให้เข้าสืบสวนทำคดีการหายตัวไปของนายวีรชัย พี่ชายผู้พิพากษา ศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานข้อมูลต่างๆ ทั้งจากพยานบุคคล พยานหลักฐานต่างๆ และข้อมูลการติดต่อของกลุ่มแก๊งผู้ต้องหา จนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน ได้มีการสั่งให้ นายธงชัย วจีสัจจะ หรือ สจ.อ๊อด คนสนิท ที่เคยทำงานให้ พ.ต.ท.บรรยิน มาโดยตลอด จัดหาคนมาร่วมงานในครั้งนี้ โดยทาง นายธงชัย จึงได้ติดต่อนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และนายชาติชาย เมณฑ์กุล ซึ่งเป็นเด็กในละแวกหมู่บ้านให้มาร่วมงาน กับ พ.ต.ท.บรรยิน
หลังจากได้คนแล้วจึงได้ติดต่อให้นายมานัส ทับนิล ขับรถไปรับนายประชาวิทย์ และนายชาติชาย มาที่บ้านของ พ.ต.ท.บรรยิน ภายในซอยรัชดา 33 เพื่อร่วมฟังแผนการ โดยที่ผ่านมา นายธงชัย ไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่การวางแผน วันที่อุ้มนายวีรชัย และการหลบหนีของกลุ่มผู้ต้องหา ไปจนถึงเรื่องการเผานั่งยาง ทั้งนี้เป็นไปตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งยังมีคำให้การของผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ได้รับการติดต่อจาก นายธงชัย ให้มาร่วมก่อเหตุกับ พ.ต.ท.บรรยิน ในครั้งนี้ จนเป็นที่มาของการออกหมายจับ นายธงชัย ในครั้งนี้
ส่วนเรื่องที่บอกว่า นายธงชัย ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตอนที่เกิดเหตุตั้งแต่ต้นนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้บรรยายในสำนวนคำร้องฝากขังศาลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางสืบสวนดังกล่าวสอดรับกับ นายธงชัย ที่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในทีมอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา แต่รับสารภาพตามข้อเท็จจริงว่า ได้รับการว่าจ้าง พ.ต.ท.บรรยิน 200,000 บาท ให้จัดหาลูกน้อง 2 คน โดย นายธงชัย จ้างทีมอุ้ม 50,000 บาท โดยบอกว่าอุ้มทวงหนี้ วันเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน แต่งเครื่องแบบตำรวจเดินทางไปด้วย และบอกกับทีมอุ้มว่าจำเป็นต้องแต่งเครื่องแบบ เพื่อให้เป้าหมายกลัว และจะได้ยอมจ่ายเงินคืนให้โดยดี ซึ่งหลังจากส่งลูกน้องให้ พ.ต.ท.บรรยิน แล้ว ตัวเองก็จึงได้ใช้ชีวิตตามปกติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากปรากฏภาพ นายธงชัย ไปร่วมงานศพคนในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 4 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่าชุดสืบสวนพบหลักฐานยืนยันว่า ช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายธงชัย ได้ขับรถขับรถกระบะ โตโยต้าวีโก้ สีขาว พานายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และนายชาติชาย เมณฑ์กุล ออกจากฟาร์มไก่ เพื่อนำทั้ง 2 คนมาส่งขึ้นรถกระบะฟอร์ด สีดำ โดยภายในมีนายมานัสเป็นผู้ขับรถ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นั่งข้างคนขับ และนายณรงค์ศักดิ์นั่งอยู่ข้างหลัง ก่อนที่นายชาติชาย และนายประชาวิทย์ จะขึ้นรถ รวม 5 คน ขับเข้ากรุงเทพฯ ไปก่อเหตุ
มีรายงานผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เบื้องต้นพบว่า คราบเลือดที่พบบนรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ ที่ใช้เป็นรถยนต์ก่อเหตุ ระบุผลตรวจยืนยันว่าเป็นคราบเลือดของนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เฉกเช่นกับแหวนรูปเต่า กับหัวเข็มขัดที่พบในจุดเผาศพ ที่ญาติและครอบครัวผู้ตายยืนยันแล้วว่าเป็นของนายวีรชัย ขณะที่ชิ้นส่วนกระดูก และกะโหลกศีรษะที่เพิ่งพบนั้น อยู่ระหว่างนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งสัปดาห์หน้าจะทราบผลการตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้ สำหรับรถยนต์ของกลางทั้งหมด 4 คันที่ทางตำรวจกองปราบปรามตรวจยึดมาก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบว่ารถทั้ง 4 คัน ปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน กับภรรยา และลูกชาย เป็นเจ้าของรถ และมีรถบางคันที่เป็นรถที่กลุ่มผู้ต้องหารายนี้ไปจัดหามาใช้ก่อเหตุ
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดสืบพยานล่วงหน้าตามที่อัยการยื่นคำร้องขอ ในคดีดังกล่าว เนื่องจากพยานเป็นบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งอาจจะเกิดความลำบากในการติดตามตัว ประกอบกับพยานทั้งหมดเป็นบุคคลใกล้ชิดกับผู้ต้องหาด้วย จึงต้องดำเนินการสืบพยานล่วงหน้าไว้ก่อน โดยการสืบพยานได้แยกห้องระหว่างพยาน กับผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ผ่านระบบ Video Conference เพื่อไม่ให้เป็นการเผชิญหน้า โดยมีนางวราภรณ์ ภรรยา , นายวรภัทร์ บุตรชายของ พ.ต.ท.บรรยิน และครอบครัวของผู้ต้องหา อื่นก็เดินทางมาร่วมติดตามฟังการสืบพยานอย่างใกล้ชิดและให้กำลังใจผู้ต้องหาด้วย
สำหรับการสืบพยานล่วงหน้าวันนี้อัยการได้นำพยาน เข้าเบิกความรวม 3 ปาก คือ ชายสัญชาติเมียนมา อายุ 29 ปีลูกเขยของนายณรงค์ศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ถูกใช้ให้ไปซื้อน้ำมัน 20 ลิตร เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ก็ขี่ จยย.ไปซื้อที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ใกล้บ้านพัก จ.นครสวรรค์ 200-300 เมตร และวันที่ซื้อน้ำมันไม่มีผู้ต้องหาอื่นอยู่ด้วย โดยพยานไม่รู้ว่าพ่อภรรยาสั่งซื้อน้ำมันไปทำอะไร ปกติก็เคยถูกสั่งซื้อน้ำมันแต่จำนวนน้อย 20-30 บาท ไม่เคยซื้อจำนวนมาก 20 ลิตรมาก่อน , หญิงอายุ 39 ปีเชื้อชาติกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา แม่บ้านของภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 และชายสัญชาติ เมียนมา ผู้เป็นสามีของหญิงแม่บ้าน ที่เป็นคนไปซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ให้ภรรยายของ พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 ซึ่งระบุทำงานก่อสร้างบริษัทน้องชายเจ๊ไก่ (นางวราภรณ์ ภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน)