ผู้จัดการรายวัน360- ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมเร่งรัดแบน 3 สารพิษ เมื่อครบกำหนด 1 ม.ค. 63 ยอมรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอขยายเวลาได้ แต่ต้องมีเหตุผล อย่าอ้างเวลา เพราะเตือนมาแล้วหลายครั้ง ชี้ควรแบนในส่วนของสารที่สามารถทำได้ทันที
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึง มติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่เลื่อนแบน 3 สารพิษออกไปเป็นเดือน มิ.ย.63 ขณะที่ผู้ตรวจฯ มีมติให้แบน 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ในวันที่ 1 ม.ค.63 ซึ่งมีเวลา 13 เดือน ในการเตรียมการ ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ผู้ตรวจฯ ให้คำแนะนำไป ก็จะไม่เกิดผลเสียหายเช่นนี้ โดยการประชุมผู้ตรวจฯ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีความเห็นว่า การนำเข้าสารพิษทั้ง 3 ชนิดนี้ ปริมาณการนำเข้าตั้งแต่ มิ.ย.62 ที่กรมวิชาการเกษตรบอกว่าได้ยุติการออกใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งผู้ตรวจฯได้ตรวจพบว่า มีการแจ้งองค์การการค้าโลกทราบตั้งแต่เดือนต.ค.62
ส่วนที่ระบุว่า เมื่อห้ามนำเข้าไกลโฟเซตแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการปลูกถั่วเหลือง และต้องมีการนำเข้าจากประเทศบราซิล อเมริกา ซึ่งถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเป็นพืชจีเอ็มโอ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารสำหรับคนและสัตว์แล้ว ผู้ตรวจฯกังวล เพราะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารที่มีสารพิษตกค้าง ถ้าจะห้ามเรื่องไกลโฟเซต จะต้องไปกำหนดว่า หน่วยวัดที่เรายอมให้มีสารตกค้างของไกลโฟเซต มีแค่ไหนถึงก่ออันตราย รวมถึงจะต้องมีการปิดฉลากในผลิตภัณฑ์อาหาร ว่ามีการใช้ถั่วเหลือง ที่มีการใช้สารไกลโฟเซตตกค้างกี่หน่วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้และผู้บริโภคก็ต้องรับความเสี่ยงต่อไป
"เป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะรู้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วเป็นอันตราย และต้องรับผิดชอบสุขภาพของตัวเอง ทางผู้ตรวจฯ ก็จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูเรื่องการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง ทั้งนี้การดำเนินงานของกรมวิชาการเกษตร ที่มีการวิจัยการหาสารชีวพันธุ์ในแต่ละปีดำเนินการไปถึงไหน ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร ผู้ตรวจฯจะขอความร่วมจากองค์อิสระอื่น เช่น สตง. ที่จะช่วยผู้ตรวจฯ ตรวจการใช้งบประมาณผลการทำงานในการใช้งบประมาณคุ้มค่าหรือไม่ และที่สำคัญได้ขอรายงานที่ประชุมของคณะกรรมการฯ 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ 22 ต.ค.62 และ 27 พ.ย.62 เพื่อมาพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการด้วยความรอบคอบอย่างไร ซึ่งจะครบกำหนด 30 วัน ในเดือนม.ค.63
เมื่อถามว่า หน่วยงานสามารถขอขยายเวลาส่งรายงานได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิขยายได้ แต่ต้องมีเหตุพอสมควร ส่วนการแบน 3 สารพิษ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดูเป็นการกดดันรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้มองว่าโอกาสที่จะแบน สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ในเมื่อพาราควอต และคลอร์ไพรีฟอส มีแนวโน้มที่จะแบนได้ แต่ต้องดูว่ากระบวนการที่นำไปสู่การแบนเป็นอย่างไร ซึ่งมติคณะกรรมการฯ มีการขยายการแบนถึงเดือนมิ.ย.63 ซึ่งก่อนหน้านี้มีเสียงคัดค้าน คณะกรรมการฯก็คงเกรงว่าภายใน 1 เดือน ปริมาณสารพิษที่มีอยู่ในมือผู้นำเข้า หรือเกษตรกรจะทำลายอย่างไร ซึ่งเห็นว่าตั้งแต่ที่ออกมติมา กรมวิชาการเกษตรต้องไปควบคุมให้ดี เมื่อถึงมิ.ย.63 แล้วต้องมีคำตอบ ไม่ใช่มาขอต่อรอง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีในการทำงานของข้าราชการ ที่จะมาต่อรองอยู่เรื่อย
ส่วนการควบคุม ไกลโฟเซต เป็นเหมือนทาง 2 แพร่ง ถ้าแบนก็ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยัน ถ้าไม่แบน ต้องมีมาตรการอย่างน้อยที่สุดต้องปิดฉลากว่า ผลิตภัณฑ์อาหารมีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่กี่หน่วย ถ้าถึงกำหนดแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขอขยายระยะเวลาอีก ผู้ตรวจฯ ก็มีอำนาจที่จะส่งต่อไปยังองค์กรอิสระอื่นที่ลงโทษทางวินัย อาญา และแพ่ง
"ผู้ตรวจฯ ไม่ประสงค์จะไปใช้อำนาจเช่นนั้น ต้องการให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอยู่ในขอบเขต รวมถึงไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรอิสระ พร้อมทั้งหวังว่า คำวินิจฉัยที่ออกไปแล้ว ถือว่าผู้ตรวจฯ ได้ช่วยทำงาน อย่างประเด็นที่บอกว่าห้ามใช้ในพื้นที่สูง หมายถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซน เอ ผู้ตรวจฯ เห็นว่าไม่มีการเพาะปลูกในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน เป็นการเขียนไว้อย่างสวยหรู ซึ่งความเป็นจริงพื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่าง และใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งสารมันกระจายไปทั่ว" พล.อ.วิทวัส กล่าว
ประธานผู้ตรวจฯ ยังกล่าวด้วยว่า การที่จะเอากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. มาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจการใช้สารพิษแต่ละพื้นที่ ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง มีความสัมพันธ์ในชุมชน จึงไม่มีทางไปตรวจสอบ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของท่านจะเอาคนเหล่านี้ไปช่วยตรวจฯ คงทำไม่ได้ เข้าใจว่าที่มีการขยายระยะเวลาแบนไปถึงเดือนมิ.ย.นั้น อาจเป็นเพราะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายใน 1 เดือน แต่ต้องทราบด้วยว่า ผู้ตรวจฯได้ให้เวลาถึง 13 เดือนแล้ว และได้มีการบอกขั้นตอนการดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตามหลังได้รับรายงานผู้ตรวจฯ จะเชิญหน่วยงานมาหารือ ถึงเหตุผลที่ขอขยายเวลา รวมถึงตัวเลขปริมาณสารเคมีที่มีอยู่ ปริมาณการใช้แต่ละพื้นที่เพาะปลูก หากทำให้ละเอียดรอบคอบ ฝ่ายต่างๆ ก็คงจะเห็นด้วย
เมื่อถามว่าที่ยังดำเนินการแบนไม่ได้ เป็นเพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เรื่องผลประโยชน์ทุกคนคงระวัง คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรู้ว่าตัวเองทำอะไรในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น เพราะข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้ตรวจฯ ก็สามารถหาได้ และทุกภาคส่วนก็หาได้ เพราะอยู่ในโลกข้อมูล แต่ต้องระวังว่าสิ่งที่ท่านไม่ให้ แล้วคนอื่นไปได้มาจากแหล่งอื่น จึงอยากให้มาร่วมมือช่วยกันดีกว่า
--------
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึง มติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่เลื่อนแบน 3 สารพิษออกไปเป็นเดือน มิ.ย.63 ขณะที่ผู้ตรวจฯ มีมติให้แบน 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ในวันที่ 1 ม.ค.63 ซึ่งมีเวลา 13 เดือน ในการเตรียมการ ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ผู้ตรวจฯ ให้คำแนะนำไป ก็จะไม่เกิดผลเสียหายเช่นนี้ โดยการประชุมผู้ตรวจฯ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีความเห็นว่า การนำเข้าสารพิษทั้ง 3 ชนิดนี้ ปริมาณการนำเข้าตั้งแต่ มิ.ย.62 ที่กรมวิชาการเกษตรบอกว่าได้ยุติการออกใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งผู้ตรวจฯได้ตรวจพบว่า มีการแจ้งองค์การการค้าโลกทราบตั้งแต่เดือนต.ค.62
ส่วนที่ระบุว่า เมื่อห้ามนำเข้าไกลโฟเซตแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการปลูกถั่วเหลือง และต้องมีการนำเข้าจากประเทศบราซิล อเมริกา ซึ่งถั่วเหลืองที่นำเข้ามาเป็นพืชจีเอ็มโอ เมื่อนำมาแปรรูปเป็นอาหารสำหรับคนและสัตว์แล้ว ผู้ตรวจฯกังวล เพราะตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องที่เกี่ยวกับอาหารที่มีสารพิษตกค้าง ถ้าจะห้ามเรื่องไกลโฟเซต จะต้องไปกำหนดว่า หน่วยวัดที่เรายอมให้มีสารตกค้างของไกลโฟเซต มีแค่ไหนถึงก่ออันตราย รวมถึงจะต้องมีการปิดฉลากในผลิตภัณฑ์อาหาร ว่ามีการใช้ถั่วเหลือง ที่มีการใช้สารไกลโฟเซตตกค้างกี่หน่วย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้และผู้บริโภคก็ต้องรับความเสี่ยงต่อไป
"เป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะรู้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วเป็นอันตราย และต้องรับผิดชอบสุขภาพของตัวเอง ทางผู้ตรวจฯ ก็จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูเรื่องการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง ทั้งนี้การดำเนินงานของกรมวิชาการเกษตร ที่มีการวิจัยการหาสารชีวพันธุ์ในแต่ละปีดำเนินการไปถึงไหน ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร ผู้ตรวจฯจะขอความร่วมจากองค์อิสระอื่น เช่น สตง. ที่จะช่วยผู้ตรวจฯ ตรวจการใช้งบประมาณผลการทำงานในการใช้งบประมาณคุ้มค่าหรือไม่ และที่สำคัญได้ขอรายงานที่ประชุมของคณะกรรมการฯ 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ 22 ต.ค.62 และ 27 พ.ย.62 เพื่อมาพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการด้วยความรอบคอบอย่างไร ซึ่งจะครบกำหนด 30 วัน ในเดือนม.ค.63
เมื่อถามว่า หน่วยงานสามารถขอขยายเวลาส่งรายงานได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เขาก็มีสิทธิขยายได้ แต่ต้องมีเหตุพอสมควร ส่วนการแบน 3 สารพิษ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดูเป็นการกดดันรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้มองว่าโอกาสที่จะแบน สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ในเมื่อพาราควอต และคลอร์ไพรีฟอส มีแนวโน้มที่จะแบนได้ แต่ต้องดูว่ากระบวนการที่นำไปสู่การแบนเป็นอย่างไร ซึ่งมติคณะกรรมการฯ มีการขยายการแบนถึงเดือนมิ.ย.63 ซึ่งก่อนหน้านี้มีเสียงคัดค้าน คณะกรรมการฯก็คงเกรงว่าภายใน 1 เดือน ปริมาณสารพิษที่มีอยู่ในมือผู้นำเข้า หรือเกษตรกรจะทำลายอย่างไร ซึ่งเห็นว่าตั้งแต่ที่ออกมติมา กรมวิชาการเกษตรต้องไปควบคุมให้ดี เมื่อถึงมิ.ย.63 แล้วต้องมีคำตอบ ไม่ใช่มาขอต่อรอง นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีในการทำงานของข้าราชการ ที่จะมาต่อรองอยู่เรื่อย
ส่วนการควบคุม ไกลโฟเซต เป็นเหมือนทาง 2 แพร่ง ถ้าแบนก็ต้องมีหลักฐานทางการแพทย์มายืนยัน ถ้าไม่แบน ต้องมีมาตรการอย่างน้อยที่สุดต้องปิดฉลากว่า ผลิตภัณฑ์อาหารมีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่กี่หน่วย ถ้าถึงกำหนดแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขอขยายระยะเวลาอีก ผู้ตรวจฯ ก็มีอำนาจที่จะส่งต่อไปยังองค์กรอิสระอื่นที่ลงโทษทางวินัย อาญา และแพ่ง
"ผู้ตรวจฯ ไม่ประสงค์จะไปใช้อำนาจเช่นนั้น ต้องการให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอยู่ในขอบเขต รวมถึงไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรอิสระ พร้อมทั้งหวังว่า คำวินิจฉัยที่ออกไปแล้ว ถือว่าผู้ตรวจฯ ได้ช่วยทำงาน อย่างประเด็นที่บอกว่าห้ามใช้ในพื้นที่สูง หมายถึงพื้นที่ป่าอนุรักษ์โซน เอ ผู้ตรวจฯ เห็นว่าไม่มีการเพาะปลูกในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน เป็นการเขียนไว้อย่างสวยหรู ซึ่งความเป็นจริงพื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่าง และใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งสารมันกระจายไปทั่ว" พล.อ.วิทวัส กล่าว
ประธานผู้ตรวจฯ ยังกล่าวด้วยว่า การที่จะเอากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต. มาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจการใช้สารพิษแต่ละพื้นที่ ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ด้วยความเป็นพี่เป็นน้อง มีความสัมพันธ์ในชุมชน จึงไม่มีทางไปตรวจสอบ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของท่านจะเอาคนเหล่านี้ไปช่วยตรวจฯ คงทำไม่ได้ เข้าใจว่าที่มีการขยายระยะเวลาแบนไปถึงเดือนมิ.ย.นั้น อาจเป็นเพราะไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายใน 1 เดือน แต่ต้องทราบด้วยว่า ผู้ตรวจฯได้ให้เวลาถึง 13 เดือนแล้ว และได้มีการบอกขั้นตอนการดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ตามหลังได้รับรายงานผู้ตรวจฯ จะเชิญหน่วยงานมาหารือ ถึงเหตุผลที่ขอขยายเวลา รวมถึงตัวเลขปริมาณสารเคมีที่มีอยู่ ปริมาณการใช้แต่ละพื้นที่เพาะปลูก หากทำให้ละเอียดรอบคอบ ฝ่ายต่างๆ ก็คงจะเห็นด้วย
เมื่อถามว่าที่ยังดำเนินการแบนไม่ได้ เป็นเพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง หรือไม่ พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า เรื่องผลประโยชน์ทุกคนคงระวัง คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรรู้ว่าตัวเองทำอะไรในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น เพราะข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งผู้ตรวจฯ ก็สามารถหาได้ และทุกภาคส่วนก็หาได้ เพราะอยู่ในโลกข้อมูล แต่ต้องระวังว่าสิ่งที่ท่านไม่ให้ แล้วคนอื่นไปได้มาจากแหล่งอื่น จึงอยากให้มาร่วมมือช่วยกันดีกว่า
--------