เมื่อคืนผมนึกถึง “ไอน์สไตน์” กับ “ใครบางคน” จนหลับปุ๋ยไปเลย...
“ในฝัน ผมได้พูดคุยกับ “ผู้มีอำนาจคนหนึ่ง” ประเดี๋ยวท่านผู้อ่านก็จะแยกแยะได้ว่า ใครคือ “ผู้มีอำนาจคนนั้น!”
“...ว้าว...มาเจอ “ผู้มีอำนาจ” แบบนี้ ขอถามกันตรงๆ เลยละกันว่า ท่านยึดอำนาจรัฐเพื่อปราบการโกงชาติ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำให้ชาติ เพื่อปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง...แต่ทำไมท่านถึงไม่ทำตามคำพูดล่ะ?...”
“...เอ้อ...อ้า...เอ้อ...ผมว่าเราพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า บ้านเมืองมีเรื่องให้พูดให้ทำตั้งเยอะแยะ...จริงไหม?...”
“...แต่การ “พูดดี” ของท่านครั้งนั้น มันตรงกับความต้องการของประชาชน ผู้คนส่วนใหญ่ถึงได้เชียร์กันเต็มที่ ท่านรู้ไหมว่า...ท่านทำให้ชาติเสียหายนะครับ อ้อ...แล้วยังเสียชื่อเสียงชายชาติทหารด้วย...”
“เฮ้ย!...ผมบอกแล้วว่า เรื่อง “ผมทำผิดคำพูด” นั้น...ใครๆ เขาก็ทำผิดคำพูดกันได้ทั้งนั้นแหละ มีนักการเมืองคนไหนไม่ทำผิดคำพูดบ้างล่ะ คุณอย่าจริงจังอะไรนักเลย ทักษิณบอกรวยแล้วไม่โกง...ยังโคตรโกงเลยนี่นา ผมถึงต้องเอากองทัพออกมายึดอำนาจไงล่ะ ส่วนเรื่องชื่อเสียงผมนั่นน่ะ...ผมเองยังไม่สนใจเลย...แล้วคุณจะเดือดร้อนแทนผมทำไมล่ะ?...”
“อ้อ!...แต่ผมยังไม่ลืมสัญญาที่ว่า อีกไม่นานผมจะคืนความสุขให้กับประชาชน...ทนกันหน่อยสิพวกคุณ...ผมสัญญาจริงๆ นะ...”
“...ท่านครับ...ขอบอกตรงๆ นะว่า วันนี้ใครๆ พากันหมดศรัทธาท่านแล้ว พวกเขาไม่เชื่อคำพูดท่านกันอีกแล้ว เพราะท่านไม่ทำดีตามคำพูดดีๆ ของท่านไงล่ะ...”
“..เฮ้ย!...เดี๋ยวปั๊ดทุ่มด้วยโพเดียมเลย! มีแต่พวกฝ่ายค้านนะที่พูดแบบนี้ เอ๊ะ...หรือคุณเป็นพวกฝ่ายค้าน? นี่นะ เวลาผมออกไปเยี่ยมประชาชน ที่ไหนๆ พวกเขาก็บอกรักผมทั้งนั้น ผมบอกเหนื่อยมากที่ต้องมาแก้ปัญหาที่คนอื่นทำไม่ดีเอาไว้ พวกเขาก็ให้กำลังใจผม แล้วทุกที่เลยนะ ขอร้องให้ผมอยู่นานๆ...”
“...แต่ท่านรู้ไหมว่า...การโกงชาติเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า คนรวยรวยขึ้น คนจนก็จนลงเรื่อยๆ ส่วนการเมืองก็ยิ่งแย่ลงๆ...เพราะท่านไม่ปฏิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง...”
“...เฮ้ย!...หยุด!...หยุดพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ได้แล้ว...เพราะไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นนะว้อย!...”
“...อ้าว!...แล้วทีท่านทำไมถึงพูดและทำแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ล่ะ ท่านรู้ไหม ไอน์สไตน์ พูดถึงคนที่ทำแบบท่านว่ายังไง...”
“ท่านผู้มีอำนาจ” ชะงักไปแป๊บหนึ่ง...แล้วหันมาจ้องด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น…
“...ไหนว่ามาซิ...ฝรั่งมังค่าอย่างไอน์สไตน์ ตายไปนานแล้ว...มันจะพูดถึงคนอย่างผมว่ายังไง...”
“...เอ้อ...ท่านอย่าโกรธผมนะครับ...คือ... ไอน์สไตน์เขาระบุชัดเลยว่า... มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง...”
“...เฮ้ย...มันว่าผมบ้าได้ยังไงวะ...ดีนะที่มันตายไปนานแล้ว ถ้าไอน์สไตน์มาพูดแบบนี้ต่อหน้า ผมจะทุ่มโพเดียมใส่มันจริงๆ ด้วย...”
“อ้าว...ก็ท่านพูดซ้ำซากอยู่เสมอนี่นาว่า อยากให้บ้านเมืองไม่มีการโกงชาติ...แต่ท่านก็ไม่ปราบคนโกงชาติจริงจัง ท่านบอกอยากให้คนมีรายได้น้อยอยู่ดีกินดี แต่ท่านกลับทำให้ชาติ รวยกระจุก จนกระจายยิ่งขึ้น จนความเหลื่อมล้ำไทยติดอันดับต้นๆ ของโลกไปแล้ว ท่านอยากให้การเมืองดีมีคุณภาพมากคุณธรรม แต่ท่านไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง การเมืองไทยเลยถอยหลังลงคลองน้ำเน่ายิ่งกว่าเดิม...”
“พอ!...พอได้แล้ว!...นี่คุณ...ถึงยังไงใจผมก็อยากให้บ้านเมืองดีดังปากผมพูดจริงๆ นะ...”
“...แต่ปากท่านไม่ใช่ “ปากพระร่วง” ในหนังสือเรียนสมัยเด็กๆ นะ ตอนนี้ผู้คนเห็นตรงกันว่า...ท่านดีแต่พูด ท่านพูดดี...แต่ไม่ได้ทำดีเท่าที่ควรดังปากพูด...”
“...เฮ้ย...สิ่งที่ทุกคนต้องทำ คือ หาปัญหาและวิธีแก้ปัญหา ผมไม่ใช่เทวดาจะได้แก้ปัญหาทั้งหมดได้ ไม่ใช่โยนปัญหามาให้ผมคนเดียว วันนี้ทุกคนลงเรือแป๊ะลำนี้แล้ว ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องช่วยกันพายเรือแป๊ะของผมสิวะ...”
“...แหม...ท่านไม่ใช่เทวดาแน่นอน แต่ตอนยึดอำนาจท่านพูดเหมือนรู้ปัญหาชาติ ท่านบอกจะแก้ต้นเหตุปัญหาชาติอย่างโน้นอย่างนี้ พวกเราก็คิดว่าท่านจะทำดีดังที่พูด แต่ตอนนี้ท่านทำเป็นไม่รู้ต้นเหตุปัญหาของชาติ ท่านบอกให้หาปัญหาและวิธีแก้ปัญหา เฮ้ย...ท่านกำลังเป็น “คนตาบอดคลำช้าง” แล้วนะ...”
“เอ้อ...ท่านจำคำพูดที่ว่า... “ผมไม่ได้แย่งอำนาจใครมา แต่เพราะเขาทำไม่ได้ ผมจึงมาทำแทน” ท่านขอให้มั่นใจการทำงานของพวกท่าน ท่านขอให้ทุกคนร่วมมือแก้ปัญหาประเทศเพื่ออนาคตของชาติ... ท่านรู้ใช่ไหมว่า...ประชาชนให้ความร่วมมือกับท่านมาตลอดห้าปี นี่ก็เกือบจะหกปีแล้ว...”
“...แล้วไง?...ผมก็พร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน แต่เห็นประชาชนเดือดร้อนเลยทนไม่ได้ และไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ทุกวันนี้ผมต้องสู้รบทุกวัน กลับบ้านก็ทะเลาะกับเมีย เมียถามว่า ทำไมอันนี้ไม่ทำ ผมบอกทำแล้ว บางเรื่องทำไม่ไหวก็หงุดหงิด สรุปว่าผมไม่มีความสุข ทุกคนไม่มีความสุข ผมจึงต้องขอเวลาจะคืนความสุขให้กับประชาชนไงล่ะ...ใจเย็นๆ กันหน่อยสิ...”
“เอางี้..ผมมีทางออกให้คุณและประชาชนแล้วล่ะ! ถึงผมจะทำให้บ้านเมืองแย่ลงๆ ก็จริง แต่ผมแต่งเพลงไว้ปลอบใจแล้วว่า อีกไม่นานเกินรอ...ลุง...เอ๊ย!...ผมจะคืนความสุขให้ประชาชน พวกเรามาร้องเพลงนี้ คลายเครียด ลืมความทุกข์กันดีกว่านะคุณ...มา!...มา!...”
“ในฝัน” ผมยืนร้องเพลงอย่างเมามันไปกับ “ท่านผู้มีอำนาจคนนั้น” ร้องจนเสียงแหบแห้ง ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก... เฮ้ย!...“ฝันบ้าๆ” แบบนี้...ขออย่าได้ฝันซ้ำอีกเลยนะเว้ย!...