ผู้จัดการรายวัน360-"ในหลวง-ราชินี" พระราชทานอุปกรณ์ป้องกันช่วยชาวอู่ฮั่นจากไวรัสโคโรนา "อนุทิน"ส่งทีมแพทย์รับ 144 คนไทย เผยเตรียมสถานที่กักตัวไว้แล้ว แต่ขอไม่เปิดเผย เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งคนที่กลับและประชาชนในประเทศ ยันคุมอยู่ ไม่มีระบาดแน่นอน กรมการแพทย์โต้ดรามา ยันไม่ได้ลอกสูตรยาจีน "จุรินทร์"ถก กกร. เพิ่ม "หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ" เป็นสินค้าควบคุม ชง ครม.ไฟเขียว 4 ก.พ.นี้ ก่อนออกมาตรการคุมเข้ม ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อทะลุ 17,205 ราย เสียชีวิต 361 ราย เฝ้าติดตาม 1.89 แสนคน จีนจวกสหรัฐฯ เป็นชาติแรกที่ถอนนักการทูต-แบนผู้เดินทางจากจีน ไม่ช่วย แถมกระพือความหวาดกลัว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า การเดินทางไปรับคนไทยจำนวน 160 คน กลับจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันนี้ (4 ก.พ.) ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชอุปกรณ์ป้องกันตนองสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน เช่น เครื่องเวชภัณฑ์ หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง เสื้อกาวน์กันน้ำ เพื่อนำไปมอบให้พี่น้องประชาชนจีนที่อาศัยอยู่ในเมืองอู่ฮั่น ที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นในการดำรงชีพและใช้ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยทางสำนักพระราชวังได้ประสานมากับทีมงาน เพื่อนำไปพร้อมกับคณะทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่แล้ว
ส่วนการเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนย้ายคนไทยที่อู่ฮั่น ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน โดยจะส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลสุขภาพจิตขึ้นไปประจำบนเครื่องบิน เพื่อดูแลคนไทย และก่อนที่จะได้ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ จะต้องผ่านการตรวจโรคจากทางการจีนก่อน ถือเป็นด่านสกัดโรคด่านแรก และเมื่อมาถึงไทย ต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคอีก 14 วัน โดยได้เตรียมสถานที่เอาไว้ 2-3 ที่ แต่ส่วนจะใช้ที่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แต่จะเป็นสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ไม่เครียด เพราะคนเหล่านี้อยู่ในสภาพที่กดดันมาเกือบ 1 เดือน ส่วนจะเป็นพื้นทีไหน คงไม่เปิดเผยเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของทุกฝ่าย เพราะเราต้องคำนึงถึงความรู้สึกพี่น้องประชาชน ความสะดวกสบายคนไทยที่จะกลับมาแล้วถูกควบคุมโรคด้วย
"เจ้าหน้าที่จะไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น ทั้งหมด 144 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทางการจีนรายงานมาล่าสุด และขอยืนยันว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมาจากคนไทยที่กลับประเทศมาอย่างแน่นอน สำหรับญาติพี่น้องที่ต้องการจะเข้าเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารพูดคุยกันได้"นายอนุทินกล่าว
"บิ๊กตู่"ประชุมสรุปสถานการณ์ไวรัส
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลการดำเนินงานแต่ละด้านในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และหารือถึงรายละเอียดของแผนงานที่ชัดเจนสำหรับการดูแลคนไทยที่จะเดินทางมาโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในวันที่ 4 ก.พ. รวมถึงประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อสอบถามสถานการณ์ และการดำเนินงานของแต่ละจังหวัด
จากนั้น นายกฯ ได้แถลงว่า รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ เตรียมการพร้อมรับคนกลับมาอย่างเต็มที่ และพร้อมดูแลช่วงระยะฟักตัว 14 วัน โดยสิ่งที่อันตรายกว่าโรคนี้ ก็คือ โรคตื่นตระหนก
กรมการแพทย์ยันไม่ได้ลอกสูตรยาจีน
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสตำหนิว่าการรักษาของไทยไม่ใช่ของใหม่ ยืนยันว่าเป็นความบังเอิญของความคิดของแพทย์ไทยและจีนตรงกัน แต่ประยุกต์ใช้กันคนละสูตร โดยจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ ริโทนาเวียร์ รวมกับโลพินาเวียร์วันละ 2 เม็ด 2 เวลา ส่วนโอเซลทามิเวียร์ วันละ 2 เม็ด 2 เวลา ซึ่งสรรพคุณยาต้านเอดส์ช่วยยับยั้งการกระจายตัวของเชื้อ ส่วนยาต้านหวัดช่วยยับยั้งเชื้อที่เข้าไปในเซลล์ โดยโรงพยาบาลราชวิถีเริ่มจ่ายยาต้านไวรัสนี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา และทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับยาอาการดีขึ้น
ขึ้นบัญชีคุม"หน้ากากอนามัย-เจลล้างมือ"
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2563 ว่า ได้มีการพิจารณากำหนดสินค้าควบคุม พ.ศ.2562 เพิ่มเติม คือ 1.หน้ากากอนามัย 2.เส้นใยโพลีโพรพิลีน (สปันบอนด์) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย และ 3.ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 การกำหนดมาตรการบริหารจัดการสินค้าควบคุมพ.ศ.2562 (เพิ่มเติม) เพื่อแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดแคลน และมีปัญหาทางด้านราคา โดยมั่นใจว่าหลังจากเป็นสินค้าควบคุมแล้ว จะทำให้สามารถบริหารจัดการได้ และทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบในวันนี้ (4 ก.พ.) และถ้าที่ประชุม ครม. ให้ความเห็นชอบ ก็จะทำให้สินค้าควบคุมตามกฏหมายเพิ่มขึ้นจาก 52 รายการที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็น 54 รายการ และจากนั้นจะสามารถดำเนินการมาตรการต่างๆ ตามมาได้ โดยจะสามารถควบคุมทั้งในเรื่องของปริมาณและในเรื่องของราคา เช่น กรมการค้าภายในสามารถที่จะกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย ผู้นำเข้า และผู้ส่งออกต้องแจ้งข้อมูลในเรื่องของต้นทุนราคาซื้อราคาขาย ปริมาณการผลิต ปริมาณการนำเข้า ปริมาณการส่งออก หรือว่าสต๊อกได้ในทันที และสามารถกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่าย กระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ หรือในพื้นที่ที่ขาดแคลนตามกฏหมายได้ รวมทั้งสามารถที่จะกำหนดให้มีการปิดราคาขายปลีก เป็นต้น
ส่วนในด้านการส่งออก กำหนดให้ต้องขออนุญาตในปริมาณที่กำหนดได้ เบื้องต้นจะจำกัดหากนำออกไปนอกราชอาณาจักรเกินกว่า 500 ชิ้นขึ้นไป จะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน เพื่อให้ปริมาณหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือมีปริมาณใช้อย่างเพียงพอในประเทศ
อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ จะออกตามมาหลังจากที่ ครม. ให้ความเห็นชอบเป็นสินค้าควบคุมแล้ว และจะเป็นมาตรการระยะสั้น จะใช้เท่าที่จำเป็น และเมื่อผลสภาวะไม่ปกติไปแล้ว ก็จะยกเลิกโดยเร็ว
ยอดติดเชื้อพุ่ง 17,205 ราย ตาย 361 ราย
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ที่ได้รับการยืนยันในจีน รวมอยู่ที่ 17,205 ราย และจำนวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 361 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวัน 2 ก.พ.2563 โดยมีผู้ป่วยอาการหนัก 2,296 ราย ผู้ป่วยต้องสงสัย 21,558 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีและออกจากโรงพยาบาลได้รวมอยู่ที่ 475 ราย และยังมีการเฝ้าติดตามผู้มีประวัติติดต่อใกล้ชิดผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันผล 189,583 ราย โดยมี 10,055 ราย ได้รับการปล่อยตัวจากการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ และ 152,700 ราย ยังคงอยู่ระหว่างการสังเกตอาการ
จีนจวกสหรัฐฯ กระพือความหวาดกลัว
หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ตัดสินใจถอนนักการทูตบางส่วนออกจากจีน และเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการแบนผู้เดินทางชาวจีน แต่กลับไม่เคยมอบความช่วยเหลืออย่างจริงจัง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่สหรัฐฯ ทำ มีแต่สร้างและเผยแพร่ความกลัว ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี และยังชี้ให้เห็นอีกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันโรคระบาดอย่างเต็มที่ กลับกลายเป็นผู้นำในการออกข้อจำกัดต่างๆ ที่เกินกว่าคำแนะนำของ WHO