xs
xsm
sm
md
lg

เฮ!! รพ.ราชวิถี ใช้สูตรยา 2 กลุ่ม รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาการรุนแรง หายจากเชื้อใน 2 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เฮ!! สธ.เผย รพ.ราชวิถี รักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีอาการรุนแรงให้หายได้ใน 2 วัน เผย ใช้สูตรยา 2 กลุ่ม “ต้านไวรัสเอดส์-ต้านไข้หวัดใหญ่” คนไข้ลุกขึ้นได้ใน 12 ชั่วโมง ผลตรวจแล็บที่เป็นบวกตลอด 10 วัน หลังรักษาให้ผลเป็นลบใน 48 ชั่วโมง เตรียมใช้เป็นแนวทางดูแลผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เพื่อเก็บข้อมูลศึกษาต่อไป พร้อมแชร์ข้อมูลให้ต่างชาติ



วันนี้ (2 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้มีข่าวดี คือ แพทย์จาก รพ.ราชวิถี ได้มารายงานเรื่องของการรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มารักษาที่ รพ.ราชวิถี แล้วพบวิธีการรักษาที่ได้ผลรวดเร็ว การฟื้นตัวของคนไข้รวดเร็ว ซึ่งมีคนไข้รายหนึ่งมีอาการค่อนข้างที่จะรุนแรงก็อาการดีขึ้น

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยยังยืนยันที่ 19 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 8 ราย เหลือรักษาตัว 11 ราย ซึ่งการรักษาเรารักษาตามมาตรฐานตามอาการ โดยอาการดีขึ้นทุกราย แต่มีผู้ป่วย 1 ราย ที่มีอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายอย่าง และมีอาการหนัก จากการวิเคราะห์มีน้ำท่วมปอด การอักเสบของปอดรุนแรง ได้รับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ดูแลและศึกษา โดยเอาข้อมูลที่ว่ายาต้านไวรัสเอดส์สามารถรักษาได้หรือไม่ มาศึกษา และนำมาวิจัยและใช้ ก็พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ หลังรับการรักษาก็มีอาการดีขึ้น


นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดังกล่าว เป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีนอายุ 70 กว่าปี ซึ่งมาจากอู่ฮั่น โดยมีโรคความดันโลหิตสูง และอาจมีโรคหัวใจร่วมด้วย ซึ่งได้รับการรักษาที่ รพ.หัวหิน มาก่อน ซึ่งขณะที่อยู่ รพ.หัวหิน ก็ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ซึ่งมีรายงานในต่างประเทศว่าได้ผล โดยให้มาประมาณ 2 วัน แต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ก็ได้มีการส่งตัวมารับการรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2563 ซึ่ง รพ.ราชวิถี เราได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และเรามียาอยู่แล้ว แต่ใช้ในขนาดที่สูง เพราะคนไข้มีอาการหนัก สาเหตุที่เลือกใช้ เพราะมีรายงานว่า ยาตัวนี้ได้ผลในคนไข้โรคเมอร์ส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มเดียวกัน จึงตัดสินใจว่า คนไข้อาการหนักต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อน และคอยระวังผลข้างเคียง จึงตัดสินใจให้ยาไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึง และเฝ้าดูอาการทุกวันตลอดเวลา

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ยาที่ให้เป็นยา 2 กลุ่ม 3 ตัว คือ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ยาโลพินาเวียร์ 200 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน และ ยาริโทนาเวียร์ 50 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับวันแรกที่มาอาการหนักมาก ค่าการอักเสบในเลือดก็สูงขึ้นทุกวัน ถึงขั้นต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเครื่องช่วยหายใจโดยไม่ต้องใส่ท่อ ก็ตัดสินใจให้ใช้เครื่องดังกล่าว และร่วมกับรีบให้ยารักษาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่า ภายในไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ดูลุกไม่ได้ อ่อนเพลีย ขึ้นมานั่งได้ ไข้ลง และจากนั้นอาการหายเหนื่อย ส่วนตอนนี้คนไข้ยังไม่หายและดีขึ้นอย่างชัดเจน และผลตรวจจากการรับการรักษามา 10 กว่าวัน ผลตรวจเป้นบวกมาตลอดไม่เคยลดเลย แต่พอได้รับยาสูตรนี้ที่ใช้ ผลเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง เป็นผลแล็บที่ยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เมื่อถามว่าจากการรักษา 1 ราย ตอนนี้พอจะสรุปอะไรเกี่ยวกับการรักษาได้บ้าง นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า แนวโน้มดีขึ้น แต่เรายังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษานี้เป็นมาตรฐานการรักษา ซึ่งปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีมาตรฐานในการรักษา เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ ฉะนั้น เมื่อมีใครรายงานว่าอันไหนได้ผลก็ต้องติดตาม เรามีการศึกษาและเปิดดูว่ามีรายงานเรื่องการรักษาใหม่ๆ ขึ้นมาทุกวันหรือไม่ ถ้ามีเราไม่หวง เราเอามารักษาคนไทยอยู่แล้ว

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเคสนี้เป็นเคสรีพอร์ต เป็นกรณีศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วแพทย์ได้ใช้วิธีการนี้รักษาจำนวน 3 ราย และทั้ง 3 ราย โดยมี 1 ราย ที่มีอาการแพ้ยารักษาไข้หวัดใหญ่ จึงไม่ได้ให้ต่อ ส่วนอีก 2 ราย อาการดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ. จะมีการประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยเอาเคสนี้มาพิจารณาถึงแนวทางการรักษา ว่า หากอาการไม่หนักก็ใช้แนวทางการรักษาตามปกติ แต่หากอาการรุนแรงก็มียาสูตรนี้เป็นทางเลือก โดยจะต้องมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ 

ถามว่า แนวทางการรักษาของเราแตกต่างจากจีนอย่างไร  นพ.เกรียงศีกดิ์ กล่าวว่า ของจีนไม่ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์หรืออาจมีการรักษา แต่ยังไม่ได้รายงานออกมา ส่วนผลการรักษานี้ก็จะมีการแบ่งปันความก้าวหน้าให้ด้วย ส่วนอีก 1 รายที่รอผลเป็นปอดอักเสบเหมือนกัน อาการดีมาก แต่ที่ยังไม่แถลง เพราะผลตรวจแล็บยังไม่ออก โดยรายนี้อายุ 33 ปี เป็นคนไทยแต่ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ไม่มีประวัติสัมผัสคนจีน มีอาการที่ญี่ปุ่น

มีการศึกษาประเทศอื่นๆ หรือไม่ว่ามีการรักษาลักษณะไหนบ้าง รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า จีนก็มีการรายงานเป็นระยะ ที่เจอก็เป็นในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่า ความร่วมมือของแพทย์ในทุกประเทศทั่วโลกจะพัฒนาการรักษาร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมช่วยกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น