ผู้จัดการรายวัน360 - "สนธิรัตน์" ยืนยันการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกองทุนอนุรักษ์ฯ ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่มีชงเองกินเอง แต่ตรงกันข้ามตั้งมาเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว การเปิดให้ยื่นของบปี'63หมื่นล้านบา จะให้รายงานโครงการผ่านเว็บไซต์เพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีกรรมการบางคนใกล้ชิดตนและเข้าข่ายชงเองกินเองว่า ขอยืนยันว่าไม่มีการชงเองกินเองแต่อย่างใดแต่ตรงกันข้ามการดำเนินงานทั้งหมดเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวโดยการทำงานจะเปิดเผยข้อมูลทุกโครงการที่ยื่นเสนอของบกองทุนอนุรักษ์ฯปี 2563 วงเงิน 10,000 ล้านบาทที่จะเปิดให้ยื่นภายในก.พ.นี้และโครงการที่อนุมัติผ่านเว็บไซต์เพื่อให้ตรวจสอบได้ตามนโยบายของตนที่มุ่งปฏิรูปกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นองค์กรที่เข้มแข็งและสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“ผมได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุดโดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการก็เป็นหนึ่งใน 4 ชุดที่ถูกยกเลิกไปไม่มีแต่ผมก็ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาโครงการให้รอบคอบ และหลังอนุมัติโครงการก็จะมีคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลซึ่งทั้ง 2 ชุดถือเป็นกลไกในการดูแลความโปร่งใสโดยจะเปิดยื่นเสนอโครงการฯภายในเดือน ก.พ.นี้ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณอนุมัติโครงการได้ ซึ่งจะไม่จำกัดวงเงินสนับสนุนในแต่ละโครงการ แต่จะยึดประโยชน์โครงการเป็นที่ตั้ง”นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับองค์ประกอบของกรรมการในอนุกรรมการกลั่นกรองฯนั้นจะมีองค์ประกอบที่มาจากหน่วยงานต่างๆเพื่อให้เกิดความหลากหลายและครอบคลุมการพิจารณาโครงการ เช่น สำนักงานสุขภาพแห่งชาติเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพราะมีความเชี่ยวชาญและความคุ้นเคยกับชุมชนเป็นอย่างดีและถือเป็นกรรมการในฝ่ายตัวแทนภาคประชาชน ส่วนการตั้งคนใกล้ชิดทางการเมืองเข้าไปเป็นประธานคณะอนุกลั่นกรองก็ยืนยันว่าการพิจารณาจะไม่มีอำนาจชี้ขาดเพราะที่สุดการพิจารณาขั้นสุดท้ายจะอยู่ที่คณะกรรมการบริหารกองทุนอนุรักษ์(บอร์ดใหญ่)ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ส่วนกรณีนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนั้น นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและต้องการเห็นผลสำเร็จร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ากับชุมชน คาดว่ารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดว่าจะมีคำขอเกินเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานวางไว้ ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินงานร่วมกันกับชุนชน ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าวจะลงโทษสถานหนัก
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีกรรมการบางคนใกล้ชิดตนและเข้าข่ายชงเองกินเองว่า ขอยืนยันว่าไม่มีการชงเองกินเองแต่อย่างใดแต่ตรงกันข้ามการดำเนินงานทั้งหมดเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวโดยการทำงานจะเปิดเผยข้อมูลทุกโครงการที่ยื่นเสนอของบกองทุนอนุรักษ์ฯปี 2563 วงเงิน 10,000 ล้านบาทที่จะเปิดให้ยื่นภายในก.พ.นี้และโครงการที่อนุมัติผ่านเว็บไซต์เพื่อให้ตรวจสอบได้ตามนโยบายของตนที่มุ่งปฏิรูปกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นองค์กรที่เข้มแข็งและสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
“ผมได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 4 ชุดโดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการก็เป็นหนึ่งใน 4 ชุดที่ถูกยกเลิกไปไม่มีแต่ผมก็ตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาโครงการให้รอบคอบ และหลังอนุมัติโครงการก็จะมีคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลซึ่งทั้ง 2 ชุดถือเป็นกลไกในการดูแลความโปร่งใสโดยจะเปิดยื่นเสนอโครงการฯภายในเดือน ก.พ.นี้ คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือนในการพิจารณอนุมัติโครงการได้ ซึ่งจะไม่จำกัดวงเงินสนับสนุนในแต่ละโครงการ แต่จะยึดประโยชน์โครงการเป็นที่ตั้ง”นายสนธิรัตน์กล่าว
สำหรับองค์ประกอบของกรรมการในอนุกรรมการกลั่นกรองฯนั้นจะมีองค์ประกอบที่มาจากหน่วยงานต่างๆเพื่อให้เกิดความหลากหลายและครอบคลุมการพิจารณาโครงการ เช่น สำนักงานสุขภาพแห่งชาติเข้ามาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพราะมีความเชี่ยวชาญและความคุ้นเคยกับชุมชนเป็นอย่างดีและถือเป็นกรรมการในฝ่ายตัวแทนภาคประชาชน ส่วนการตั้งคนใกล้ชิดทางการเมืองเข้าไปเป็นประธานคณะอนุกลั่นกรองก็ยืนยันว่าการพิจารณาจะไม่มีอำนาจชี้ขาดเพราะที่สุดการพิจารณาขั้นสุดท้ายจะอยู่ที่คณะกรรมการบริหารกองทุนอนุรักษ์(บอร์ดใหญ่)ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ส่วนกรณีนโยบายส่งเสริมโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากนั้น นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและต้องการเห็นผลสำเร็จร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ากับชุมชน คาดว่ารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดว่าจะมีคำขอเกินเป้าหมายที่กระทรวงพลังงานวางไว้ ทั้งนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินงานร่วมกันกับชุนชน ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าวจะลงโทษสถานหนัก