"อนุทิน" จัดทีมแพทย์ 8 คน ไปรับคนไทยกลับจากอู่ฮั่น 4 ก.พ.นี้ เตรียมชง "บิ๊กตู่" เคาะสถานที่เฝ้าระวังโรค 14 วัน เผยรพ.ราชวิถี รักษาผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสฯ ที่มีอาการรุนแรง ดีขึ้นใน 2 วัน เผยใช้สูตรยา 2 กลุ่ม "ต้านไวรัสเอดส์-ต้านไข้หวัดใหญ่" พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และคนไข้ชาวจีน ที่ สถาบันบำราศนราดูร ส่วนสถานการณ์ในจีน ยอดผู้ติดเชื้อ"ไวรัสโคโรนา พุ่ง 14,380 ราย ดับ 304 ราย แถมเกิดโรคไข้หวัดนก H5N1 ระบาดในมณฑลหูหนาน ที่อยู่ติดกับมณฑลหูเป่ย
วานนี้ (2ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าว ภายหลังประชุมผู้บริหาร สธ.นัดพิเศษ ว่าเป็นการประชุมเพื่อระดมสมองในการรับมือกับสถานการณ์โรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาให้รัดกุมขึ้น
ส่วนการไปรับตัวคนไทยจากเมืองอู่ฮั่นกลับมา ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ตอนนี้มีความพร้อมแล้ว โดยแบ่งการทำงานเป็นทีม ซึ่งทีมสธ. จะจัดเรื่องแพทย์ การรักษาตัว การควบคุมโรค โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานสถานทูต และสถานกงสุลในการรวมตัวคนไทยมายังสนามบิน และเดินทางกลับ ซึ่งทีมแพทย์ที่จัดส่งไปมี 8 ท่าน ประกอบด้วย แพทย์ทางด้านฉุกเฉิน แพทย์ทางระบาด จิตแพทย์ ตลอดจนพยาบาล และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการเดินทาง
เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วจะแยกตัวไว้และเฝ้าระวังโรคเป็นระยะเวลา 14 วัน ส่วนสถานที่เบื้องต้นเตรียมไว้ 3-4 แห่ง ซึ่งต้องหารือกับนายกฯ เพื่อหาข้อสรุปอีกครั้ง ส่วนเรื่องการไม่ห้ามคนจีนเดินทางเข้าประเทศไทยนั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าวันนี้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยน้อยมากแล้ว
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ไปทำรายการราคามาเพิ่มเติม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ที่จะต้องขายราคาต่ำกว่าทุน เนื่องจากอภ.เป็นรัฐวิสาหกิจ มีรัฐสนับสนุน ก็ต้องช่วยเหลือประชาชน
รพ.ราชวิถีรักษาผู้ป่วยอาการดีขึ้นใน 2 วัน
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาว่า ขณะนี้มีข่าวดี คือแพทย์จากรพ.ราชวิถี ได้มารายงานเรื่องของการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสฯ ที่มารักษาที่รพ.ราชวิถี แล้วพบวิธีการรักษาที่ได้ผลรวดเร็ว การฟื้นตัวของคนไข้รวดเร็ว ซึ่งมีคนไข้รายหนึ่ง มีอาการค่อนข้างที่จะรุนแรง ก็มีอาการดีขึ้น
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยในไทย ยังยืนยันที่ 19 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 8 ราย เหลือรักษาตัว 11 ราย ซึ่งการรักษาเรารักษาตามมาตรฐานตามอาการ โดยอาการดีขึ้นทุกราย แต่มีผู้ป่วย 1 รายที่มีอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายอย่าง และมีอาการหนัก จากการวิเคราะห์มีน้ำท่วมปอด การอักเสบของปอดรุนแรง ได้รับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ดูแล และศึกษา โดยเอาข้อมูลที่ว่า ยาต้านไวรัสเอดส์สามารถรักษาได้หรือไม่ มาศึกษา และนำมาวิจัย และใช้ ก็พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ หลังรับการรักษาก็มีอาการดีขึ้น
นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดังกล่าว เป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีนอายุ 70 กว่าปี ซึ่งมาจากอู่ฮั่น โดยมีโรคความดันโลหิตสูง และอาจมีโรคหัวใจร่วมด้วย ซึ่งได้รับการรักษาที่ รพ.หัวหินมาก่อน ซึ่งขณะที่อยู่รพ.หัวหิน ก็ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ซึ่งมีรายงานในต่างประเทศว่า ได้ผล โดยให้มาประมาณ 2 วัน แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ก็ได้มีการส่งตัวมารับการรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี เมื่อวันที่ 29 ม.ค.63 ซึ่ง รพ.ราชวิถีเราได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) แต่ใช้ในขนาดที่สูง เพราะคนไข้มีอาการหนัก สาเหตุที่เลือกใช้ เพราะมีรายงานว่ายาตัวนี้ได้ผลในคนไข้โรคเมอร์ส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มเดียวกัน จึงตัดสินใจว่า คนไข้อาการหนักต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อน และคอยระวังผลข้างเคียง จึงตัดสินใจให้ยาไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและเฝ้าดูอาการทุกวันตลอดเวลา
ทั้งนี้ ยาที่ให้เป็นยา 2 กลุ่ม 3 ตัว คือ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ยาโลพินาเวียร์ 200 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน และ ยาริโทนาเวียร์ 50 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้ รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับวันแรกที่มาอาการหนักมาก ค่าการอักเสบในเลือดก็สูงขึ้นทุกวัน ถึงขั้นต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเครื่องช่วยหายใจโดยไม่ต้องใส่ท่อ ก็ตัดสินใจให้ใช้เครื่องดังกล่าว และร่วมกับรีบให้ยารักษาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่า ภายในไม่ถึง 12 ชม. จากคนไข้ที่ดูลุกไม่ได้ อ่อนเพลีย ก็ขึ้นลุกขึ้นมานั่งได้ ไข้ลดลง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้คนไข้ยังไม่หาย และดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งผลตรวจจากการรับการรักษามา 10 กว่าวัน ผลตรวจเป็นบวกมาตลอด ไม่เคยลดเลย แต่พอได้รับยาสูตรนี้ที่ใช้ก็ดีขึ้น ภายใน 48 ชม. เป็นผลแล็บที่ยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า แม้การรักษาคนไข้รายนี้ จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่เรายังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่า การรักษานี้เป็นมาตรฐานการรักษา ซึ่งปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีมาตรฐานในการรักษา เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ ฉะนั้นเมื่อมีใครรายงานว่า ยาตัวไหนได้ผล ก็ต้องติดตาม เรามีการศึกษา และเปิดดูว่ามีรายงานเรื่องการรักษาใหม่ๆ ขึ้นมาทุกวัน หรือไม่ ถ้ามีเราไม่หวง เราเอามารักษาคนไทยอยู่แล้ว
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเคสนี้ เป็นกรณีศึกษา ซึ่งจริงๆแล้ว แพทย์ได้ใช้วิธีการนี้รักษาจำนวน 3 ราย และทั้ง 3 ราย โดยมี 1 ราย ที่มีอาการแพ้ยารักษาไข้หวัดใหญ่ จึงไม่ได้ให้ต่อ ส่วนอีก 2 ราย อาการดีขึ้น โดยในวันที่ 3 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยเอาเคสนี้มาพิจารณา ถึงแนวทางการรักษาว่า หากอาการไม่หนัก ก็ใช้แนวทางการรักษาตามปกติ แต่หากอาการรุนแรง ก็มียาสูตรนี้เป็นทางเลือก โดยจะต้องมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ
"หมอหนู"เยี่ยมให้กำลังใจคนไข้
วันเดียวกันนี้ ที่สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี นายอนุทิน พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดฯสธ. และคณะผู้บริหาร เข้าเยี่ยมให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยยืนยันโรคปอดอักเสบติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา พร้อมพาสื่อมวลชน เยี่ยมชมห้องแยกความดันลบ เพื่อสร้างความมั่นใจในการรองรับผู้ป่วย
นายอนุทิน กล่าวว่า การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ยังคงเข้มข้นต่อเนื่องครบทุกคน ทุกเที่ยวบิน แม้ว่าจำนวนคนจีนที่เข้าประเทศไทย ลดน้อยลงมากกว่าร้อยละ 80 ส่วนสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทย ในด้านการป้องกัน ควบคุมการระบาดของโรค ทุกคนมีความพร้อมในการทำงาน ทำให้เกิดความมั่นใจ กล้าที่จะตัดสินใจ ที่จะทำให้การควบคุมโรค การรักษาโรค เป็นไปได้ดีมากยิ่งขึ้น
จากการพูดคุยเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยยืนยันโรคปอดอักเสบติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชาวจีน ที่ห้องแยกโรคความดันลบ ผ่านระบบกล้องวงจรปิด ที่ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น รอกลับบ้านนั้น ผู้ป่วยได้กล่าวแสดงความขอบคุณแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่ให้การดูแลรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี พร้อมกล่าวชื่นชม มั่นใจระบบการรักษาของประเทศไทย
"ต้องขอบคุณ และให้กำลังใจทุกท่าน ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ แม้จะต้องทำงานกับผู้ป่วยโรคติดต่อสายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้เนื่องจากทุกคนห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงต้องมาในวันนี้เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน" นายอนุทิน กล่าว
พปชร.จับมือ 50 เขตกทม.สู้ไวรัสฯ
วานนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ จิรสนธิวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมในการจัดตั้ง และขับเคลื่อนศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของพรรค โดยมีน.ส.ทิพานันท์ ศิริชนะ รองโฆษกพรรค , น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึง ส.ส.กทม. อาทิ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา , น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ และ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร เข้าร่วม
ขณะเดียวกันทางพรรคยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันโรคระบาดจากไวรัสโคโรนา แก่ตัวแทนผู้นำชุมชนกว่า 80 ชุมชน ในพื้นที่กรุงเทพฯ จากทั้ง 50 เขต โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นพ.เกษม เวชสุทธานนท์ ผอ.สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง กรมควบคุมโรค สธ.
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคจะเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อย่างเป็นการ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ อาทิ การป้องกันโรคระบาด จาก ไวรัสโคโรนา เรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาทางเท้า ผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ 1. เว็บไซต์ของพรรคพปชร. 2. คิวอาร์โค้ด ผ่านแอพพลิเคชันไลน์ 3. ตู้ปณ. และ 4. สายด่วนพรรคพปชร. ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 16 ก.พ.นี้ โดยมีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และเป็นผู้รับเรื่องราวร้องเรียนโดยตรง เพื่อประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไข พร้อมทั้งเชื่อมโยงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลด้วย
โอกาสนี้ นายสนธิรัตน์ ยังได้นำทีม ส.ส.ร่วมแจกถุงผ้าลดโลกร้อน ภายในมีหน้ากากอนามัย N95 ป้องกันโรค เจลล้างมือ และคู่มือให้ความรู้เกี่ยวกับไวรัสโคโรนา ให้แก่ผู้นำชุมชนด้วย
จีนติดเชื้อกว่า1.4 หมื่น ตาย 304 ราย
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC)ประกาศจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ได้รับการยืนยันผลอยู่ที่ 14,380 ราย (ตัดกว่างตงออก 1 ราย) และผู้ป่วยที่เสียชีวิต 304 ราย เมื่อนับถึงสิ้นวันเสาร์ (1ก.พ.)
รายงานประจำวันของคณะกรรมการฯ ระบุว่าผู้ป่วยทั้งหมดกระจายตัวอยู่ในภูมิภาคระดับมณฑล 31 แห่งของจีน ส่วนหนึ่งเป็นผู้ป่วยหนักขั้นวิกฤต 2,110 ราย ผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสฯ อยู่ที่ 19,544 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดี 328 ราย
เมื่อวันเสาร์ (1 ก.พ.) เพียงวันเดียว มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสฯรายใหม่ 2,590 ราย ผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสฯ รายใหม่ 4,562 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายใหม่ 45 ราย ซึ่งเป็นคนในมณฑลหูเป่ยทั้ง 45 ราย
ในวันเดียวกัน มีรายงานผู้ป่วยอาการวิกฤต 315 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีจนออกจากโรงพยาบาลได้ 85 ราย
คณะกรรมการฯ ระบุว่ามีการติดตามผู้ที่มีประวัติติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วยทั้งหมด 163,844 ราย โดย 8,044 ราย ได้รับการปล่อยตัวจากการกักกัน เพื่อการสังเกตการณ์ทางการแพทย์ ขณะ137,594 ราย ยังคงอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ทางการแพทย์ต่อไป
” ไข้หวัดนก”ระบาดซ้ำในหูหนาน
มีรายงานเกิดโรคไข้หวัดนก H5N1 ระบาดในมณฑลหูหนาน พบไก่ฟาร์มติดเชื้อตายไปแล้ว 4,500 ตัว เจ้าหน้าที่จีน สั่งฆ่าไก่ทั้งหมด 17,828 ตัว เพื่อป้องกัน เกิดใกล้กับศูนย์กลางการระบาดโรคไข้หวัดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ มณฑลหูเป่ย
หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิงไชน่า โพสต์รายงาน วานนี้ (2 ก.พ)ว่าโรคไข้หวัดนก H5N1 ถือว่า มีความร้ายแรงมากกว่าโรคซาร์ส หรือโรคโคโรน่าไวรัส แม้จะเป็นการยาก ที่โรคไขหวัดนกจะระบาดมายังมนุษย์ ซึ่งอ้างอิงจากองค์การอนามัยโลก WHO
ทั้งนี้ แถลงการณ์ที่ออกมาจาก กระทรวงการเกษตรและพื้นที่ห่างไกลของจีน ระบุว่า เกิดการระบาดของไข้หวัดนก ขึ้นที่มณฑลหูหนาน ซึ่งมีพรมแดนติดมณฑลหูเป่ย
"การระบาดเกิดขึ้นที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง ในเขตชวงชิง (Shuangqing) ที่เชาหยาง (Shaoyang) ซึ่งมีไก่เลี้ยงทั้งหมด 7,850 ตัว แต่ตายไปจากการติดเชื้อ 4,500 ตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจีนได้สั่งทำลายไปทั้งหมด 17,828 ตัวหลังการระบาด"
แต่ในเวลานี้ยังไม่มีการรายงานติดเชื้อในคน หนังสือพิมพ์ฮ่องกง กล่าว
ที่ฟิลิปปินส์ มีเสียชีวิต1ราย
ด้านฟิลิปปินส์รายงาน การเสียชีวิตผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรน่า นอกประเทศจีน เป็นครั้งแรก วานนี้(2ก.พ.) พบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวจีน เดินทางเข้าฟิลิปปินส์พร้อมภรรยา เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกรุงมะนิลา ส่วนภรรยาของผู้เสียชีวิต พบติดเชื้อเช่นเดียวกัน รักษาการรัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ฟรานซิสโก ดุค กล่าว
ทั้งนี้ CNN สื่อสหรัฐฯ กล่าวว่า ดูเหมือนว่าชายชาวจีนวัย 44 ปี ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย นั้นติดเชื้อก่อนเดินทางเข้าประเทศ ส่วนภรรยาที่เป็นชาวจีน โดยดุค แถลงว่า ผู้หญิงชาวจีนวัย 38 ปีรายนี้ ถือเป็นเคสแรก สำหรับฟิลิปปินส์ของโรคโคโรน่าไวรัส และกำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล คนทั้งคู่ถูกแยกตัวเพื่อรักษาในหอผู้ป่วยกักกันของตัวโรงพยาบาล
ด้าน ราบินดรา อาเบยาซิง ตัวแทนขององค์การอนามัยโลกประจำฟิลิปปินส์แถลงว่า " นี่ถือเป็นเคสแรกที่มีรายงานการเสียชีวิตนอกประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตามเราต้องพึงระลึกว่า นี่ไม่ใช่ผู้ป่วยในพื้นที่ เพราะผู้ป่วยเดินทางมาจากศูนย์กลางการระบาด"
รพ.หั่วเสินซาน ในอู่ฮั่นเปิดทำการวันนี้
วานนี้ (2ก.พ) เพจ"China Xinhua News" ได้โพสต์ภาพความคืบหน้า การก่อสร้างโรงพยาบาลหั่วเสินซาน ในนครอู่ฮั่น มณฆลหูเป่ย เพื่อรองรับผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แห่งแรก โดยรพ.แห่งนี้ มีกำหนดการก่อสร้างเสร็จสิ้น ในค่ำคืนวันอาทิตย์ ที่ 2 ก.พ. และจะเปิดรับผู้ป่วยกลุ่มแรก วันที่ 3 ก.พ. สำหรับ โรงพยาบาลหั่วเสินซานมีขนาด 34,000 ตร.ม. มีเตียงรองรับผู้ป่วย 1,000 เตียง โดยการก่อสร้งอ้างอิงรูปแบบจาก รพ.เสี่ยวทังซานในกรุงปักกิ่ง ที่เคยใช้เป็นสถานกักกัน และรักษาผู้ป่วยโรคซาร์ส เมื่อปี 2003