"สนธิรัตน์" มั่นใจ ร่าง พ.ร.บ.งบปี 63 ผ่านฉลุย ไม่หวั่นรมว.ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยันพรรคร่วมรัฐบาลเสถียรภาพยังปึ๊ก โยน "กมธ.ศึกษารธน." เคาะเองปมโล๊ะ 6 ส.ว.โควต้า ผบ.เหล่าทัพ โพลชี้ ประชาชนหนุนแก้รธน. โละ ผบ.เหล่าทัพพ้น ส.ว. มองไม่เหมาะรับเงินซ้ำซ้อนหลายทาง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า จากนี้ไป ที่พรรคพลังประชารัฐ จะมีแถลงข่าวทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น. ในประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน รวมถึงชี้แจง การขับเคลื่อนโยบายการทำงานของรัฐมนตรีของพรรค ตลอดจนปัญหาต่างๆ ของ ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ มาเสนอต่อประชาชน ให้รับทราบ และนำไปสู่การแก้ปัญหา โดยผู้ที่จะแถลงจะเชิญรัฐมนตรี และแกนนำของพรรคมาแถลงข่าว
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้าน เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลางเดือน ม.ค.และ โดนจะนำเรื่องเก่าในสมัยรัฐบาลคสช. มาอภิปรายด้วยนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การอภิปรายถือเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ของระบบรัฐสภาที่สามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาลได้ ส่วนจะมีการเตรียมการอย่างไร ขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะยื่นเมื่อใด มีใครที่จะถูกอภิปรายบ้าง และเนื้อหาอะไร ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่จะถูกอภิปราย สามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลหารือกันตลอด เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่หนักใจ พร้อมรับมือ เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการชี้แจงอยู่แล้ว
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงความมั่นใจในการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในวาระ 2 และ 3 ว่า ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวันที่ 8-10 ม.ค.นี้ จะสามารถผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งจะได้นำเม็ดเงินลงไปบริหารประเทศ เพราะขณะนี้มีหลายโครงการที่ติดขัด เนื่องจากไม่มีเงิน ดังนั้น เมื่อได้เงินงบประมาณตรงนี้ลงไป ก็จะได้ไปแก้ปัญหาต่างๆ ได้
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึง กรณีที่หลายฝ่ายเห็นด้วยกับการโละ ตำแหน่งผบ. เหล่าทัพที่มา เป็นส.ว. ตามรัฐธรรมนูญว่า เป็นหน้าที่ของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรธน. และต้องให้โอกาส กมธ.ได้ศึกษาก่อน ส่วนจะแก้ในประเด็นใดบ้าง ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ และยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีธง ในการจะไม่แก้ไขรธน.
โพลหนุนโละ"ผบ.เหล่าทัพ"พ้นส.ว.
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง"แก้รัฐธรรมนูญ กับผบ.เหล่าทัพ" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,162 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 2 - 4 ม.ค.63ได้ผลสรุปดังนี้
กรณี ข้อเสนอของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในการแก้รธน. ให้ ผบ.เหล่าทัพไม่ต้องเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75.4 เห็นด้วย เพราะไม่เหมาะสมที่รับเงินซ้อนหลายทาง ตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพสำคัญสุด ทำตรงนั้นให้ดีที่สุดต่อชาติบ้านเมือง ควรแยกออกให้ชัดเจน อำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ควรทำทุกอย่างให้ชัด เป็นอิสระจากกัน และหน้าที่ส.ว.ไม่ใช่หน้าที่ของเหล่าทัพ เป็นต้น
ในขณะที่ ร้อยละ 24.6 ไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย และไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าแก้ปัญหาศก. เร่งแก้ศก. ก่อนแก้รธน.
เมื่อถามถึงกลุ่มคนที่พูดแล้วทำให้รู้สึกว่า ศก.แย่ที่สุด พบว่าจำนวนมาก หรือร้อยละ 43.7 ระบุ เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล รองลงมา คือร้อยละ 20.7 เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ,ร้อยละ 12.8 เป็นนักวิชาการ , ร้อยละ 2.6 เป็นหมอดู และร้อยละ 20.2 ระบุอื่นๆ เช่น พูดกันเองปากต่อปาก นักธุรกิจ นักศึกษา คนทุกกลุ่ม เป็นต้น
ที่น่าเป็นห่วง คือ เมื่อถามถึงความรู้สึก ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า กลุ่มคนรู้สึกเฉยๆ ลดฮวบลงจาก ร้อยละ 77.4 ในเดือนต.ค.62 มาอยู่ที่ร้อยละ 42.8 ในช่วงต้นเดือนม.ค.นี้ แต่กระจายไปอยู่ในกลุ่มคนรู้สึกไม่ดี มีผลเสีย ร้อยละ 30.7 และ กลุ่มคนรู้สึกดี มีผลดี ร้อยละ 26.5
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่ากลุ่มคนที่มีความหวังจะก้าวต่อไปข้างหน้า ลดลงจาก ร้อยละ 68.5 ในเดือนต.ค.62 มาอยู่ที่ร้อยละ 52.2 ในต้นเดือนม.ค. และกลุ่มคนรู้สึกกลัวที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 31.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 47.8
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า จากนี้ไป ที่พรรคพลังประชารัฐ จะมีแถลงข่าวทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00 น. ในประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน รวมถึงชี้แจง การขับเคลื่อนโยบายการทำงานของรัฐมนตรีของพรรค ตลอดจนปัญหาต่างๆ ของ ส.ส.ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ มาเสนอต่อประชาชน ให้รับทราบ และนำไปสู่การแก้ปัญหา โดยผู้ที่จะแถลงจะเชิญรัฐมนตรี และแกนนำของพรรคมาแถลงข่าว
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้าน เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลางเดือน ม.ค.และ โดนจะนำเรื่องเก่าในสมัยรัฐบาลคสช. มาอภิปรายด้วยนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การอภิปรายถือเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญ ของระบบรัฐสภาที่สามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาลได้ ส่วนจะมีการเตรียมการอย่างไร ขอดูรายละเอียดก่อนว่าจะยื่นเมื่อใด มีใครที่จะถูกอภิปรายบ้าง และเนื้อหาอะไร ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ที่จะถูกอภิปราย สามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลหารือกันตลอด เพราะเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ในขณะที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่หนักใจ พร้อมรับมือ เพราะถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการชี้แจงอยู่แล้ว
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงความมั่นใจในการผ่าน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในวาระ 2 และ 3 ว่า ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวันที่ 8-10 ม.ค.นี้ จะสามารถผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งจะได้นำเม็ดเงินลงไปบริหารประเทศ เพราะขณะนี้มีหลายโครงการที่ติดขัด เนื่องจากไม่มีเงิน ดังนั้น เมื่อได้เงินงบประมาณตรงนี้ลงไป ก็จะได้ไปแก้ปัญหาต่างๆ ได้
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวถึง กรณีที่หลายฝ่ายเห็นด้วยกับการโละ ตำแหน่งผบ. เหล่าทัพที่มา เป็นส.ว. ตามรัฐธรรมนูญว่า เป็นหน้าที่ของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรธน. และต้องให้โอกาส กมธ.ได้ศึกษาก่อน ส่วนจะแก้ในประเด็นใดบ้าง ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ และยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีธง ในการจะไม่แก้ไขรธน.
โพลหนุนโละ"ผบ.เหล่าทัพ"พ้นส.ว.
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง"แก้รัฐธรรมนูญ กับผบ.เหล่าทัพ" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,162 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 2 - 4 ม.ค.63ได้ผลสรุปดังนี้
กรณี ข้อเสนอของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในการแก้รธน. ให้ ผบ.เหล่าทัพไม่ต้องเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 75.4 เห็นด้วย เพราะไม่เหมาะสมที่รับเงินซ้อนหลายทาง ตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพสำคัญสุด ทำตรงนั้นให้ดีที่สุดต่อชาติบ้านเมือง ควรแยกออกให้ชัดเจน อำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ควรทำทุกอย่างให้ชัด เป็นอิสระจากกัน และหน้าที่ส.ว.ไม่ใช่หน้าที่ของเหล่าทัพ เป็นต้น
ในขณะที่ ร้อยละ 24.6 ไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย และไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าแก้ปัญหาศก. เร่งแก้ศก. ก่อนแก้รธน.
เมื่อถามถึงกลุ่มคนที่พูดแล้วทำให้รู้สึกว่า ศก.แย่ที่สุด พบว่าจำนวนมาก หรือร้อยละ 43.7 ระบุ เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล รองลงมา คือร้อยละ 20.7 เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน ,ร้อยละ 12.8 เป็นนักวิชาการ , ร้อยละ 2.6 เป็นหมอดู และร้อยละ 20.2 ระบุอื่นๆ เช่น พูดกันเองปากต่อปาก นักธุรกิจ นักศึกษา คนทุกกลุ่ม เป็นต้น
ที่น่าเป็นห่วง คือ เมื่อถามถึงความรู้สึก ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า กลุ่มคนรู้สึกเฉยๆ ลดฮวบลงจาก ร้อยละ 77.4 ในเดือนต.ค.62 มาอยู่ที่ร้อยละ 42.8 ในช่วงต้นเดือนม.ค.นี้ แต่กระจายไปอยู่ในกลุ่มคนรู้สึกไม่ดี มีผลเสีย ร้อยละ 30.7 และ กลุ่มคนรู้สึกดี มีผลดี ร้อยละ 26.5
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่ากลุ่มคนที่มีความหวังจะก้าวต่อไปข้างหน้า ลดลงจาก ร้อยละ 68.5 ในเดือนต.ค.62 มาอยู่ที่ร้อยละ 52.2 ในต้นเดือนม.ค. และกลุ่มคนรู้สึกกลัวที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 31.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 47.8
