"ประยุทธ์" หยอกล้อนร. อ้อนเด็กเชียร์ รับมือศึกซักฟอก ถามจะช่วยเขาหรือช่วยเรา ย้ำประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวและปกครองด้วยพระมหากษัตริย์ แจงสารพัดโครงการพัฒนาชายแดนใต้ ต้องใช้เวลา
วันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 14.30 น. ที่โรงเรียนนราธิวาส ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายจ.นราธิวาสที่เข้าร่วมโครงการ “รินน้ำใจสู่พี่น้องชาวใต้” โดยนายกฯ ได้มีการหยอกล้อกับเด็กนักเรียน ก่อนกล่าวว่า ที่ตนนำมาวันนี้เพราะนำความสุขมาให้กับทุกคน เอาความรักจากคณะรัฐมนตรีมาให้กับทุกคนด้วยเช่นกัน วันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ต้องลดความขัดแย้งให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเรายังมีความขัดแย้งกันอยู่ มันก็จะทำอะไรไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้ งบประมาณก็ออกไม่ได้ ขณะที่ส.ส.เมื่อได้รับปัญหาจากประชาชนแล้ว ก็จะส่งมาให้ตน แต่ถ้ายังมีความขัดแย้งกันอยู่ ก็จะแก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ด้วย ขณะที่กลไกต่างๆ มีขั้นตอนอยู่แล้ว โดยการบริหารราชการแผ่นดินมีอำนาจ 3 ส่วน ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ซึ่งทั้ง 3 ส่วน ต้องเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่กันไม่ได้ กฎหมายต่างๆ ที่ออกมา มันถูกต้องหมด เพียงแต่อยู่ที่ว่าจะบังคับใช้ได้หรือไม่ และมีกระแสต่อต้านมากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกัน ก็มีบางเรื่องที่คนไม่เข้าใจจริงๆ หรือมีคนที่แกล้งไม่เข้าใจ และอ้างว่าไม่รู้กฎหมาย ซึ่งมันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้แล้วว่า ประชาชนทุกคนต้องรู้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายพื้นฐาน และต้องไม่ไปละเมิดคนอื่น แม้จะมีการรวมตัวกันก็จะต้องไม่กีดขวางการจราจร และที่มีการรวมตัวกันถ้าทำในเขตเมือง ก็ทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อน และเจ้าหน้าที่ก็มีงานเพิ่ม จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แล้วก็จะเดินหน้ากันต่อไปได้ ขณะที่รัฐบาลก็เดินหน้าบริหารงานต่อไป ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณก็ให้มีการตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่ อะไรผิดก็ผิด อะไรถูกก็ว่าถูก เพราะถ้ากล่าวหากันลอยๆ ก็จะทำให้เกิดการท้อแท้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ดังกล่าวก็ดีขึ้น มีการพัฒนาเกิดขึ้น ทั้งการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ถนนหนทาง เขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่สามเหลี่ยมมั่นคง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา แต่โครงการเหล่านี้จะต้องได้รับความยินยอมจากประชาชนด้วย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ขณะที่ศูนย์ดำรงธรรมก็ได้รับเรื่องร้องเรียนในแต่ละปีจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลก็พยายามแก้ไขให้เกือบหมดแล้ว
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตอนนี้เขากำลังจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากนั้น นายกฯ กล่าวถามเด็กนักเรียนว่า “เขาจะเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจชุดนี้ มีใครอยากให้กำลังลุงไหม” ขณะที่เด็กนักเรียนไม่มีใครยกมือ ก่อนนายกฯ กล่าวย้ำว่า เขาจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไล่นายกฯ เด็กทั้งหมดภายในห้องประชุมร้อง “อ้อ” แล้วนายกฯ ก็ยิ้มก่อนถามอีกว่า “จะช่วยเขาหรือจะช่วยเรา วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความรักส่วนตัว ระหว่างเรา คนชอบพอกัน พูดให้เห็นหัวใจของลุง ลุงมีสี่ห้องหัวใจ แต่ข้างในมีชั้นเยอะ” ทำให้เด็กนักเรียนต่างพากันหัวเราะ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า แต่ที่มีชั้นถ้าเยอะ เพราะมีปัญหารุมเร้าเข้ามาเยอะ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นทำให้คณะรัฐมนตรี และข้าราชการ ต้องเดือดร้อนเป็นทุกข์ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าทุกคนไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน และเดินไปสู่เป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน ทุกเรื่องก็จะสำเร็จได้ ทั้งนี้ ใครอยากเป็นอะไรก็ขอให้ได้เป็น เป็นในสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่าเป็นไปตามที่เพื่อนชอบ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคต
หลังจากนั้น นายกฯ ได้พูดย้ำเรื่องความสวย ขอให้ทุกคนสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า คนจะสวยสวยจรรยา ใช่ตาหวาน คนจะแก่แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน คนจะสวยรวยสุนทานใช่บ้านโต ซึ่งที่โบราณกาลเขียนแบบนี้เขาก็มีหลักการ ก่อนถามว่ารู้จักพันธ์ท้ายนรสิงห์หรือไม่ ก่อนจะเล่าเรื่องพันธ์ท้ายนรสิงห์ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของผู้รักษากติกาบ้านเมือง ยอมตายเพื่อรักษากฎระเบียบ ก่อนนายกฯ พูดกับเด็กนักเรียนว่า อย่าลืมสัญญาที่บอกว่าจะดูแลกัน ตนก็จะดูแลประชาชน และขอให้ทุกคนช่วยกันรักประเทศชาติของเรา พร้อมกับอย่าลืมว่าเรามาจากไหน เราคือประเทศไทยที่มีความเป็นหนึ่งเดียว จะยอมให้ใครมาแบ่งแยกประเทศของเราไม่ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เขียนไว้แล้ว ว่าประเทศของเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อันเป็นประมุข และขอให้ทุกคนเอาสาระสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ชาติมาดู
จากนั้นนายกฯ ถามว่าจะร้องเพลงอะไรให้ฟัง ซึ่งเด็กนักเรียนทั้งหมดร้องเพลง “คืนความสุข” ซึ่งนายกฯ พูดแซวว่า “ตอนนี้ระวังหน่อยนะ เพราะมีคนบอกว่าคสช.อยู่นานพอสมควรแล้ว” จากนั้นนายกฯ ก็ร้องเพลงคืนความสุข และร้องท่อนหนึ่งของเพลงศรัทธาว่า “ใจ...สู้หรือเปล่า” พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแล เจ้าหน้าที่และข้าราชการในพื้นะที่ เพราะเขาทำงานหนักในการดูแลประชาชน