หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
ดูรายชื่อบุคคลที่มาสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่แล้ว ก็ไม่เกินความคาดหวังนัก โดยเฉพาะแกนนำอย่าง ชาญวิทย์ เกษตรศิริ หรือนิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งก็คือ สมาชิกพรรคอนาคตใหม่นั่นแหละ
ไม่ต้องพูดถึงคนอย่าง เกษียร เตชะพีระ ที่ผมเคยให้คำนิยามว่าเขาเป็น “ตู่จตุพรแห่งวงการวิชาการ” ถามว่าผมแปลกใจไหมที่มีคนเคยสนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและ กปปส.ไปลงชื่อร่วมด้วย เท่าที่ดูรายชื่อแล้วไม่แปลกใจเลย เพราะคนเหล่านั้นมีพฤติกรรมทำนองนี้อยู่แล้ว บางคนเป็นพวกชอบทำให้ตัวเองดูดีมีสง่าในสังคม มีความเป็นธรรม ไม่เอนเอียงฝ่ายใด แต่ผมว่าจริงๆ แล้วเขาแยกแยะไม่ได้ระหว่างบรรทัดฐานของสังคมที่ต้องมีกฎหมายกำกับกับความมุ่งหมายส่วนตัว
สังคมแห่งความไม่เชื่ออำนาจรัฐแบบนี้จะเกิดขึ้นและปะทะกันเรื่อยๆ ตราบที่บ้านเมืองแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งฟากทางการเมือง ไม่ว่าฝ่ายไหนได้อำนาจอีกฝ่ายก็จะเป็นฝ่ายปฏิกิริยากันอย่างชัดแจ้ง
วันนี้การเมืองเปลี่ยนไปเป็นสองฟากฝั่งความคิด จะพูดว่าเป็น 2 ฟากอุดมการณ์ก็อาจจะยังไม่ชัดเจนนัก เพราะยังไม่ถึงกับมีอุดมการณ์เป็นซ้ายกับขวากันแบบสุดขั้ว เพียงแต่มีพรรคอย่างอนาคตใหม่ที่แกนนำของพรรคมีความชัดเจนว่า เป็นพวกที่ต้องการลิดรอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพียงแต่ผมคิดว่า สมาชิกของพรรคนี้ส่วนใหญ่ยังไม่มีอุดมการณ์ความคิดไปในแนวทางเดียวกับหัวหน้าพรรคอย่างลึกซึ้ง
สมาชิกพรรคอนาคตใหม่หลายคนเป็นพวกลงมาสมัครเพื่อให้เต็มโควตา แต่กลับได้เป็นส.ส.แบบไม่คาดฝัน เพราะมีเหตุยุบพรรคไทยรักษาชาติ และทำให้คนที่มีอุดมการณ์ต่อต้านอำนาจรัฐปัจจุบัน ต้องไปเทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ เพราะเขตเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีตัวเลือกจากพรรคเพื่อไทยลงสมัครเลย และเมื่อไปบวกกับคนรุ่นใหม่ที่นิยมชมชอบธนาธรก็ทำให้หลายคนกลายเป็น ส.ส.หน้าใหม่ ต้องวิ่งไปวัดตัวที่ร้านตัดสูทแบบกะทันหัน
แน่นอนเรารู้กันอยู่ว่า แม้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะเป็นนายทุนหมื่นล้าน แต่เขาเป็นพวกฝักใฝ่มาร์กซิสต์ กระนั้นหากถามว่า เขาเป็นพวกมาร์กซิสต์แท้ไหม ไม่หรอก ถ้าเราดูประวัติการทำงานในบริษัทของเขา เขาเคยปิดบริษัทเพื่อล้มสหภาพ และล้มข้อเรียกร้องของชนชั้นแรงงานมาแล้ว ฉะนั้นมันพิสูจน์ได้ว่า การแสดงออกความสนใจของเขาอาจจะขัดแย้งกับสิ่งที่เขากำลังจะบอกสังคมว่าเขาต้องการอะไร มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าถ้าเขาได้บริหารประเทศจะพาประเทศไปทางไหน ต่างจากบทบาทที่เขาแสดงอยู่ไหม
แล้วมีใครจะเชื่อไหมว่า ธนาธรจะเป็นพรรคที่เป็นความหวังของชนชั้นล่างที่อยู่ในสังคมที่เหลื่อมล้ำ วันนี้ธนาธรมีภาพที่มองเห็นซึ่งทำให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่าเขาเป็นคนรุ่นเดียวกันกับพวกเขา ด้วยความคิดสำนึกกบฏของคนหนุ่มสาวที่เป็นพื้นฐานสำคัญของช่วงวัย ทำให้เขามองว่า พรรคการเมืองแบบนี้ นักการเมืองที่พรรคนี้เสนอเป็นความหวังใหม่ของพวกเขา ธนาธรคือโอปป้าของเขา เพราะมีภาพที่แตกต่างจากนักการเมืองรุ่นเก่าที่เต็มไปด้วยภาพยี้ที่น่ารังเกียจ
แต่ต้องยอมรับว่า ส.ส.จากอนาคตใหม่ที่เข้าไปสภาก็ทำหน้าที่ได้ดีในระดับหนึ่งแม้แกนนำของพรรคบางคนจะวงเวียนอยู่กับเรื่องอำนาจรัฐ ประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ แต่หลายคนของพรรคนี้ก็อธิบายให้เห็นถึงคุณภาพของคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างกับคนรุ่นเก่า ด้วยลีลาที่ไม่ใช่การแดกดันประชดประชันแบบนักการเมืองเก่าชอบทำ แต่เต็มไปด้วยเนื้อหาข้อมูลและข้อเท็จจริง ทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนไปยังแกนนำพรรคตัวเองด้วยซ้ำที่ไปหมกมุ่นในเรื่องบางเรื่องมากเกินไป
แบบอย่างของพรรคอนาคตใหม่ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต้องปรับตัวปรับลีลาท่าทีเพิ่มเติมเนื้อหา เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกภาพของคนรุ่นใหม่บดบังกลายเป็น ส.ส.หน้าเก่าที่มีแต่ลีลาแต่น้ำท่วมทุ่ง ผมก็เห็นข้อดีของพรรคอนาคตใหม่ที่ทำให้การเมืองเก่าตื่นตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองในจุดนี้
เพียงแต่ทำอย่างไรให้สมาชิกของอนาคตใหม่มองเห็นภยันตรายของแกนนำพรรคที่จะพาพรรคไปสู่ความขัดแย้งในสังคม เพราะมีความคิดที่เคียดแค้นชิงชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ฝังอยู่ในความคิดและการแสดงออกของแกนนำพรรคอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น และนั่นอาจพาไปสู่มิคสัญญีในประเทศของเรา
ผมคงต้องอธิบายซ้ำทุกครั้งว่า ในความคิดของผมอุดมการณ์การเมือง ลัทธิการเมืองแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าใครจะยึดถือแนวทางไหนไม่ใช่เรื่องที่ผิดไม่ว่าจะซ้ายสุดกู่ ขวาสุดกู่หรือพวกกลางๆ แต่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นพระประมุขนั้นมันมีเส้นต้องห้ามเอาไว้ ถ้าใครข้ามเส้นก็ต้องยอมรับผลพวงที่จะตามมาเอาเองในทางกฎหมายที่ปกป้องรูปแบบของรัฐเอาไว้
แต่ความห้าวเป้งของอนาคตใหม่นั้น มันทำให้พวกฝ่ายซ้ายเก่า พวกหลงใหลอุดมการณ์แบบสาธารณรัฐ พวกปฏิกษัตริย์นิยมมีเลือดที่สูบฉีดขึ้นมา เพราะแกนนำพรรคนี้มีอุดมการณ์ที่สอดคล้องกัน แล้วลงเลือกตั้งครั้งแรกยังยึดพื้นที่ได้มากขนาดนี้ ก็เลยเริ่มปลุกความฝันเก่าๆ ของพวกเขากลับมาอีกครั้ง และเมื่อบรรดาผู้เฒ่ามองเห็นว่ามวลชนของพรรคนี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ด้วยแล้ว พวกเขาก็เริ่มมีความหวังจะเปลี่ยนแปลงพลิกคว่ำปฏิวัติสังคมโค่นล้มค่านิยมเก่าขึ้นมาอีกครั้ง
ไปดูรายชื่อส่วนใหญ่ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ในการรณรงค์คัดค้านการยุบพรรคก็จะเห็นว่า คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความคิดแบบนี้อยู่ในแล้วโดยเฉพาะพวกตกค้างฝังใจมาจากเหตุการณ์เดือนตุลาในอดีต แน่นอนอาจจะมีคนบางคนที่ลงชื่อเพียงเพราะต้องการความยุติธรรมและเกลียดชังความอยุติธรรม ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการทางศาลด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองอยู่บ้างทั้งที่คิดด้วยตัวเองและหลงคำปลุกปั่นในการรณรงค์ของผู้เฒ่าอย่างชาญวิทย์
โดยส่วนตัวชาญวิทย์มีลักษณะที่อาจจะอำพรางความเป็นพวกปฏิกษัตริย์นิยม แต่หลายครั้งการแสดงออกก็ทำให้ต้องคิดเช่นนั้น แต่เชื่อไหมเขาเป็นพวกนิยมกษัตริย์เพื่อนบ้านโดยเฉพาะการชื่นชมเขมรแดนสวรรค์ของเขา ทั้งที่เขมรนั้นมีผู้นำที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ตกต่ำกว่าบ้านเราด้วยซ้ำไป อาจเป็นเพราะเขาสามารถกรีดกรายแสดงออกจากจิตใจภายในได้มากบนดินแดนนั้น
ดังนั้นความท้าทายของพรรคอนาคตใหม่ก็มีผลดี เพราะทำให้การเมืองไทยต้องปรับปรุงตัวโดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่าและนักการเมืองรุ่นเก่า แม้วันนี้จะมีลักษณะเป็นสองขั้วการเมืองที่ต่างจับมือกันเป็นพันธมิตร ทั้งพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน
แต่อย่างคิดว่านี่เป็นความยั่งยืน ถ้าผ่าน 5 ปีของบทเฉพาะการณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้ ส.ว.มีอำนาจยกมือเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วยหมดลง วันนั้นถ้ามีการเลือกตั้งก็จะเป็นโอกาสของพรรคที่ได้เสียงมากที่สุด ถามว่า วันนี้เราสามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ไหม และถ้าพรรคเพื่อไทยร่วมมือกับอนาคตใหม่ก็จะเป็นขั้วที่เข้มแข็ง และสามารถดึงพรรคร่วมมาจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน
ลองคิดดูว่าถึงวันนั้นแนวทางประเทศและอุดมการณ์แบบไหนจะขึ้นมาปกครองบ้านเมือง
บอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องที่ใครผิดใครถูก เพราะโลกมีอุดมการณ์ที่หลากหลายไม่มีอะไรดีไปกว่าใคร แต่ละชาติต่างเชื่อมั่นในแนวทางปกครองของตัวเอง คนจีนก็ เชื่อมั่นในพรรคคอมมิวนิสต์ เชื่อมั่นใน สีจิ้นผิง คนเกาหลีเหนือก็เชื่อในการเป็นรัฐพรรคการเมืองเดียวภายใต้สหแนวร่วมนำโดยพรรคแรงงานเกาหลี และการนำของประมุขอย่าง คิมจองอิล หรือคนอาหรับก็ยังเชื่อมั่นในอุดมการณ์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ดังนั้นภายในห้วงเวลาที่อาจมีการพลิกผันอุดมการณ์การเมืองและแนวทางปกครองประเทศ พรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามกับแนวคิดแบบอนาคตใหม่จะต้องตั้งมั่นให้สังคมเกิดความเลื่อมใส เปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพให้คนรุ่นใหม่เห็นว่า ความเป็นบ้านเมืองที่ยืนหยัดมาได้ถึงวันนี้เพราะระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั่นเอง เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตได้มองเห็นว่าทางไหนที่จะพาบ้านเมืองไปได้ ทางไหนที่จะกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรง
พรรคการเมืองแบบอนาคตใหม่นั้น กำลังกลายเป็นอนาคต ถ้าไม่มีพรรคการเมืองและแนวทางที่ทำให้คนในสังคมมองเห็นว่า โครงสร้างอุดมการณ์การเมืองแบบไหนที่เหมาะกับบ้านเมืองของเรา ผมไปดูงานที่สาธารณรัฐเชกมา วันนี้เขาเกิดพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีอันดับสองของประเทศชื่อว่าพรรค ANO(หรือพรรค YES ในภาษาอังกฤษ) พรรคนี้สามารถเอาใจคนรุ่นใหม่ด้วยวิธีคล้ายกับอนาคตใหม่ สามารถชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นและกลายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด ดังนั้นอย่างประมาทพรรคแบบอนาคตใหม่ไป
ความน่ากลัวก็คือความย่ามใจของฝ่ายที่ถืออำนาจรัฐตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าต้องเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอย่างไรบ้างที่จะรักษาความมั่นคงของรูปแบบรัฐปัจจุบันเอาไว้ 5 ปีที่อยู่ในอำนาจแบบเผด็จการได้ละทิ้งโอกาสที่จะปฏิรูปบ้านเมืองด้านต่างๆไป หมกมุ่นอยู่กับความพยายามสืบทอดอำนาจ แล้วสุดท้ายเมื่อเลือกตั้งก็ได้รัฐบาลที่ง่อนแง่นปริ่มน้ำและอยู่ได้ด้วยกล้วยเลี้ยงลิงและทำตัวเป็นชาวบ้านเลี้ยงงูเห่าซึ่งอาจจะถูกแว้งกัดวันไหนก็ได้
ผมคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ต้องทำอะไรที่เปลี่ยนแปลงทัศนคติของมวลชนอีกฟากฝั่งให้ได้ว่า รัฐบาลจะพาประเทศไปในแนวทางที่ดีกว่า ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง แต่ถามผมว่ามีความหวังไหม บอกตรงๆว่า ถ้ามองจากสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่นั้นมีความหวังที่เลือนรางมาก
แม้จะเป็นรัฐบาลกึ่งประชาธิปไตยแล้ว แต่พี่น้อง 3 ป.ก็ยังปกครองบ้านเมืองแบบอำนาจนิยมทุกอย่างอยู่ในมือของพวกตัวเอง และไม่มีการแสดงออกให้เห็นถึงการพาบ้านเมืองไปสู่ความหวังของคนรุ่นใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงความเชื่อความหวังที่พวกเขาฝากไว้กับพรรคอนาคตใหม่ได้เลย
นี่แหละคือสิ่งที่ท้าทายประเทศของเราว่าจะไปทางไหนในอนาคต
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan