เอเจนซีส์ - กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงประณามสหรัฐฯ “เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี” หลังสั่งถอนนักการทูตและแบนผู้เดินทางจากจีนเป็นชาติแรกในโลก ซึ่งถือเป็นการกระพือความตื่นกลัวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แทนที่จะมอบความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม
หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุวันนี้ (3 ก.พ.) ว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ตัดสินใจถอนนักการทูตบางส่วนออกจากจีน และเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตรการแบนผู้เดินทางชาวจีน แต่กลับไม่เคยมอบความช่วยเหลืออย่างจริงจัง
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่สหรัฐฯ ทำมีแต่สร้างและเผยแพร่ความกลัว ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี” หัว แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมชี้ว่า “ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันโรคระบาดอย่างเต็มที่ กลับกลายเป็นผู้นำในการออกข้อจำกัดต่างๆ ที่เกินกว่าคำแนะนำของ WHO”
เธอย้ำว่ารัฐบาลปักกิ่งคาดหวังให้ทุกประเทศใช้มาตรการตอบสนองวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้อย่างมีเหตุมีผล โดยอิงกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป
สหรัฐฯ เริ่มอพยพชาวอเมริกันออกจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ยซึ่งเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ไวรัสเริ่มแพร่กระจายเป็นที่แรก ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก” และในวันเดียวกันนั้นกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกคำเตือนชาวอเมริกันให้งดเดินทางไปจีน
ต่อมาในวันศุกร์ (31) สหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขแห่งชาติ และห้ามชาวต่างชาติที่เคยไปเยือนจีนในช่วง 14 วันก่อนหน้าเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่ชาวอเมริกันซึ่งกลับจากมณฑลหูเป่ยก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน