เอเอฟพี - สหรัฐฯ ในวันศุกร์ (31 ม.ค.) ดำเนินการแบบที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก ด้วยการออกคำสั่งกักกันโรคเป็นเวลา 14 วัน สำหรับพลเมืองอเมริกา 195 คนที่ได้รับการอพยพออกมาจากเมืองอู่ฮั่น ในประเทศจีน อันเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคร่าชีวิตไปแล้วกว่า 200 คน
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำสั่งลักษณะดังกล่าว และช่วงเวลา 2 สัปดาห์จะเริ่มนับตั้งแต่คนเหล่านั้นเดินทางจากอู่ฮั่น จากการเปิดเผยของแนนซี เมสซอนเนียร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของซีดีซี
“คำสั่งทางกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งในการตอบสนองเชิงรุกด้านสาธารณสุข เป้าหมายคือป้องกันชุมชนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอกล่าว
เครื่องบินบรรทุกพลเมืองสหรัฐฯ กลับจากอู่ฮั่น ลงจอดที่ฐานทัพอากาศมาร์ช ในริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) และเบื้องต้นเจ้าหน้าที่บอกว่าจะขอให้พลเมืองเหล่านั้นสมัครใจกักกันตนเองเป็นเวลา 3 วัน
พลเมืองที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่น ได้ส่งมอบตัวอย่างสำหรับการตรวจสอบแก่สำนักงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ในแอตแลนตา และแม้ผลทั้งหมดยังไม่ออกมา แต่ในกรณีที่ผลตรวจหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ออกมาเป็นลบ ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านี้จะหลุดพ้นจากอันตรายโดยสิ้นเชิง เมสซอนเนียร์กล่าว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากมีบุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการสมัครใจกักกันโรคในรัฐแคลิฟอร์เนีย พยายามออกจากฐานทัพ แต่เจ้าหน้าที่ซีดีซีอีกคนบอกว่ามันไม่ได้เป็นแจงจูงใจให้ออกมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด
ซีดีซีบอกว่าคำสั่งนี้ก็เพื่อสังเกตคนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการป่วยใดๆ ออกมา “ครั้งสุดท้ายที่คำสั่งกักกันถูกใช้ก็คือเพื่อประเมินเคสต้องสงสัยป่วยเป็นโรคไข้ทรพิษในช่วงยุค 1960” เขากล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พวกเขาพบเคสการติดเชื้อจากคนสู่คนเป็นรายแรกในแผ่นดินอเมริกา โดยเป็นชายคนหนึ่งซึ่งติดเชื้อไข้จากภรรยาที่ล้มป่วยไปก่อนหน้านี้
เคสผู้ติดเชื้อรายนี้ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 6 คน ขณะที่จนถึงวันศุกร์ (31 ม.ค.) ทางการจีนยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตในประเทศแล้ว 213 ราย ในขณะที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว