xs
xsm
sm
md
lg

วาระภัยพิบัติซ้ำเติมทุกข์เข็ญ

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



โรคระบาดโคโรนาไวรัสกำลังออกฤทธิ์ออกเดชเต็มที่ แรงยังไม่ตก ตัวเลขของผู้ติดเชื้อ เสียชีวิต และประเทศที่มีคนป่วยยังเพิ่มเร็วยิ่งกว่ามิเตอร์แท็กซี่ จะถึงจุดอิ่มตัวเมื่อไหร่ ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ เมื่อมีปัญหาหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเร่งมือแก้ไขเต็มที่

เมืองไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ได้รับการรักษาหาย กลับไปอยู่บ้านก็มี และที่สำคัญ ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทย หรือในประเทศอื่นๆ เป็นเพราะการตั้งรับมือกับการระบาด และผู้ป่วยเข้าถึงมือหมอทันเวลา

อัตราการเสียชีวิตเทียบกับผู้ติดเชื้อยังต่ำ ยิ่งในประเทศจีนซึ่งมีพลเมืองกว่า 1.3 พันล้านคน การเสียชีวิตในระดับ 2-3 ร้อยคนถือว่ายังไม่น่าวิตกมากนัก คนตายด้วยไข้หวัดใหญ่ในจีนแต่ละปียังมีมากกว่านี้ เพียงแต่ไม่มีการประโคมข่าวใหญ่โต

ไข้หวัดใหญ่ระบาดทุกปี มีวัคซีนป้องกัน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อน ผู้ป่วยไม่ถึงกับเสียชีวิต ซึ่งต่างจากโคโรนาไวรัส ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ ในยุคโซเชียลมีเดียข่าวไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง คนรับรู้ข้อมูลทั้งจริงและเท็จ ทำให้ดูน่ากลัวเกินจริงหรือไม่

แต่ก็น่ากลัว เพราะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ยิ่งการระบาดยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพกายและจิต สร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัว ไปทุกวงการ ความเสียหายยากที่จะประเมิน

ความคิดด้านมองโลกในแง่ดี มองโลกสวยด้วยตาเราเอง น่าจะต้องหยุด!

หรือเมืองไทยจะเผชิญทุกข์เข็ญหนักหนาสาหัส ฝุ่นพิษร้ายแรง ภัยแล้งเรื้อรัง ขาดแคลนน้ำยืดเยื้อ การเกษตรไม่ได้ผล ไม่มีผลิตผลให้เก็บเกี่ยว คนในภาคเกษตรไม่มีรายได้สำหรับใช้หนี้ และจับจ่ายใช้สอยยังชีพ ถ้าฝนแล้งข้ามฤดู นั่นคือหายนะ

ไม่มีสินค้าขายแลกเงิน ก็ไม่มีรายได้ หางานทำในสภาวะเศรษฐกิจตายซากถูกซ้ำเติมด้วยการระบาดของโคโรนาไวรัส อำนาจการซื้อของคนในภาคเกษตรแทบไม่เหลือ ธุรกิจโรงสี การขนส่ง กระบวนการเกี่ยวโยงกับการส่งออกซบเซาตามไปด้วย

การส่งออกสินค้าอื่นๆ ถูกกระทบโดยค่าเงินบาทแข็งอย่างไรเหตุผล ไม่มีความพยายามแก้ไขอย่างจริงจังโดยผู้มีหน้าที่ มีอำนาจ หรือเกี่ยวข้อง เพราะอ้างว่ามีทั้งผลดีและผลร้าย อยู่ที่ว่าเป็นใคร ทำมาหากินในภาคธุรกิจอะไร มีโอกาสหรือไม่

เมื่อเกิดการระบาดของอู่ฮั่นไวรัส ทำให้ภาคการท่องเที่ยวซึ่งทำรายได้อันดับ 1 ตกวูบ นักท่องเที่ยวจากจีนและชาติอื่นๆ หายไปตามสภาพ ส่งผลร้ายต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งการบิน โรงแรม การขนส่ง งานเลี้ยง อาหารการกิน ศูนย์การค้า สารพัด

แม้แต่อาชีพไกด์ แม่ค้าในจุดท่องเที่ยว ก็ต้องรับสภาพความลำบาก รายได้จะหายโดยรวมเป็นเท่าไหร่ ยังต้องรอการประเมิน ผู้ที่ต้องห่วงกังวลคือสถาบันการเงิน เมื่อลูกหนี้มีปัญหาสภาพคล่อง ย่อมมีความเสี่ยงกับปัญหาใช้คืนหนี้ไม่ตรงตามเวลา

แน่นอน การท่องเที่ยวจะต้องอยู่ในสภาวะซบเซา อย่าว่าแต่ชาวต่างประเทศเลย แม้แต่คนในประเทศก็ไม่อยากไปไหนให้ต้องเสี่ยง การไปเดินห้างสรรพสินค้าก็ลดลง การซื้อขายสินค้าออนไลน์เป็นทางเลือกเพื่อประหยัดเวลา ค่าเดินทาง

แผนการลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้า ตามที่เป็นข่าวใหญ่ใน 2-3 ปีก่อนต้องชะลอตัวหรือยกเลิก เพราะดูแล้วไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เป็นผลของ disruption ในรูปแบบต่างๆ ทุกคนก็รู้ ปัญหาของเศรษฐกิจฐานรากตายซาก ทำให้รุนแรงแก้ยาก

นี่เป็นวาระของทุกข์ภัยพิบัติซ้ำเติมประเทศ ซึ่งรับผลของการทุจริต คอร์รัปชัน การทำลายสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารบ้านเมืองขาดความรู้ ความสามารถ มีปัญหาด้านจิตสำนึกในการทำงานเพื่อบ้านเมือง มุ่งหาช่องทางกอบโกยผลประโยชน์อย่างเต็มที่

ยิ่งนักการเมืองไม่ต้องพูดถึง เป็นกลุ่มมนุษย์เงินเดือนแพง แต่ละคนมากกว่า 1 แสนบาท ทำงานไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละสัปดาห์ พฤติกรรมน่ารังเกียจ ไม่คุ้มค่าเงินภาษี ข้าราชการบางส่วนก็เช่นกัน แสวงหาประโยชน์เผื่อว่าบ้านเมืองจะเกิดวิกฤต

ดังนั้น ปัญหาเศรษฐกิจซบเซาตายซากเรื้อรัง ถูกกระหน่ำซ้ำเติมด้วยภัยแล้ง ไฟป่า ฝุ่นพิษ ค่าเงินบาทแข็ง โรคระบาดอู่ฮั่นไวรัส แยกกันไม่ออก ทำให้เกิดปัญหาสังคม การว่างงาน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การปล้นชิงทรัพย์ต่างๆ

ผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมืองติดในกับดัก กรรมเก่าไล่คิดบัญชี มีงบประมาณก้อนใหญ่ผ่านสภารอให้เอามาใช้ในโครงการต่างๆ จัดซื้อจัดจ้าง ประชานิยมถมไม่เต็ม ทั้งยังจะกู้มาใช้อีกกว่าครึ่งล้านล้านบาท ดันไปเจอวิบากกรรมทำให้หยุดชะงัก

จะหาทางออกอย่างไร ยิ่งมีปัญหาด้านความรู้ความสามารถ ความน่าเชื่อถือ การทุจริตต่อเนื่อง ดังที่เป็นมาโดยตลอด ก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านรู้สึกวังเวง ไร้ที่พึ่ง

ที่สำคัญ ต้องระวังว่าการระบาดของโคโรนาไวรัสในระดับนานาชาติ จะทำให้เกิดวิกฤตด้านความเชื่อมั่น คนจะรู้สึกหวั่นไหว ไม่มั่นใจว่าจะไปต่ออย่างไร เมื่อการใช้ชีวิตไม่สะดวก อาจมีปัญหาเรื่องอาหารการกิน ถ้าการจัดการด้อยประสิทธิภาพ

ถ้าคนไม่ไว้ใจ เชื่อมั่น จะเกิดภาวะตระหนก แตกตื่น ในบ้านเรามีเชื้อร้ายของปัญหาการเมือง เศรษฐกิจที่พร้อมจะถูกขยายเป็นวิกฤตอยู่แล้ว ก็ยิ่งน่าห่วงมาก และวิกฤตที่จะเกิดขึ้น จะถูกซ้ำเติมโดยการเร่งกอบโกยความมั่งคั่ง คนอยากเอาตัวรอด

คณะผู้กุมอำนาจประเทศยังดูเหมือนไม่ตระหนักถึงปัญหาโดยรวมของประเทศว่าสาหัสเพียงใด บางกลุ่มยังเหมือนอยู่ในหอคอยงาช้าง ฝันหวานปัญหาต่างๆ จะมีหนทางคลี่คลายไปเอง เหมือนธรรมชาติจัดการปัญหาฝุ่นพิษด้วยลมพัด

แนวคิดเช่นนี้อาจใช้ได้กับบางเรื่อง บางสภาวะ แต่บุญเก่าย่อมมีวันหมด วันที่อาจเป็นเหมือนโลกาวินาศเมื่อวิกฤตต่างๆ ปะทุพร้อมกัน จะทำให้รู้ซึ้งว่านรกมีจริง!
กำลังโหลดความคิดเห็น