สธ.แจงสูตรยา รพ.ราชวิถี รักษาไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ อาการดีขึ้นใน 2 วัน หมอไทยใช้ก่อนที่จีนจะตีพิมพ์รายงานวิธีการรักษา แต่สูตรปริมาณยาต่างกัน ไทยให้สูงกว่า 2 เท่า เผยกลไกการออกฤทธิ์ ยาต้านเอดส์ช่วยยับยั้งเพิ่มจำนวนไวรัสในเซลล์ ยาต้านหวัดใหญ่ยับยั้งไวรัสใหม่เข้าเซลล์ เตือนอย่าซื้อกินเองเพื่อรักษาหรือป้องกัน เหตุเป็นยาอันตราย มีผลต่อยาตัวอื่น
จากกรณี รพ.ราชวิถี ใช้สูตรยาต้านไวรัสเอชไอวี และยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ร่วมกันในการรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีอาการรุนแรงจนอาการดีขึ้นใน 12 ชั่วโมง และตรวจไม่พบเชื้อใน 48 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์ผู้รักษาระบุว่ามีการศึกษาพบว่าจีนมีการทดลองรักษาโรคนี้ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี และมีข้อมูลว่า ยาต้านไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาในโรคเมอร์ส จึงนำมาทดลองใช้ร่วมกัน ซึ่งที่จีนอาจมีการใช้สูตรดังกล่าวแต่ยังไม่เห็นรายงาน แต่ในโซเชียลมีเดียได้นำรายงานการศึกษาของจีนว่ามีการใช้สูตรยา 2 กลุ่มนี้ร่วมกันเช่นกัน
เฮ!! รพ.ราชวิถี ใช้สูตรยา 2 กลุ่ม รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาการรุนแรง หายจากเชื้อใน 2 วัน
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่ รพ.ราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากร รพ.ราชวิถี ที่ดูแลผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 และผู้ป่วยโรคนี้ ว่า ขณะนี้ผู้ป่วยยืนยัน 19 ราย อาการดีขึ้นทุกคน รักษาหายแล้ว 8 ราย โดยกำลังจะหายและปล่อยตัวให้กลับบ้านอีก 4 ราย ส่วนที่เหลืออาการดีขึ้นเป็นลำดับ ส่วนกรณีเคสรีพอร์ตของแพทย์ทั้ง 2 ท่าน รพ.ราชวิถีที่ทำการรักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยใช้ยาขนานที่เหมาะสมกับอาการผู้ป่วยชาวจีนที่ส่งต่อมาจาก รพ.หัวหิน และมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยรายอื่น แล้วปรากฏว่าได้ผลขึ้นมา ฟื้นตัวได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าคาดการณ์ ไม่อยากให้สื่อสารว่าพบสูตรยาใหม่ ต้องเคลียร์ว่านี่คือวิธีรักษาจากประสบการณ์ความชำนาญ การใช้ความรู้ทางการแพทย์เป็นหลัก ส่วนเคสรีพอร์ตนี้จะส่งให้สถาบันทางการแพทย์ สถาบันวิจัยต่างๆ นำข้อมูลผลการรักษาไปหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด หากพิสูจน์ได้ว่ามีผลต่อการรักษาไวรัสโคโรนา 2019 ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนป่วยทุกคนในโลกใบนี้ และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขของไทย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ยังเกิดขึ้นมาบนโลกไม่ถึง 2 เดือน ตอนนี้ยังไม่มีวิธีการรักษามาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็นการรายงานเคส ซึ่งจีนมีการรายงานการรักษาครั้งแรก 40 กว่าคน โดยใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ เราจึงมีการทดลองใช้ยาต้านไวรัสเอดส์เช่นกัน ส่วนกรณีผู้ป่วยชาวจีนที่มาจากเมืองอู่ฮั่น แล้วส่งต่อจาก รพ.หัวหิน มายัง รพ.ราชวิถี ยอมรับว่าอาการไม่ค่อยดี ตนจึงให้รายงานทุกวัน เพราะเกรงว่าจะเกิดการเสียชีวิตเป็นรายแรกนอกประเทศจีน ซึ่งแพทย์ รพ.ราชวิถีทั้ง 2 ท่านช่วยเหลือดูแล และไปศึกษาว่า นอกจากการให้ยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว คือ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์ ยังมีกการรักษาอะไรอีกบ้าง ซึ่งก็พบว่ามีการใช้ยารักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยาโอเซลทามิเวียร์ ที่ช่วยรักษาโรคเมอร์สจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน จึงนำมาใช้ร่วมกัน โดยยาต้านไวรัสเอดส์ กลไกการทำงาน คือ ไปช่วยยับยั้งการขยายตัวของไวรัสในเซลล์ แต่ไวรัสในเลือดก็ยังเข้าไปในเซลล์ได้อยู่ดี แต่ยาโอเซลทามิเวียร์ จะช่วยทำให้เชื้อไวรัสใหม่ ไม่เข้าไปในเซลล์ ก็เป็นการลดทอน
“สำหรับกรณีที่ว่าจีนก็มีการรายงานผลการรักษาออกมาด้วยยาร่วมกันทั้ง 2 กลุ่มนี้เหมือนกันนั้น ต้องขอทำความเข้าใจว่า เรารับผู้ป่วยมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. และได้เริ่มทำการให้ยาตั้งแต่วันนั้นเลย ขณะที่ผลการศึกษาครั้งที่สองของจีนที่ออกมาตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศนั้นก็เป็นวันที่ 29 ม.ค.เช่นกัน และเวลาที่ไทยก็เร็วกว่าอังกฤษถึง 6 ชั่วโมง แต่ทีมแพทย์ของเรายังไม่ได้อ่าน การรักษาของทีมแพทย์ รพ.ราชวิถี จึงเป็นการรักษาก่อนที่จะเห็นรายงานการรักษา ก็เรียกว่าคิดตรงกัน เขาอาจมีการใช้โอเซลทามิเวียร์ก่อนเรา แต่ยังไม่มีการตีพิมพ์ออกมา โดยเราใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ครั้งละ 2 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น และยาโอเซลทามิเวียร์ 2 เม็ด 2 เวลาเช้า-เย็น ซึ่งผลการรักษาเราจึงดีขึ้นเร็วใน 12 ชั่วโมงไข้ลด และผลแล็บเป็นลบใน 48 ชั่วโมง ส่วนที่เราใช้ยาขนาดสูงเพราะเราพิจารณาแล้วว่า คนไข้มีอาการหนักและตัวใหญ่ ขณะที่การมาดูผลการรักษาของจีนในภายหลังพบว่า ไทยเราใช้ขนาดดับเบิลกว่าจีน 2 เท่า โดยจีนให้ยาต้านไวรัสเอดส์แค่ครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 เวลาเช้าเย็น และโอเซลทามิเวียร์ 1 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น” นพ.สมศักดิ์กล่าว และว่าสำหรับวิธีการรักษาด้วยยาสูตรดังกล่าว เรากำลังส่งไปตีพิมพ์ที่ต่างประเทศ และกำลังนำเข้าที่ประชุมแนวทางการดูแลรักษา ซึ่งมีการนำรายงานการรักษาต่างๆ จากทั่วโลกมาพิจารณา ซึ่งสูตรยานี้ที่ใช้ก็อาจเสนอเป็นทางเลือกในการรักษาต่อไปว่าหากเจอผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และใช้ยาสูตรอื่นที่มีการนำเสนอแล้วไม่ได้ผลก็เอาสูตรนี้มาใช้เพิ่ม ก็ถือเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่จะต้องเก็บข้อมูลการใช้ให้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน
นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ยาต้านไวรัสเอดส์ที่ใช้ถือเป็นยาอันตราย ต้องสั่งใช้โดยแพทย์ ดังนั้น การนำยามาใช้เองถือเป็นอันตราย ไม่ควรหามาใช้เอง แม้จะมีรูปภาพของยาเผยแพรออกไป เพราะยามีมีผลข้างเคียงมาก เมื่อเข้าไปในร่างกายและขับผ่านตับ จะไปลดการขับยาอื่นที่ตับด้วย จึงทำให้มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาอื่นร่วมด้วยได้ ถือเป็นเรื่องอันตราย เช่น อาจมียาหลายๆ ตัว เช่น ยาลดความดัน ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาไมเกรน ยารักษาไขมันในเลือด ยารักษาสิว ฯลฯ ถ้าให้ร่วมกันแล้วผลข้างเคียงมากขึ้นและเป็นอันตราย อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ควรนำมาซื้อรับประทานเพื่อป้องกันหรือรักษาใดๆ ก็ตาม
นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี หนึ่งในแพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ป่วย กล่าวว่า ผู้ป่วยจากอู่ฮั่นที่ได้รับยาสูตรนี้นั้น อาการดีขึ้น เอกซเรย์วันนี้อาการดีขึ้นชัดเจน ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องบอกว่ายังไม่ใช่หาย ผลตรวจจากเยื่อบุโพรงจมูกจากผลบวกเป็นลบ ส่วนผู้ป่วยอีกรายหนึ่งที่ใช้ยาเหมือนกันก็อาการดีมาก ตอนนี้แค่รอผลว่า ถ้าผลตรวจไม่เจอเชื้อ 2 วัน 2 ครั้ง ก็จะให้กลับบ้าน