ผู้จัดการรายวัน360- ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตา ยุบพรรคอนาคตใหม่ ปมเงินกู้ 21 ก.พ. ให้โอกาส 17 พยานพรรค ยื่นคำชี้แจงภายใน 12 ก.พ. พร้อมชี้ขาดปมเสียบบัตรแทนกันทำงบฯ 63 โมฆะหรือไม่ 7 ก.พ.นี้ "ชวน" เดินหน้าญัตติซักฟอก ชี้ไม่ต้องนำกลับมาแก้ไขแล้ว ที่ประชุม 3 ฝ่ายเคาะวันอภิปราย 24-26 ก.พ. ลงมติ 27ก.พ. "สามมิตร"นัด 40 ส.ส.กินข้าว "สมคิด - อุตตม" ร่วมแจม ยันรวมตัวรับศึกซักฟอก ไม่ได้ต่อรองเก้าอี้ หากมีการปรับครม. "อนุทิน" ลั่นภูมิใจไทย พร้อมโหวตหนุนรัฐบาล หาก"บิ๊กตู่-5รมต." เคลียร์ได้ทุกประเด็น
วานนี้ ( 5 ก.พ.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ กกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลฯพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว เห็นว่าตามคำร้องของกกต. และคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดี พอวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้พยานบุคคลรวม 17 ปาก ตามที่พรรคอนาคตใหม่ผู้ร้อง ยื่นบัญชีระบุพยานมานั้น จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 12 ก.พ. และให้เลขาธิการ กกต. ในฐานะผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสารต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 ก.พ. เช่นกัน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 27 วรรคสาม และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. เวลา 15.00 น.
ชี้ขาดงบฯ63โมฆะหรือไม่ 7 ก.พ.
ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปราย และนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของส.ส. ขอให้ศาลฯวินิจฉัย ตามรธน.มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่แล้ว และเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอให้วินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งนัดแถลงด้วยวาจา ก่อนปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.
อภิปรายฯ24-26ก.พ.ลงมติ27ก.พ.
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีวิปรัฐบาลเสนอให้ทบทวนญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากฝ่ายค้านเขียนญัตติด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า เป็นเรื่องที่ยังไม่ทราบได้ว่าข้อความอันเป็นเท็จ จริงหรือไม่ แต่เมื่อบรรจุในระเบียบวาระแล้ว ไม่สามารถนำกลับมาแก้ไขได้
ส่วนการกำหนดกรอบเวลาในการอภิปรายนั้น หลังการประชุมร่วมกันระหว่าง วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และ ตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี
แล้ว นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไร แม้เรื่องเปลี่ยนถ้อยคำ ที่นายสมพงษ์ บอกจะปรับให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการประท้วง ทั้งนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องวัน จะมีการหารือกันอีกครั้ง โดยอาจเตรียมวันเพิ่มอีก 1 วัน จากเดิม 25-27 ก.พ. เช่น เริ่มอภิปราย 24 ก.พ. แต่หากเสร็จใน 3 วันได้ ก็จะดี ซึ่งสัดส่วนเวลาเหมาะสมแล้ว คาดบ่ายจะได้ข้อสรุป
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากตัวแทนฝ่ายครม.ว่า ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 13.30 น. จนถึงวันที่ 26 ก.พ. และลงมติกันในวันที่ 27 ก.พ. อย่างไรก็ตาม หากการอภิปรายไม่จบภายใน 3 วัน จะขยายเวลาให้อภิปรายถึงวันที่ 27 ก.พ. และไปลงมติวันที่ 28 ก.พ.
"สามมิตร"นัด 40 ส.ส.กินข้าว
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (5ก.พ.) แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และรมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค พร้อม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กว่า 40 คน ได้นัดพบปะพูดคุยหารือกัน ที่โรงแรมสุโกศล ซึ่งการพบปะกันครั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย เพื่อหารือวางแผนเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายสุริยะ กล่าวว่าได้นัด ส.ส.กลุ่มสามมิตร ประมาณ 40 คน มาช่วยเก็งข้อสอบ ระดมความคิด เตรียมข้อมูลเพื่อช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและผู้ถูกอภิปราย เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว
ส่วนที่มีความกังวลในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ในการโหวตสนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรีของพรรคนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องชมเชยพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศออกมาแล้วว่า จะช่วยเต็มที่ ถ้าหากมีการอภิปรายนอกประเด็น
นายสุริยะ ยืนยันว่า การมารวมตัวของกลุ่มสามมิตรครั้งนี้ ไม่มีความแตกแยกในพรรค ไม่เกี่ยวกับการแสดงพลังในการปรับครม. หลังการอภิปราย พร้อมย้ำว่า ส.ส.ทุกคนในพรรค โหวตสนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรี ทุกคน และเมื่อการโหวตผ่านไปกลุ่มสามมิตรก็จะสลายตัว
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า การอภิปรายฯ ครั้งนี้ มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการอภิปรายตัวนายกฯ ที่ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างส่วนตัวก็มี เรื่องนักโทษล้นคุก ยาเสพติด ซึ่งเป็นการหาข้อมูล ซักซ้อมว่า จะช่วยกันอย่างไร เพราะหากนายกฯ พลาดพลั้งก็จะล้มเหลวไปทั้งหมด จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ และสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องทำการบ้านมาพร้อมกัน เราเริ่มนำให้แต่ละพรรคได้เห็น พรรคอื่นจะได้ทำตามกัน
นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า การรวมตัวครั้งนี้ ไม่ใช่การแสดงพลัง เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หลังอภิปรายฯ ซึ่งส่วนตัวอยู่กระทรวงยุติธรรม ไม่ต่อรองอะไรอยู่แล้ว
นายอุตตม สาวนายน กล่าวว่า นำส.ส.ของพรรค มาทานข้าวกัน มาให้กำลังใจกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ ส.ส.กลุ่มสามมิตร เพราะทุกกลุ่ม ทุกคนก็ มีการให้กำลังใจกัน เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว "พรรคพลังประชารัฐคือหนึ่งเดียว"
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า การมาร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำ และส.ส.พรรค ครั้งนี้ ไม่มีนัยยะอะไร เป็นเพียงทางกลุ่ม ส.ส. มาประชุมหารือกันว่าจะดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร ส่วนตัวมาเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น คนทำงานจะได้มีกำลังใจ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่องการอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า นายกฯตอบได้ทุกคำถามอยู่แล้ว เมื่อนายกฯตอบแล้ว หน่วยงานใด กระทรวงใดที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถช่วยนายกฯชี้แจงเพิ่มเติมได้
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการพบกันครั้งนี้เป็นเพราะบางคนไม่มั่นใจ ว่าจะหลุดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ หลังการอภิปราย นายสมคิด ตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่มีหรอก อย่าช่างสังเกตนักสิ"
"อนุทิน"ลั่นภท.พร้อมโหวตหนุนรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า โดยมารยาทของการร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย ยึดมั่น และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ทุกคนทำงานหนัก และทุ่มเท เสียสละ เราต้องให้การสนับสนุน เราพร้อมยกมือให้ แต่ทุกคนต้องรอฟังการชี้แจงในการอภิปรายญัตติดังกล่าวก่อน เพราะนี่เป็นกติกา ไม่ใช่จะบอกยกมือให้โดยที่ไม่ฟังอะไรก่อนเลย เพราะเราต้องตอบสังคมให้ได้ ไม่ใช่พวกมากลากไป แต่เราก็เชื่อว่าเมื่อได้เข้ามาร่วมทำงานกับรัฐบาลที่มีความตั้งใจแก้ปัญหาให้ประชาชน
ดังนั้นหากไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ารัฐมนตรีแต่ละคนมีเจตนาไม่ดีต่อบ้านเมือง หรือมีการกระทำที่เป็นการทุจริต หรือทำร้ายบ้านเมือง เราก็สนับสนุนรัฐมนตรีเหล่านั้น แต่ถ้าฝ่ายค้านสามารถพิสูจน์ รัฐมนตรีเหล่านั้นว่า กระทำการมิชอบต่อบ้านเมือง แล้วตัวรัฐมนตรีเอง ไม่สามารถอธิบายได้ เราก็ไม่สนับสนุนรัฐมนตรีเหล่านั้น
"ผมหมายความว่า ไม่ต้องกังวลว่าถ้ารัฐมนตรีคนนั้นชี้แจงได้ แล้วภูมิใจไทยจะไปต่อรอง หรืองอแง ให้ครึ่งหนึ่งยกให้ อีกครึ่งหนึ่งไม่ยกให้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจงให้ได้ ทุกอย่างก็จบ ซึ่งผมมั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคน สามารถชี้แจงได้"
เมื่อถามว่าหลังการอภิปรายฯ แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลหรือไม่ ตามที่มีกระแสคาดการณ์ นายอนุทิน กล่าวว่า "ต้องไปถามหัวหน้ารัฐบาล ไม่เกี่ยวกับผม"
วานนี้ ( 5 ก.พ.) ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ กกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลฯพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่ง ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว เห็นว่าตามคำร้องของกกต. และคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดี พอวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนพยานบุคคล แต่เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ให้พยานบุคคลรวม 17 ปาก ตามที่พรรคอนาคตใหม่ผู้ร้อง ยื่นบัญชีระบุพยานมานั้น จัดทำบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง หรือความเห็นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 12 ก.พ. และให้เลขาธิการ กกต. ในฐานะผู้เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือและส่งเอกสารต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 12 ก.พ. เช่นกัน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 27 วรรคสาม และนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. เวลา 15.00 น.
ชี้ขาดงบฯ63โมฆะหรือไม่ 7 ก.พ.
ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปราย และนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของส.ส. ขอให้ศาลฯวินิจฉัย ตามรธน.มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือไม่แล้ว และเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอให้วินิจฉัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย พร้อมทั้งนัดแถลงด้วยวาจา ก่อนปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.พ.นี้ เวลา 13.30 น.
อภิปรายฯ24-26ก.พ.ลงมติ27ก.พ.
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีวิปรัฐบาลเสนอให้ทบทวนญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากฝ่ายค้านเขียนญัตติด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่า เป็นเรื่องที่ยังไม่ทราบได้ว่าข้อความอันเป็นเท็จ จริงหรือไม่ แต่เมื่อบรรจุในระเบียบวาระแล้ว ไม่สามารถนำกลับมาแก้ไขได้
ส่วนการกำหนดกรอบเวลาในการอภิปรายนั้น หลังการประชุมร่วมกันระหว่าง วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และ ตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี
แล้ว นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไร แม้เรื่องเปลี่ยนถ้อยคำ ที่นายสมพงษ์ บอกจะปรับให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการประท้วง ทั้งนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องวัน จะมีการหารือกันอีกครั้ง โดยอาจเตรียมวันเพิ่มอีก 1 วัน จากเดิม 25-27 ก.พ. เช่น เริ่มอภิปราย 24 ก.พ. แต่หากเสร็จใน 3 วันได้ ก็จะดี ซึ่งสัดส่วนเวลาเหมาะสมแล้ว คาดบ่ายจะได้ข้อสรุป
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากตัวแทนฝ่ายครม.ว่า ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 13.30 น. จนถึงวันที่ 26 ก.พ. และลงมติกันในวันที่ 27 ก.พ. อย่างไรก็ตาม หากการอภิปรายไม่จบภายใน 3 วัน จะขยายเวลาให้อภิปรายถึงวันที่ 27 ก.พ. และไปลงมติวันที่ 28 ก.พ.
"สามมิตร"นัด 40 ส.ส.กินข้าว
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (5ก.พ.) แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และรมว.คลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รองหัวหน้าพรรค พร้อม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กว่า 40 คน ได้นัดพบปะพูดคุยหารือกัน ที่โรงแรมสุโกศล ซึ่งการพบปะกันครั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย เพื่อหารือวางแผนเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายสุริยะ กล่าวว่าได้นัด ส.ส.กลุ่มสามมิตร ประมาณ 40 คน มาช่วยเก็งข้อสอบ ระดมความคิด เตรียมข้อมูลเพื่อช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและผู้ถูกอภิปราย เพราะมีประสบการณ์มาแล้ว
ส่วนที่มีความกังวลในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล ในการโหวตสนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรีของพรรคนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องชมเชยพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศออกมาแล้วว่า จะช่วยเต็มที่ ถ้าหากมีการอภิปรายนอกประเด็น
นายสุริยะ ยืนยันว่า การมารวมตัวของกลุ่มสามมิตรครั้งนี้ ไม่มีความแตกแยกในพรรค ไม่เกี่ยวกับการแสดงพลังในการปรับครม. หลังการอภิปราย พร้อมย้ำว่า ส.ส.ทุกคนในพรรค โหวตสนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรี ทุกคน และเมื่อการโหวตผ่านไปกลุ่มสามมิตรก็จะสลายตัว
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า การอภิปรายฯ ครั้งนี้ มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการอภิปรายตัวนายกฯ ที่ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างส่วนตัวก็มี เรื่องนักโทษล้นคุก ยาเสพติด ซึ่งเป็นการหาข้อมูล ซักซ้อมว่า จะช่วยกันอย่างไร เพราะหากนายกฯ พลาดพลั้งก็จะล้มเหลวไปทั้งหมด จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ และสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องทำการบ้านมาพร้อมกัน เราเริ่มนำให้แต่ละพรรคได้เห็น พรรคอื่นจะได้ทำตามกัน
นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า การรวมตัวครั้งนี้ ไม่ใช่การแสดงพลัง เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี หลังอภิปรายฯ ซึ่งส่วนตัวอยู่กระทรวงยุติธรรม ไม่ต่อรองอะไรอยู่แล้ว
นายอุตตม สาวนายน กล่าวว่า นำส.ส.ของพรรค มาทานข้าวกัน มาให้กำลังใจกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ ส.ส.กลุ่มสามมิตร เพราะทุกกลุ่ม ทุกคนก็ มีการให้กำลังใจกัน เดินมาถึงขั้นนี้แล้ว "พรรคพลังประชารัฐคือหนึ่งเดียว"
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า การมาร่วมรับประทานอาหารกับแกนนำ และส.ส.พรรค ครั้งนี้ ไม่มีนัยยะอะไร เป็นเพียงทางกลุ่ม ส.ส. มาประชุมหารือกันว่าจะดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร ส่วนตัวมาเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น คนทำงานจะได้มีกำลังใจ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเรื่องการอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า นายกฯตอบได้ทุกคำถามอยู่แล้ว เมื่อนายกฯตอบแล้ว หน่วยงานใด กระทรวงใดที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถช่วยนายกฯชี้แจงเพิ่มเติมได้
เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตว่าการพบกันครั้งนี้เป็นเพราะบางคนไม่มั่นใจ ว่าจะหลุดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ หลังการอภิปราย นายสมคิด ตอบด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่มีหรอก อย่าช่างสังเกตนักสิ"
"อนุทิน"ลั่นภท.พร้อมโหวตหนุนรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า โดยมารยาทของการร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย ยึดมั่น และเชื่อว่านายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 5 คน ทุกคนทำงานหนัก และทุ่มเท เสียสละ เราต้องให้การสนับสนุน เราพร้อมยกมือให้ แต่ทุกคนต้องรอฟังการชี้แจงในการอภิปรายญัตติดังกล่าวก่อน เพราะนี่เป็นกติกา ไม่ใช่จะบอกยกมือให้โดยที่ไม่ฟังอะไรก่อนเลย เพราะเราต้องตอบสังคมให้ได้ ไม่ใช่พวกมากลากไป แต่เราก็เชื่อว่าเมื่อได้เข้ามาร่วมทำงานกับรัฐบาลที่มีความตั้งใจแก้ปัญหาให้ประชาชน
ดังนั้นหากไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่ารัฐมนตรีแต่ละคนมีเจตนาไม่ดีต่อบ้านเมือง หรือมีการกระทำที่เป็นการทุจริต หรือทำร้ายบ้านเมือง เราก็สนับสนุนรัฐมนตรีเหล่านั้น แต่ถ้าฝ่ายค้านสามารถพิสูจน์ รัฐมนตรีเหล่านั้นว่า กระทำการมิชอบต่อบ้านเมือง แล้วตัวรัฐมนตรีเอง ไม่สามารถอธิบายได้ เราก็ไม่สนับสนุนรัฐมนตรีเหล่านั้น
"ผมหมายความว่า ไม่ต้องกังวลว่าถ้ารัฐมนตรีคนนั้นชี้แจงได้ แล้วภูมิใจไทยจะไปต่อรอง หรืองอแง ให้ครึ่งหนึ่งยกให้ อีกครึ่งหนึ่งไม่ยกให้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้รัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจงให้ได้ ทุกอย่างก็จบ ซึ่งผมมั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกคน สามารถชี้แจงได้"
เมื่อถามว่าหลังการอภิปรายฯ แล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลหรือไม่ ตามที่มีกระแสคาดการณ์ นายอนุทิน กล่าวว่า "ต้องไปถามหัวหน้ารัฐบาล ไม่เกี่ยวกับผม"