แม้จะเป็นข่าวดีที่แพทย์สามารถนำยารักษาโรคที่มีอยู่มาปรับใช้เพื่อรักษา "ไวรัสโคโรนา 2019" จนผู้ป่วยหนักมีอาการดีขึ้น แต่คนอื่นๆ ไม่ควรหายามาใช้เอง เพราะอันตรายและมีผลข้างเคียงสูง
แพทย์โรงพยาบาลราชวิถีนำ ยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ได้แก่ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์ และยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ช่วยรักษาโรคเมอร์สจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน มาใช้กับผู้ป่วยชาวจีนที่มีอาการหนักและส่งต่อจากโรงพยาบาลหัวหินเมื่อวันที่ 29 ม.ค.63 ปรากฏว่าได้ผลฟื้นตัวได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าคาดการณ์
ทว่า นพ.พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้างานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ยาต้านไวรัสเอดส์ที่ใช้ถือเป็นยาอันตราย ต้องสั่งใช้โดยแพทย์ ดังนั้น การนำยามาใช้เองถือเป็นอันตราย ไม่ควรหามาใช้เอง แม้จะมีรูปภาพของยาเผยแพร่ออกไป เพราะยามีมีผลข้างเคียงมาก เมื่อเข้าไปในร่างกายและขับผ่านตับ จะไปลดการขับยาอื่นที่ตับด้วย จึงทำให้มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาอื่นร่วมด้วยได้
"ถือเป็นเรื่องอันตราย เช่น อาจมียาหลายๆ ตัว อย่างยาลดความดัน ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาไมเกรน ยารักษาไขมันในเลือด ยารักษาสิว ฯลฯ ถ้าให้ร่วมกันแล้วผลข้างเคียงมากขึ้นและเป็นอันตราย อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าไม่ควรนำมาซื้อรับประทานเพื่อป้องกันหรือรักษาใดๆ ก็ตาม" นพ.พจน์ย้ำเตือน
ทั้งนี้ สถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยัน 19 ราย ซึ่งทุกคนมีอาการดีขึ้นและรักษาหายแล้ว 8 ราย โดยกำลังจะหายและปล่อยตัวให้กลับบ้านอีก 4 ราย ส่วนที่เหลืออาการดีขึ้นเป็นลำดับ