xs
xsm
sm
md
lg

รักษาสุขภาพให้ดีเพื่อปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ก่อนอำลาปี 2562 รัฐบาลคณะ 3 ลุงนึกว่าจะได้ฉลองความสุขเต็มหัวอกสำหรับความสามารถในการอยู่รอดมาได้ อย่างที่ได้จัดปาร์ตี้รื่นเริงกับ ส.ส.ของพรรค แกนนำ รัฐมนตรีบางกระทรวงจัดงานเลี้ยงข้าราชการ สร้างบรรยากาศสมานฉันท์ชื่นมื่น

ว่าจะไปได้สวย สำหรับการเริ่มต้นปีหนูทอง 2563 อยู่แล้วเชียว ดันมีเหตุทำให้อารมณ์ขุ่นมัวจนได้ สำหรับบางรายอาจรู้สึกอยากกระอักเลือด ช้ำในหัวอก หน้าม้าน เมื่อนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลฟื้นธรรมเนียมปฏิบัติตั้งฉายา หลังจากพักไว้ 6 ปี

ตั้งฉายามาแล้ว เป็นเหมือนการระบายความอัดอั้นตันใจ ภายใต้ยุคท็อปบูตกุมอำนาจรัฐ ที่สื่อส่วนใหญ่ต้องทำตัวลีบ แสดงความคิดเห็นไม่ได้ จะเสี่ยงต่อการถูกเรียกตัวไปปรับทัศนคติโดยคณะขุนทหาร ซึ่งสำแดงอำนาจบารมีแบบไร้แรงต้าน

เริ่มด้วยฉายา “รัฐบาลเชียงกง” สะท้อนให้เห็นสภาวะด้อยคุณภาพของคนในคณะรัฐมนตรี และ ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นทั้งสินค้าด้อยค่า เศษเหล็ก สิ่งปฏิกูลและของชำรุด ขึ้นสนิมผุกร่อน กองอยู่ในร้านจำหน่ายอะไหล่ในร้านเชียงกง

แทบไม่ต้องบรรยายภาพ “เชียงกง” ให้เห็น ซ้ำร้ายอาจจะย่ำแย่ถึงขนาดเป็น “ขยะ” อะไหล่ ใช้ทำอะไรไม่ได้ รอวันถูกขายทิ้งไปเข้าเตาหลอมแปรสภาพ เมื่อเสนาบดีและเครือข่ายคนรัฐบาลมีคุณภาพระดับ “เชียงกง” ผลงานไม่ต้องพูดมาก

ฝีมือการบริหารเศรษฐกิจอยู่ในขั้นทำให้ธุรกิจ “ซาเล้ง” เก็บขยะ ขวดเปล่า กล่องกระดาษ เศษเหล็กไปชั่งกิโลขาย ก็ยังเจ๊งตามกิจการอื่นๆ ที่ปิดไปก่อนแล้ว ทำให้กลุ่มคนรายได้น้อย ด้อยสิทธิทำมาหากินอยู่แบบอกไหม้ไส้ขม จมในทะเลน้ำตา

สำหรับลุงหัวหน้ารัฐบาล สื่อตั้งฉายาว่า “อิเหนาเมาหมัด” ทำให้ยิ่งกว่าเจ็บแสบคันๆ ลุงออกอาการลมบ่จอย หน้าบูดข้ามคืน ไม่ปลื้มกับทั้ง 2 ฉายามาก จนต้องอาศัยอีเวนท์ผัดไทโชว์ที่ทำเนียบฯ ฟื้นอารมณ์ดีขึ้นบ้าง แต่ยังไม่วายแขวะสื่อ

ฉายาของรัฐมนตรีอื่นๆ ก็แสบร้อน ขึ้นอยู่กับว่าใครมีอารมณ์ละเอียดอ่อน รับได้ รับไม่ได้ ถ้าบางรายดูแล้วไม่รู้สึกขำ ไม่รู้ร้อนหนาว แสดงว่ามีความหนาของผิวหน้าพอสมควรกับความเป็นนักการเมืองที่ต้องทนกับแรงเสียดทานเบาถึงหนัก

ถือว่าฉายาเป็นการ “เล่นแรง” ใช้ได้ สะท้อนสภาพที่เป็นอยู่และอารมณ์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี และคงไม่ทำให้สื่อเชียร์ เชลียร์แล้วรวยรู้สึกปลื้ม ต้องออกมาแก้ต่างตอบโต้บ้าง เพื่อให้คุ้มค่ากับข้าวสุกข้าวสาร และน้ำข้าวที่ได้รับการปรนเปรอ

ถ้าจะมองในแง่บวก ซึ่งคณะ 3 ลุงมองไม่เป็นเพราะความผยองลำพองอำนาจ ก็ต้องถือว่าเป็นการกระตุกชายเสื้อพวกลุงและคณะให้รู้สึกตัว และคิดได้ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และต้องทำตัวอย่างไรในการบริหารบ้านเมือง เพื่อให้ประชาชนลดทุกข์

ไม่หลงระเริงกับสื่อเชลียร์และโพลอวยสุดๆ โดยบางสำนัก ซึ่งทำให้คณะ 3 ลุงรู้สึกเหมือนตัวลอยด้วยความภูมิใจในผลงาน หรืออยู่ในอาการลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่ใส่ใจกับความทุกข์ของอาณาประชาราษฎร์ ทำตัวเป็นภาระของแผ่นดิน

ช่วงรอยต่อระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ คณะ 3 ลุงน่าจะใช้เวลามองย้อนกลับไปว่าผลงานการบริหารเป็นอย่างไร เศรษฐกิจของประเทศ และของชาวบ้านโดยรวมดีขึ้นหรือเลวลง หรือประเมินว่าทำมาอย่างนี้แล้วประชาชนยังยอมทนอยู่ได้เพราะอะไร
ตัวเลขที่เลวร้ายด้านเศรษฐกิจในปี 2562 จะต้องลามเข้าสู่ปีใหม่ด้วย แนวโน้มที่จะทรุดลงกว่าที่เป็นอยู่ก็มีความเป็นไปได้มาก เพราะปัจจัย สถานการณ์ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศต่างบ่งชี้ให้เห็นชัดว่าจากนี้ไปจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

ด้านการเมือง รัฐบาลคณะ 3 ลุงคงไม่เผชิญปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” ในสภาอีกเมื่อมีทั้งงูเห่าและ ส.ส.จากการเลือกตั้งซ่อมมาเสริม โอกาสที่จะได้มาอีกจากกิจกรรม “แจกกล้วย” ยังใช้ได้เสมอ เศรษฐกิจเน่าอย่างนี้ ทุกคนต้องคิดถึงตัวเองก่อน

ยิ่งมองไปข้างหน้าไม่เห็นอนาคตจะดีขึ้นอย่างไร พวก ส.ส.ที่ทรัพยากรไม่สมบูรณ์ย่อมต้องหาแหล่งเสบียงป้องกันการอดอยากปากแห้ง ถ้ามีสถานการณ์พลิกผันด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก กันไว้ดีกว่าแก้

ถ้าจะหวังว่ารัฐบาลคณะ 3 ลุงจะยกระดับการเก่งฉกาจ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจตายซากให้พลิกฟื้นได้นั้น คงเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ผู้ว่าแบงก์ชาติคาดการณ์ไว้แล้วว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะเป็น 2.8 เปอร์เซ็นต์ เขยิบจาก 2.5 ปีนี้ ถ้าไม่ตกต่ำกว่าเดิม

อย่างปี 2562 มีคนฝันหวานจัดไว้ว่าจะขยายตัวถึง 4 เปอร์เซ็นต์ ผลสุดท้ายปรับลดเรื่อยๆ กว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ดูหน้าตา ฝีมือคนบริหารแล้ววังเวงหนักกว่าเดิม

เอาเหอะ เมื่อรู้อย่างนี้ก็ต้องเตรียมพร้อม เป็น “เผาจริง” หรือ “เก็บกระดูก” ก็เลี่ยงไม่ได้ ถ้ายังอยู่ในสภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่มีรายได้ ก็ต้องประหยัดและหารายได้เสริมโดยวิธีสุจริต ความหวังว่าจะมี “ปาฏิหาริย์” หรือ “อภินิหาร” เลิกคิดได้

สิ่งที่ต้องพยายามทำให้สำเร็จคือการรักษาสุขภาพของเราให้ดี ปราศจากโรคภัย ต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะสุขภาพจิต อย่าให้จิตตก สุขภาพกายและใจจะทรุดโทรม มีเงินน้อยก็ต้องหาเวลาออกกำลังกายให้แข็งแรง เจ็บป่วยจะลำบาก

มีเงินแต่ร่างกายไม่แข็งแรง มีโรคร้าย ก็ต้องเอาเงินรักษาชีวิต มีเงินพัน หมื่นล้านแต่เดินไม่ได้ นั่งรถเข็น กิน นอน หายใจทางท่อ เข้าๆ ออกๆ แต่โรงพยาบาล จะมีความสุขได้อย่างไร มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่มีความหมาย ถ้าไม่มีโอกาสได้ใช้

เห็นเจ้าสัว อภิมหาเศรษฐี ร่ำรวยหลายแสนล้านบาท ก็มีความสุขกับเวลาหาเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ แต่ทุกคนก็อยากมีเงินเยอะๆ

อยู่ตามสภาพเศรษฐกิจพอเพียง สุขภาพสำคัญที่สุด สวัสดีปีใหม่ครับ!


กำลังโหลดความคิดเห็น