ผู้จัดการรายวัน 360 - หลักฐานเพียบ คดีอุ้มฆ่าพี่ผู้พิพากษา จุดเผานั่งยางพบทั้งชิ้นส่วนกระโหลก-กระดูก-แหวนรูปเต่า และวัตถุพยานรวม 28 ชิ้น ขณะที่กองปรามคุม 3 ผู้ต้องหาชี้จุดประกอบคำให้การรับสารภาพ ก่อนนำตัวไปฝากขังพร้อม "บรรยิน" และผู้ต้องหาที่เหลือรวมทั้ง 6 ราย ศาลอนุญาตให้ฝากขัง-ยกคำร้องขอประกันตัวชั่วคราว ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนเข้าเรือนจำ ขณะที่ "บรรยิน" ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่สมุนรับสารภาพหมดเปลือก ตร.ไม่หนักใจแม้ไม่เจอศพ ใช้นิติวิทยาศาสตร์ DNA เปรียบเทียบ สตช.เปิดแผนคดี “บรรยิน” พร้อมสมุน พฤติกรรมสุดเหี้ยม วางแผนอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา บีบคดีโกงหุ้น “เสี่ยชูวงษ์”
ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารวม 6 ราย โดยวานนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่หมู่ 5 ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จุดที่ทีมอุ้มยอมเปิดปากว่า นำร่างของวีรชัยไปเผาอีกครั้ง พบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บหลักฐานทั้งหมดที่ตรวจพบตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ไปตรวจสอบยังส่วนกลางหมดแล้ว ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดถึง 28 รายการ ทั้ง เศษซากกระดูกส่วนหัวกะโหลก และส่วนอื่นๆ ที่ถูกไฟเผาไหม้ไม่หมด รวมถึงเศษยางรถยนต์ และแหวนทองคำรูปเต่า ซึ่งถูกเผาบนแผ่นสังกะสีที่นำมารองพื้น
พ.ต.อ.ราม รสหอม ผกก.4 กองบังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่า หากวันนี้ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ก็จะมีการค้นหาวนย้อนกลับไปที่จุดเดิมอย่างละเอียดอีกรอบ ซึ่งก็จะมีการลงน้ำงมค้นหาอย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งให้ยกเลิก
ผู้สื่อข่าวว่า รายงานว่า ในส่วนของบริเวณแม่น้ำปิง หน้าวัดไทรใต้ เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ยังคงมีทีมนักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยนครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะ ลงงมค้นหาทรัพย์สินที่ยังหลงเหลือของผู้ตายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน หลังจากที่เมื่อวานนี้ เริ่มมีความหวังเพิ่มมากขึ้น เพราะมีการพบโทรศัพท์มือถือที่มีการตรวจสอบเลขประจำเครื่องแล้วว่าเป็นของนายวีรชัยจริง
ในวันเดียวกันนี้ ตำรวจกองปราบ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ได้คุมตัวผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายชาติชาย เมณฑ์กุล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง และนายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.สุทธิสาร ไปชี้จุดประกอบคำให้การ จุดแรก ภายในซอยรัชดาภิเษก 33 เขตจตุจักร ทั้ง 3 คน ให้การใช้เป็นสถานที่รวมตัวกัน ซึ่ง 1 ใน 3 ยืนยันว่า เป็นบ้านของพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ ก่อนจะพากันไปก่อเหตุลักพาตัวนายวีรชัย
ส่วนจุดที่ 2 อยู่ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ร่วมกันลงมืออุ้มพี่ชายของผู้พิพากษา ขึ้นรถ โดยนายณรงค์ ทำหน้าที่ล็อกตัวและลงมือทำร้าย ส่วนนายชาติชายและนายประชาวิทย์ ทำหน้าที่ ดันขึ้นรถ ส่วนคนขับรถคือนายมานัส ทับนิล หลังจากทำแผนเสร็จ ได้คุมตัวไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.30 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมผู้ต้องหาอีก 5 ราย ส่งศาลอาญารัชดา เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก เนื่องจากคดีที่มีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้
ต่อมาญาติของ พ.ต.ท.บรรยิน และผู้ต้องหาอื่นๆ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวน แต่ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวแล้ว เชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือข่มขู่พยาน กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกขึ้นรถ ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยานายบรรยิน กล่าวภายหลังเดินทางมาเยี่ยมนายบรรยิน พร้อมกับนายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชาย ว่า ได้เข้าไปหารือกับสามี กรณีจะชี้เเจงความบริสุทธิ์ของครอบครัวในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ ซึ่งตนเห็นมีสื่อบางสำนักมีการนำเสนอข้อมูลว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ วันเกิดเหตุ มีผู้ถูกกล่าวหาบางรายอยู่ในงานศพ พื้นที่จ.นครสวรรค์ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาบางคนก็มีพยานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ในวันดังกล่าวเช่นกัน
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ระบุว่า แม้ว่าตำรวจจะยังไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของชิ้นส่วนกระดูกที่พบก็เพียงพอในการดำเนินคดีเเล้ว
สตช.แจงคดีอุ้มฆ่า-เผาพี่ชายผู้พิพากษา
วานนี้ (25) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ได้แจกจ่ายใบแถลงข่าวคดีอุ้มฆ่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 66 ปี พี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยมีเนื้อหาระบุตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 17.41 น. คนร้ายจำนวนหนึ่ง ใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 66 ปี ไปจากบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
ในวันเดียวกันนั้น นางสาวพนิดา ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายวีรชัยฯ ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 และได้มีการติดต่อกับกลุ่มคนร้ายทางโทรศัพท์ มีการข่มขู่ให้นางสาวพนิดาฯ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีอาญาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ตกเป็นจำเลย ให้ตัดสินคดีให้คุณประโยชน์ตกแก่จำเลย หากผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ทำตาม ก็จะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีก ซึ่งหาก น.ส.พนิดา ตัดสินคดีไปตามที่กลุ่มคนร้ายบังคับขู่เข็ญแล้ว จะทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย กับพวกได้รับประโยชน์ คือ หุ้นที่เป็นข้อพิพาทราคาร่วม 300 ล้านบาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดาผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนจับกุม โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการกองปราบปราม เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ในส่วนของอำนาจการสอบสวนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า คนร้ายกลุ่มดังกล่าวคือ พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก รวมกัน 6 คน และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับทั้ง 6 ราย และขยายผลตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด สามารถยึดของกลางจำนวน 168 รายการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ตามหมายจับข้างต้น
ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 67 ปี พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหารวม 6 ราย โดยวานนี้ (25 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่หมู่ 5 ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จุดที่ทีมอุ้มยอมเปิดปากว่า นำร่างของวีรชัยไปเผาอีกครั้ง พบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บหลักฐานทั้งหมดที่ตรวจพบตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ไปตรวจสอบยังส่วนกลางหมดแล้ว ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดถึง 28 รายการ ทั้ง เศษซากกระดูกส่วนหัวกะโหลก และส่วนอื่นๆ ที่ถูกไฟเผาไหม้ไม่หมด รวมถึงเศษยางรถยนต์ และแหวนทองคำรูปเต่า ซึ่งถูกเผาบนแผ่นสังกะสีที่นำมารองพื้น
พ.ต.อ.ราม รสหอม ผกก.4 กองบังคับการตำรวจน้ำ กล่าวว่า หากวันนี้ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ก็จะมีการค้นหาวนย้อนกลับไปที่จุดเดิมอย่างละเอียดอีกรอบ ซึ่งก็จะมีการลงน้ำงมค้นหาอย่างต่อเนื่องจนกว่าผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งให้ยกเลิก
ผู้สื่อข่าวว่า รายงานว่า ในส่วนของบริเวณแม่น้ำปิง หน้าวัดไทรใต้ เขตเทศบาลนครนครสวรรค์ ยังคงมีทีมนักประดาน้ำจากหน่วยกู้ภัยนครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะ ลงงมค้นหาทรัพย์สินที่ยังหลงเหลือของผู้ตายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน หลังจากที่เมื่อวานนี้ เริ่มมีความหวังเพิ่มมากขึ้น เพราะมีการพบโทรศัพท์มือถือที่มีการตรวจสอบเลขประจำเครื่องแล้วว่าเป็นของนายวีรชัยจริง
ในวันเดียวกันนี้ ตำรวจกองปราบ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ ได้คุมตัวผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายชาติชาย เมณฑ์กุล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง และนายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.สุทธิสาร ไปชี้จุดประกอบคำให้การ จุดแรก ภายในซอยรัชดาภิเษก 33 เขตจตุจักร ทั้ง 3 คน ให้การใช้เป็นสถานที่รวมตัวกัน ซึ่ง 1 ใน 3 ยืนยันว่า เป็นบ้านของพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ ก่อนจะพากันไปก่อเหตุลักพาตัวนายวีรชัย
ส่วนจุดที่ 2 อยู่ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นจุดที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ร่วมกันลงมืออุ้มพี่ชายของผู้พิพากษา ขึ้นรถ โดยนายณรงค์ ทำหน้าที่ล็อกตัวและลงมือทำร้าย ส่วนนายชาติชายและนายประชาวิทย์ ทำหน้าที่ ดันขึ้นรถ ส่วนคนขับรถคือนายมานัส ทับนิล หลังจากทำแผนเสร็จ ได้คุมตัวไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.30 น. พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมผู้ต้องหาอีก 5 ราย ส่งศาลอาญารัชดา เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก เนื่องจากคดีที่มีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้
ต่อมาญาติของ พ.ต.ท.บรรยิน และผู้ต้องหาอื่นๆ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างสอบสวน แต่ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวแล้ว เชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือข่มขู่พยาน กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัว พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกขึ้นรถ ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยานายบรรยิน กล่าวภายหลังเดินทางมาเยี่ยมนายบรรยิน พร้อมกับนายวรภัทร์ ตั้งภากรณ์ ลูกชาย ว่า ได้เข้าไปหารือกับสามี กรณีจะชี้เเจงความบริสุทธิ์ของครอบครัวในช่วงวันเวลาเกิดเหตุ ซึ่งตนเห็นมีสื่อบางสำนักมีการนำเสนอข้อมูลว่าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ วันเกิดเหตุ มีผู้ถูกกล่าวหาบางรายอยู่ในงานศพ พื้นที่จ.นครสวรรค์ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาบางคนก็มีพยานยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ในวันดังกล่าวเช่นกัน
ด้าน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ระบุว่า แม้ว่าตำรวจจะยังไม่พบศพผู้เสียชีวิต แต่ผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของชิ้นส่วนกระดูกที่พบก็เพียงพอในการดำเนินคดีเเล้ว
สตช.แจงคดีอุ้มฆ่า-เผาพี่ชายผู้พิพากษา
วานนี้ (25) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ได้แจกจ่ายใบแถลงข่าวคดีอุ้มฆ่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 66 ปี พี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยมีเนื้อหาระบุตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 17.41 น. คนร้ายจำนวนหนึ่ง ใช้กำลังประทุษร้ายเอาตัว นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ อายุ 66 ปี ไปจากบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซอยเจริญกรุง 63 แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ
ในวันเดียวกันนั้น นางสาวพนิดา ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายวีรชัยฯ ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 และได้มีการติดต่อกับกลุ่มคนร้ายทางโทรศัพท์ มีการข่มขู่ให้นางสาวพนิดาฯ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีอาญาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ตกเป็นจำเลย ให้ตัดสินคดีให้คุณประโยชน์ตกแก่จำเลย หากผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ทำตาม ก็จะไม่ได้เห็นหน้าพี่ชายอีก ซึ่งหาก น.ส.พนิดา ตัดสินคดีไปตามที่กลุ่มคนร้ายบังคับขู่เข็ญแล้ว จะทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย กับพวกได้รับประโยชน์ คือ หุ้นที่เป็นข้อพิพาทราคาร่วม 300 ล้านบาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดาผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนจับกุม โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการกองปราบปราม เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ในส่วนของอำนาจการสอบสวนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า คนร้ายกลุ่มดังกล่าวคือ พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก รวมกัน 6 คน และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับทั้ง 6 ราย และขยายผลตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 21 จุด สามารถยึดของกลางจำนวน 168 รายการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ตามหมายจับข้างต้น