xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** เรื่องนี้เฟกนิวส์หรือไม่ วาน “ฉาย บุนนาค” กะ “เบิ้ม” ช่วยตอบที แต่เรื่องที่ “ฉาย” บอกว่าไม่รบกัน มีแค่จะรบกับศัตรูของชาติ แล้วกลับหลับตาปล่อย “เบิ้ม”ออกมาเห่าหอนเนี่ย อันนี้เฟกชัวร์
เมื่อวานลงบทความเต็มๆ ของพ่อเทพบุตรนักบุญ “ฉาย บุนนาค” และ บก.สุดห้าว “เบิ้ม ประชาไท” ให้อ่านกันเต็มๆ วันนี้จึงเป็นคิวเผยเบื้องหลังวิทยายุทธ์ สลับกันเล่น good cop bad cop ของ “นักบุญฉาย” ผู้มีเมตตากับสาวก “เบิ้ม” ให้ทราบซิกเนเจอร์กันสักนิด
เรื่องนี้ต้องมาว่ากันถึงเบื้องหลังที่ ฉาย ไม่ได้เล่าทั้งหมด
ที่ “ฉาย บุนนาค” เขียนว่า รู้จักกับ ”สนธิ ลิ้มทองกุล” ผ่านบิดา ยุทธ ชินสุภัคกุล ซึ่งเป็นเพื่อนกันนั้นถูกต้อง เพราะนอกจากเรียนมาด้วยกัน “ยุทธ” ยังเคยบริหารโรงพิมพ์ตะวันออก EPCO ที่ผู้จัดการเคยเป็นเจ้าของมาก่อน กระทั่งเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง “สนธิ” จึงขายหุ้นทั้งหมดให้กับ “ยุทธ”
“ฉาย” เคยมาขอความช่วยเหลือหนักๆ เมื่อเขากระโดดเข้าวงการสื่อ คิดการใหญ่ซื้อสื่อ “เครือเนชั่น” ซึ่งอาจจะเป็นด้วยความเชื่อส่วนบุคคล หรือมีใครแนะนำหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ว่า การมีสื่อหลายสื่ออยู่ในมือ ถือเป็นเกราะชั้นดีกันภัยให้กับตัวเองได้ ดังที่ “ฉาย” ได้เขียนยอมรับว่าในอดีตเคยเล่นหุ้นแบบ “หวือหวา”ไปนิด
สมัยนั้น “ฉาย” เจอกลุ่มเก่าต้าน กีดกัน ถึงขั้นเกิดเหตุไม่ให้เข้าประชุม ทั้งๆ ที่เป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์มีเสียงในการประชุมเพื่อวางแนวทางในการบริหารอย่างชอบธรรม ตอนนั้นเป็นเรื่องที่วงการสื่อ ถ้าจำได้จะมีการพูดถึง “สื่อสีเทา” และก็เป็น “เครือผู้จัดการ” ที่ช่วยเป็นปากเสียงให้จน “ฉาย” ได้เข้ามาบริหารสื่อเครือเนชั่น สมใจ และปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นในเวลาต่อมา โดยได้เดินสายเจรจากับ “คีรี กาญจนพาสน์” ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่
ส่วนเรื่องการลงทุนที่ “ฉาย” บอกว่า การลงทุนของตัวเองอาจจะ “หวือหวา” ไปบ้าง ก็ต้องมาดูกัน ฉายไม่ได้พูดถึงว่า ผลการเล่นหุ้นหวือหวาทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่งผลต่อชีวิตใครบ้าง และหลุดพ้นจากคดีหลายต่อหลายคดีเหล่านั้นมาได้อย่างไร ?
แต่จากปากคำคนใกล้ชิด ในช่วงที่ “สนธิ” ติดอยู่ในเรือนจำ ว่ากันว่า “ฉาย” ขอเข้าเยี่ยม เพราะมีความเดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องดังกล่าว…
คนเราเมื่อภัยมาใกล้ตัว หรือ ขาข้างหนึ่งกำลังจะก้าวเข้าคุกเข้าตะราง ย่อมทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ใช่หรือไม่

ซึ่งก็ตรงกับที่ “ฉาย” บอกว่า ตอนนี้ “เลิกเล่นหุ้นเด็ดขาด” ประโยคนี้มีที่มาจากที่เขาเคยโร่มาขอเคลียร์กับ “สุนันท์ ศรีจันทรา” คอลัมนิสต์หุ้น ของเครือผู้จัดการ ที่เขียนตีแผ่การเล่นหุ้นของฉาย ในขณะที่เรื่องกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ DSI ในขณะนั้น จนทำให้เกิดคำสาบานของฉาย ว่าผมจะเลิกเล่นหุ้น กับสุนันท์ในวันนั้น
ในเมื่อ “ฉาย” สาบานเป็นมั่นเป็นเหมาะกับ “สุนันท์” โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่าง “ยุทธ และสนธิ” เพื่อขอให้สุนันท์ เกรงใจ ... การตอบแทนบุญคุณด้วยความเมตตาของเทพบุตร ของ “บก.เบิ้ม” ก็แสดงออกมาให้เห็น…
นั่นคือการปล่อย “เฟกนิวส์” ผ่านทางสื่อฐานเศรษฐกิจ โยนขี้ให้ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ในเรื่องการพัวพันกับ “เสี่ยกำพล”
ซึ่ง ณ เวลานั้น “เสี่ยกำพล” กำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการอาบ อบ นวด วิคตอเรีย ถูกดำเนินคดี ค้ามนุษย์ และ ฟอกเงิน มีข่าวเล่าลือกันว่า เสี่ยอาบอบนวดดัง มีสัมพันธ์เชื่อมโยงเข้ามาหา “ฉาย”
พลัน “ฐานเศรษฐกิจ” สื่อในเครือของฉายเองก็ระบุว่า “กำพล” ถือหุ้นโรงพิมพ์ตะวันออก โดยอ้างว่า “สนธิ” เป็นเจ้าของ ทั้งๆที่ขายให้ “ยุทธ” บิดาของฉาย ไปนานแล้ว
เมื่อมีการทักท้วงกลับไป กลับอ้างว่า นักข่าวของตัวเองไม่รู้ที่สื่อไปอย่างนั้น ซึ่งเป็นไปได้หรือ ? เรื่องนี้นักข่าวเศรษฐกิจที่เป็นลูกน้องของฉาย จะไม่รู้เชียวหรือ ว่า EPCO นั้นผู้ถือหุ้นใหญ่คือ “ยุทธ ชินสุภัคกุล” บิดาแท้ๆของเจ้านายตัวเอง โดยที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ไม่ได้มีหุ้นเหลืออยู่แม้แต่น้อย
อีกเรื่องที่หลายคนคงพอจดจำกันได้ กับบทสัมภาษณ์ที่กำกวม จนคนนำเอาไปขยายความผิดๆ ในเรื่องที่มีข่าวว่า “สนธิ ลิ้มทองกุล” จะจับมือกับ “จตุพร พรหมพันธุ์” ก็มาจากรายการของค่ายนี้ สร้างความลำบากแก่ “สนธิ” ที่อยู่ในเรือนจำขณะนั้น จากฝ่ายความมั่นคงที่จับตามอง
นี่คือผลงานในอดีตคร่าวๆ ของ “ฉาย บุนนาค” ที่กำลังสะท้อนออกมากับพฤติกรรมพูดอย่าง ทำอีกอย่าง หรือ “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม” ขณะที่กำลังเปิดศึกในขณะนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างกันจากกรณีที่ “ฉาย” เขียนบทความที่อ่านแล้วดูหล่อ เป็น”เทพบุตรนักบุญ” คล้อยหลังก็ปล่อยลูกน้อง “เบิ้ม ประชาไท” มาไลฟ์สด เหน็บแหนม ด่าว่า ผู้ที่ฉายบอกว่าให้ความเคารพ เป็นผู้อาวุโสของวงการ…
วันนี้ “ฉาย” ได้ข้ามหัวหลายคนจนเป็นที่โปรดปราน และได้รับการปกป้องจากผู้มีอำนาจ ถือเป็น “เจ้าพ่อสื่อ” คนหนึ่งของวงการสื่อไทย มีทั้งช่องทีวี และ หนังสือพิมพ์หลายหัว จะเรียกลม เรียกฝน จะตบกบาลใครก็ได้ และสื่อเครือของฉาย ก็แปลงสภาพเป็นสื่อทะลวงฟันให้แก่ผู้มีอำนาจ ไม่ต่างอะไรกับ “ดาวสยาม” ยุคก่อน จึงไม่แปลกที่ “เบิ้ม ประชาไท” จะอหังการ บอกว่าตัวเองมีต้นทุนสูงกว่านักข่าวแก่ๆ คนอื่น

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า เพื่อประกันความชัวร์ จึงให้ “มาดามเดียร์” ผู้เป็นภรรยาของฉาย ลาออกจากกรรมการบริหารสื่อในเครือ ไปนั่งตำแหน่ง ส.ส. สังกัดพรรคการเมืองใหญ่ เสมือนประหนึ่งเป็นตัวประกัน และมีข่าวแพลมว่ากำลังสนใจทำทีมฟุตบอลเพื่อสร้างฐานการเมืองโดย มีนักข่าวอาวุโสอีกคนที่กำลังทำตัวเป็น “เซเลบ” เข้าไปเป็นกุญซือใหญ่ให้กับขั้ว “บิ๊กบราเธอร์” สนิทสนมกลมเกลียวกันราวคอหอยลูกกระเดือก
จนกระทั่งเกิดเกม “วิสามัญรถ ล้มแป๊ะ” ลากยาวไปถึงกรณี “ลูกบิ๊กแป๊ะ” ที่ คม ชัด ลึก เล่นข่าวลีดต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 วัน ในลักษณะที่ “เบิ้ม ประชาไท” พูดออกมาไม่อายปากได้ยังไงว่า...” ไม่กะจะเล่นใครให้ตายไปข้าง”
ในขณะที่ข้างนอกเล่นกันให้ตาย ข้างในก็มีการปล่อยใบปลิวว่อนเต็มสตช. สอดรับกันเพื่อดิสเครดิตสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งสามีของท่านเคยเอ่ยปากฝากฝังผู้ใหญ่ว่าให้ดูแล “ฉาย” มันด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยังเอ็นดูอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า?
เมื่อเกมชิงอำนาจใน สตช. จบ และฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงๆ ลงมาให้รู้ว่า “อะไรดีอะไรชั่ว” นั่นจึงเป็นที่มาของ “บิ๊กบราเธอร์” ต้องแสดงจุดยืนให้สังคมเคลียร์ว่า ไม่ได้ยุ่งไรกับ “โจ๊ก” แล้ว
โดยได้มีการประสานเพื่อส่งข้อความไปยัง “บิ๊กแป๊ะ” โดยการนัดเจอกันที่โรงแรมหรรษากลางกรุง... ซึ่งก็ขัดแย้งกับการที่ “ฉาย” บอกว่า การเจอ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผบ.ตร. เพราะ “บิ๊กแป๊ะ” อยากชี้แจง ...
ในความเป็นจริงต้องรู้ว่า “บิ๊กแป๊ะ” เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ย่อมไม่เคยขอเคลียร์กับใคร !!
เป็นเพื่อนลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประสานขอนำ “ฉายและพวก” ให้เจอ “บิ๊กแป๊ะ” ต่างหาก เพื่อยืนยันว่า “ลุงป้อม” ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการสั่งให้เครือเนชั่น เล่นงานตีข่าวโจมตี ผบ.ตร.
เอาล่ะไหนๆ เมื่อฉายบอกว่า เป็นประธานบริหาร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของกองบก. และสื่อในเครือ คำถามก็คือว่า แล้วฉายจะไปทำไม ?
ยิ่งบอกว่าการเจอ “บิ๊กแป๊ะ” เพราะภรรยา “มาดามเดียร์” วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.พลังประชารัฐ รู้จักกันมาก่อน ก็ยิ่งต้องตั้งคำถาม “วทันยา” ไปในฐานะอะไร และสมควรไปหรือไม่ ที่นางเคยตอบโต้กับ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสื่อ จะให้เชื่อได้อย่างไร... อย่าดูเบาไปเรื่องนี้ย่อมมองไปถึงผลที่จะเกิดกับ พรรคพลังประชารัฐ ที่ “บิ๊กป้อม” เป็นประธานยุทธศาสตร์ด้วยว่าเคสนี้อาจทำให้ “ตกม้าตาย” ง่ายๆ
ทำไมไม่ส่ง “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” หรือ “เบิ้ม ประชาไท” ไปพบ ผบ.ตร. แทน ก็ในเมื่อ ”เบิ้ม” บอกว่าได้รับมอบหมายจาก “ประธานฉาย” ให้ดูหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับที่โจมตี “บิ๊กแปะ” พาดหัวตัวไม้ 22 วันต่อเนื่องไม่หยุด
ไหนๆ พูดถึง “สนธิญาณ” ลูกพี่อีกคนของเบิ้มแล้ว ก็อยากจะถามเบิ้มกลับให้ตอบหน่อย 2 ประเด็น
จากประเด็นที่เบิ้มไลฟ์ ชัดเจนว่าไม่ได้รับงานใครมา
1. ถ้าไม่ได้รับงานใครมา ทำไมถึงไปล่อเขาแบบผิดปกติ ตีรวนไปถึงลูกเขาถึง 22 วัน แบบนี้เรียกไม่รับงานหรือ?
2. จริงหรือไม่เมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ถามว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน “สนธิญาณ” ตอบว่าส่วนหนึ่งจาก “โจ๊ก” อีกส่วนหนึ่งหาเอง แล้วแบบนี้ไม่เรียกว่ารับงานจาก “โจ๊ก” หรือ?
และก็เป็น “เบิ้ม” อีกที่บอกว่า ไม่ได้เล่นข่าวให้ใครตาย ไม่ได้รับจ้างใครมาตีใคร ไม่ได้เป็น 18 มงกุฎ เดินตามนักการเมือง คอยรีดไถ กรรโชกทรัพย์ใครนั้น ก็คงไม้ได้หมายถึง “สื่อผู้จัดการ” หรือแม้แต่จะเป็น “สนธิญาณ” นายของเบิ้ม อีกคนหรือไม่ ก็คงไม่ใช่
ทั้งหมดทั้งมวล “ฉาย” และ “เบิ้ม ประชาไท” ที่เราเปิดพื้นที่ให้เต็มๆ เมื่อวันก่อนไม่ได้บอกเล่าเบื้องหลังเหล่านี้
“ฉาย” วันนี้ไม่ใช่ฉายคนเดิม ที่มีอะไรก็วิ่งเข้ามาขอความช่วยเหลืออีกต่อไป เหมือนสมัยที่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ติดคุก ยังเทียวไล้เทียวขื่อ ขอคำปรึกษานู่น นั่น นี่
ถ้าเป็นสมัยก่อน คงเจ้ากี้เจ้าการให้ “ยุทธ ชินสุภัคกุล” ผู้เป็นพ่อพามาขอเคลียร์เรียบร้อยแล้ว จะที่ไหน เมื่อไรพร้อมไปหมด แต่วันนี้มีเพียงบทความสวยหรู ที่แสดงความเมตตาแก่นักข่าวอาวุโส และเครือผู้จัดการ เท่านั้น
ล่าสุดมีข่าวว่าได้สั่งปลด “เบิ้ม ประชาไท” ออกจาก บก.คม ชัด ลึก แล้วหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่ปลดไปก็เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงก็คงรู้ๆ กันอยู่ว่า เป็นแค่ปาหี่ ...
เรื่องพวกนี้ ในสายตาขุนพลสวรรค์ของ “เทพบุตรฉาย” อย่าง “เบิ้ม” แน่ละ คงเป็นเฟกนิวส์ ... เฟกนิวส์ของ “เบิ้ม” มันก็อาจจะเป็นเรื่องจริงของคนทั้งโลกก็ได้มิใช่หรือ?
เอาแค่นี้ก่อน พอหอมปากหอมคอ ถ้าจะเขียนอะไรให้หล่อๆ หรือใครที่ยังห้าวเป้ง ก็ช่วยตอบคำถามในคอลัมน์นี้ให้กระจ่างทุกประเด็นด้วย!!


รูป – ฉาย บุนนาค – ประชาไท ธนณรงค์


กำลังโหลดความคิดเห็น