xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**เอาแล้ว!! ประเดิมเด้ง“พ.อ.-พ.ท.”ทัพภาค 2 เอี่ยวทุจริต“ค่าเวรทหารรักษาการณ์”เอาเปรียบผู้น้อย ก้าวแรกปฏิบัติการเก็บกวาดกองทัพของ “บิ๊กแดง”งานนี้ต้องลุ้น จะวนลูปเดิมหรือไม่ ?

จากที่ “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แถลงจะจัดระเบียบกองทัพ ปฏิบัติการเก็บกวาดบ้าน หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช โดยระบุว่า ผู้บังคับบัญชาตั้งแต่“ผู้พัน-นายพล”จะไม่มีงานทำแน่ หากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันเรื่องทุจริต และไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชา เอารัดเอาเปรียบ กดขี่ทหารชนชั้นผู้น้อย
วันที่แถลงนั้นเพิ่งจะบอกไปว่า มีข้อมูลลึกๆว่าใครทำอะไรไว้ รู้หมดแล้ว และแล้วก็ถึงเวลา“แอ็กชั่น”เมื่อ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) มีคำสั่งให้ "พ.อ.อุทัย แฝงกระโทก" หัวหน้ากองยุทธการ (หก.กยก.) มณฑลทหารบกที่ 25 อดีตผู้บังคับกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.3) ย้ายมาช่วยราชการที่ กองกิจการพลเรือน (กกร.ทภ.2) กองทัพภาคที่ 2 และ "พ.ท.ที เพิ่มพล" ผบ.ร. 23 พัน.3 ย้ายมาช่วยราชการที่ กองกำลังพลทัพภาคที่ 2 (กกพ.ทภ.2)
โดยให้ "พ.อ.ศิริศักดิ์ บูรณ์เจริญ" หัวหน้ากองข่าว (หก.กขว.มทบ.25) รักษาราชการแทน หก.กยก.มทบ.25 และให้ "พ.ท.พงษ์พัฒน์ เตือนขุนทด" หัวหน้าฝ่ายกำลังพล (หน.ฝกพ.) กองพลทหารราบที่ 6 รักษาราชการแทน ผบ.ร.23 พัน 3 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ลงวันที่ 12 ก.พ.63
ฟังว่า เรื่องนี้ “บิ๊กแดง”ได้รับข้อมูลว่า พ.อ.และพ.ท.ในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 2 ทั้งสองคนถูกกล่าวหาพัวพันเรื่องทุจริตไม่จ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ จึงมีคำสั่งให้พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ดำเนินการเชือดดังกล่าว
เรื่องนี้แน่นอน ย่อมมาจากกรณีเหตุโศกนาฏกรรม "จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา" ทหารหน่วยกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ก่อเหตุยิง "พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส" ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 ผู้บังคับบัญชาตัวเอง และ"นางอนงค์ มิตรจันทร์" แม่ยายของพ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เสียชีวิตในบ้านพัก ก่อนไปปล้นปืนอาวุธสงคราม และรถในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ไปกราดยิงประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่วัดป่าศรัทธารวม และในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช จนมีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บ 58 ราย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8-9 ก.พ.
ว่ากันว่า เหตุจูงใจในการก่อเหตุว่าเพราะ ผู้ก่อเหตุถูกโกง “เงินทอน”และ “ค่านายหน้า”ที่กู้เงินจากออมทรัพย์ข้าราชการกองทัพบก หรือ เงินกู้ อทบ. เคยทวงถามหลายครั้งและกระทั่งเชื่อว่าถูกกดขี่จากผู้บังคับบัญชาจนบันดาลโทสะ จุดชนวนก่อเหตุที่สุดสลดในเวลาต่อมา
"บิ๊กแดง" ให้น้ำหนักกับเรื่องระหว่างผู้บังคับบัญชา และลูกน้อง ทั้งเรื่องของ “ธุรกิจในค่าย”อย่างมากจนลั่นสัจวาจาว่าจะขอใช้เวลาที่เหลือ ในการทำหน้าที่ผบ.ทบ.สะสางกองทัพให้สะอาด เพื่อก้าวไปสู่กองทัพยุคใหม่
เช่นเดียวกับ “Mission”อื่นๆ ที่ว่ากันว่าเป็น ภารกิจเข็นครกขึ้นภูเขา เช่น แนวความคิดให้นายทหารที่เกษียณราชการย้ายออกจาก“บ้านหลวง”เพื่อจัดระบบบ้านพักสวัสดิการของทหาร โดยจะจัดให้ทหารที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ ได้เข้าไปพักอาศัยต่อนั้น
วันเดียวกันนี้ ผบ.ทบ. เทกแอ็กชั่นแล้วเหมือนกัน สั่งการไปยังกรมสวัสดิการทหารบก ให้ตรวจสอบบ้านพักของกองทัพบกว่า มีผู้เกษียณอายุราชการที่ยังพักอาศัยอยู่หรือไม่ โดยให้ทำหนังสือถึงผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว ยังอาศัยอยู่ที่บ้านสวัสดิการ และไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศ โดยแจ้งให้ออกจากบ้านพัก ภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ เว้นเสียแต่ว่าผู้เกษียณราชการแล้วแต่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และได้รับอนุญาตให้พักอาศัย ยังสามารถอยู่ได้ตามปกติ
ปฏิบัติการสะท้านกองทัพ ค่อยๆ ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมแบบนี้ ต้องขอชื่นชม “บิ๊กแดง”ที่กล้าพูด กล้าทำ
แต่กรณีเรื่องโยกย้าย คำสั่งเด้งคนนั้น คนนี้ ก็เกรงกันอยู่หน่อยตรงที่ว่า ตัวอย่างในอดีต หรือ ตัวอย่างของวงการตำรวจ จะตามมาหลอนเตือนให้คิด เมื่อเวลาที่เกิดเรื่องไม่ดี นายตำรวจผู้ใหญ่ไปพัวพันเรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ บ่อยครั้งครับท่าน ที่พอเรื่องเงียบ ไม่มีการสอบสวนหรือบทลงโทษ นอกจาก"ย้ายจากหน่วยนี้ไปประจำหน่วยนั้น" ลดกระแสต่อต้าน สุดท้ายไม่นานก็จะได้รับแต่งตั้งกลับมาที่เดิม หรือใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ผู้ใต้บังคับบัญชาก็หนาวกันเป็นแถบๆ
เรียกว่า "วนลูปวงจรอุบาทว์" อยู่แบบนี้ตลอด คนทำผิดก็ไม่กลัวเกรง ก็ไม่รู้ว่า สำหรับวงการทหาร กองทัพบก จะให้เป็นเช่นนั้นมั้ย ก็ขอให้ผบ.ทบ. ช่วยๆ ดูตรงนี้ด้วย เพราะนี่ถือเป็นอุปสรรคสำคัญข้อหนึ่งการปฏิรูปกองทัพ
ไหนๆ ก็ก้าวแล้วก็ต้องเดินให้สุดทาง ใครทำเยี่ยงอย่างไม่ดี ก็ต้องทำโทษให้ถึงที่สุด !!

**ผ่าง! เมื่อเรือสำราญ"เวสเตอร์ดัม" เทียบท่าเขมรแล้วเจอผู้โดยสารอย่างน้อย 20 คน ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา ย้อนแย้งที่ WHOกดดันไทย

เรื่องเรือสำราญ"เวสเตอร์ดัม" ที่ไม่สำราญ หาที่เทียบท่าไม่ได้จนในที่สุด กัมพูชา อ้าแขนรับ แต่ก็กลับเจอปัญหาอย่างที่กลัวกัน
ชัดเจนว่า ทางการกัมพูชา เปิดเผยว่ามีผู้โดยสาร"อย่างน้อย20 คน" บนเรือสำราญเวสเตอร์ดัม มีอาการป่วย และจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เรือสำราญเวสเตอร์ดัม ของ บริษัทฮอลแลนด์ อเมริกา ไลน์ ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 2,257 คน จอดห่างออกไป 1 กม.จากท่าเรือที่จังหวัดพระสีหนุ ของกัมพูชา หลังจาก ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เกาะกวม และไทย ไม่อนุญาตให้เรือเข้าฝั่ง เนื่องจากกลัวว่ามีผู้ติดเชื้อ บนเรือ
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ผู้โดยสารและลูกเรือจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพก่อนจะได้รับอนุญาตให้ลงจากเรือ เบื้องต้นพบว่าผู้โดยสาร 20 คน มีอาการปวดท้อง หรือมีไข้ และจะต้องรับการตรวจหาเชื่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยตัวอย่างเลือดของพวกเขา ถูกส่งไปยังสถาบันปาสเตอร์ ในกรุงพนมเปญ เพื่อตรวจสอบ
งานนี้มองได้สองมุม เดิมก่อนที่ไทยจะปฏิเสธ ก็มีกระแสเรียกร้องให้ไทยคิดให้ดีๆ ในแง่ "มนุษยธรรม" ควรจะอนุญาตให้เทียบท่าหรือไม่ เพราะ "เวสเตอร์ดัม" ลอยลำเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลมานานแล้ว ไม่มีใครรับเข้าท่า คนบนเรือก็มีคนไทยรวมอยู่ด้วย นอกจากมนุษยธรรมแล้ว หากประเทศไทยอนุญาต ก็จะได้รับโอกาสในการโชว์เคส ประกาศให้โลกรู้ว่า มาตรฐานการกลั่นกรองโรคของเรา ที่ติดอันดับต้นๆ ของโลกนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
ความเชื่อมั่นว่า"ไทยจะเอาอยู่" จะทำให้มิตรประเทศเชิดชูไทยยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะองค์การอนามัยโลก WHO
ถ้าไม่ทำ ไม่อนุญาต ก็น่าเสียดายที่จะ "ทิ้งโอกาสที่กลางทะเล" ดังที่นักวิชาการ ให้ทัศนะ มุมนี้เกิดเป็นดรามาให้โซเชียลฯ แสดงความ"เห็นด้วย" อย่างกว้างขวาง
ทว่า อีกมุมหนึ่ง "หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ก็แสดงเหตุผลที่ไม่อาจรับเรือสำราญลำนี้เข้ามาได้ เพราะ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในประเทศข้อหนึ่ง และสอง เพราะบุคลากรก็มีจำกัด ที่สำคัญไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับเรือลำนี้เลย
อีกอย่าง ประเทศไทยเป็นท่าสำรอง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน ก็มีสิทธิที่จะขอความช่วยเหลือได้เข้ามาตามหลักมนุษยธรรม แต่จะให้ไม่ให้ ก็เรื่องของเรา
คำถามที่ "หมอหนู" โยนมาให้สังคมขบคิด คือทำไมไทยต้องแบกรับความกดดันนี้ โดยที่ประเทศอื่นๆ ก็ไม่รับเช่นกัน
เมื่อเป็นกระแสขึ้นมา และ กัมพูชา อนุญาตให้เรือเข้าเทียบท่า"สีหนุวิลล์" เรื่องนึกว่าจะจบ แต่เมื่อตรวจพบปัญหา ซึ่งคาดว่าผู้โดยสาร อย่างน้อย 20 คน ต้องเข้ารับบริการตรวจเชื้อไวรัส "โควิด-19 " เรื่องที่ "หมอหนู" ตัดสินใจปฏิเสธ ก็น่าคิดว่า ถูกต้องแล้ว
ชวนคิดต่อไปอีกว่า ที่ ผอ.WHO สายตรงโทร. มาหา"อนุทิน" กลางดึก รับรองว่าคนบนเรือสุขภาพดี แล้วบอกว่าในเรือทุกคนสุขภาพดี มีคนไทยด้วย ขอให้เรารับเทียบท่า
นี่ก็ย้อนแย้งในตัวเหลือเกิน !!

**ใกล้ถึงวันตัดสินยุบพรรค "ธนาธร" เริ่มคล้ายคนสติหลุด กราดแหลก ขู่ฟ้อง กกต.เรียงตัว ที่ไมียึดหลักกฎหมาย รีบสรุปเรื่องเงินกู้ 191 ล้าน ส่งศาลรัฐธรรมนูญ
หลังจากพรรคอนาคตใหม่ ส่งทีมทนายไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้เปิดไต่สวนพยาน 17ปาก โดยเปิดเผยในคดี "เงินกู้191ล้าน" ที่ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้พรรคกู้สำหรับใช้ในช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง ...หวังจะใช้แทกติกยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด
ปรากฏว่า ศาลฯ มีมติยกคำร้อง แต่ได้ขยายเวลาการยื่นเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อสู้คดี จากเดิมที่ขีดเส้นเอาไว้แค่ วันที่ 12 ก.พ. ก็ยืดไปเป็นวันที่ 17 ก.พ. ส่วนวันพิจารณาตัดสินยังคงเป็นวันที่ 21 ก.พ. เหมือนเดิม
ทำเอา "ธนาธร" คล้ายคนสติหลุด ออกมากราดแหลก ...เป้าหมายไม่เพียงศาลรัฐธรรมนูญ ยังพุ่งตรงไปที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เป็นผู้ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคด้วย
"คุณบอกว่า เงินกู้เป็นรายได้ และตีความว่าผมผิดตามมาตรา 66 ... คุณเถียงกับนักบัญชี นักกฎหมายทั่วประเทศ เพราะมันไม่ใช่ มันมีมาตรฐานการบัญชีรองรับอยู่ เรื่องบัญชี มันตรงไปตรงมา ดังนั้นคุณดิ้นตรงนี้ไม่ได้ หรือคุณจะมาบอกว่า ผมครอบงำพรรคได้อย่างไร ในเมื่อคุณไม่เคยศึกษาเลยว่า พรรคของผมทำงานอย่างไร อยู่ๆ มากล่าวหาว่าผมครอบงำพรรค ... ผมอยากจะรู้ว่าคุณจะเขียนอย่างไร ว่าผมครอบงำพรรค และสุดท้ายคุณจะพิสูจน์อย่างไรว่า เงินของผมนั้น มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย... ผมยังเชื่อว่า ไม่ผิด แต่ประมาทไม่ได้ เราก็ไม่ได้ไว้วางใจ ...ส่วนจะมีกิจกรรมอะไรหรือไม่นั้น คงมีกิจกรรมกับกกต.แน่ๆ ในเรื่องฟ้องกกต.เป็นรายบุคคล ซึ่งฟ้องก่อนศาลฯ นัดอ่านคำวินิจฉัยได้เลย เพราะมันเข้าข่ายผิดมาตรา 157 ชัดๆ คุณกล่าวหาผมไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหาผม มีกระบวนการยุติธรรมที่ไหนเขาทำอย่างนี้ กันบ้าง"
"ธนาธร" ประกาศว่าจะฟ้อง กกต.แบบเรียงตัวว่าผิด มาตรา 157 "ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ซึ่งเป็นโทษอาญา และจะฟ้องก่อน วันที่ 21 ก.พ.นี้ด้วย...ก็ต้องรอดูกันว่า จะเป็นแค่คำขู่ หรือจะไปฟ้องจริงๆ

รูป—- พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ –พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร
- อนุทิน ชาญวีรกูล

-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ




กำลังโหลดความคิดเห็น