ผู้จัดการรายวัน360-"ดีเอสไอ" ส่งสรุปสำนวนคดีฆาตกรรม "บิลลี่" ให้อัยการฟ้อง "ชัยวัฒน์"กับพวก รวม 6 ข้อหา มั่นใจพยานหลักฐานครบถ้วน ทนายเผยทำให้ทั่วโลกเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมไทย ส่วน"มึนอ"พอใจ กระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง ด้านอัยการตั้งคณะทำงานแล้ว มั่นใจเร่งพิจารณาทันฝากขังสุดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ธ.ค.) พ.ต.ท.เชน กาญจนปัทม์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ และ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่ถูกฆาตกรรม ได้ร่วมแถลงข่าวความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 คน ใน 6 ข้อหา
พ.ต.ท.เชนกล่าวว่า จะนำสำนวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ พร้อมหลักฐาน 17 แฟ้ม 3 ลัง ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องคดีต่อศาล หลังได้ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในคดีอย่างละเอียดและครบถ้วนที่สุดแล้ว และในชั้นอัยการจะมีเวลาในการสรุปสำนวนภายใน 40 วัน ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ และพวก ได้ปฎิเสธ ไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวนก่อนหน้านี้ แต่ได้เปลี่ยนใจร้องขอโดยระบุว่าจะขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้เวลาถึงวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายชัยวัฒน์ ก็ไม่ได้ส่งคำให้การมาแต่อย่างใด
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวก 6 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้อาวุธข่มขืนใจและใช้กำลังประทุษร้าย ปล้นทรัพย์ ทุจริตเพื่ออำพรางศพ และกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ โดยคดีนี้ ทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะนายบิลลี่เป็นนักต่อสู้เพื่อนักสิทธิมนุษยชน และไม่เคยมีศัตรู ซึ่งการสั่งฟ้องในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และทำให้ทั่วโลกเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย มีมาตรฐานเป็นไปตามหลักสากล
ด้านน.ส.พิณนภา กล่าวว่า ดีใจและพอใจกับการทำงานของดีเอสไอ ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง และเมื่อคดีเดินเข้ามาถึงจุดนี้ ก็ไม่มีใครมาข่มขู่คุกคาม และได้รับการดูแลจากกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างดี
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายฐาปนา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มอบสำนวนให้นายชวรัตน์ วงศ์นะบูรณ์ อัยการพิเศษสำนักงานคดีพิเศษ 1 รับผิดชอบตรวจพิจารณาสำนวนและทำความเห็นเสนอตามลำดับชั้น โดยจะพิจารณาคดีโดยรวดเร็ว โปร่งใส ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และจะพิจารณาสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเงื่อนไขเวลา เพราะขณะนี้ คดีนี้เหลือเวลาฝากขังอีกประมาณเดือนเศษ ซึ่งหากอัยการมีความเห็นสั่งคดีไปในทางใดก็จะแจ้งให้ผู้ต้องหารับทราบผลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 ธ.ค.) พ.ต.ท.เชน กาญจนปัทม์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ และ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ "บิลลี่" แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่ถูกฆาตกรรม ได้ร่วมแถลงข่าวความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 คน ใน 6 ข้อหา
พ.ต.ท.เชนกล่าวว่า จะนำสำนวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ พร้อมหลักฐาน 17 แฟ้ม 3 ลัง ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องคดีต่อศาล หลังได้ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในคดีอย่างละเอียดและครบถ้วนที่สุดแล้ว และในชั้นอัยการจะมีเวลาในการสรุปสำนวนภายใน 40 วัน ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์ และพวก ได้ปฎิเสธ ไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวนก่อนหน้านี้ แต่ได้เปลี่ยนใจร้องขอโดยระบุว่าจะขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้เวลาถึงวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายชัยวัฒน์ ก็ไม่ได้ส่งคำให้การมาแต่อย่างใด
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ดีเอสไอมีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวก 6 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้อาวุธข่มขืนใจและใช้กำลังประทุษร้าย ปล้นทรัพย์ ทุจริตเพื่ออำพรางศพ และกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ โดยคดีนี้ ทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะนายบิลลี่เป็นนักต่อสู้เพื่อนักสิทธิมนุษยชน และไม่เคยมีศัตรู ซึ่งการสั่งฟ้องในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และทำให้ทั่วโลกเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทย มีมาตรฐานเป็นไปตามหลักสากล
ด้านน.ส.พิณนภา กล่าวว่า ดีใจและพอใจกับการทำงานของดีเอสไอ ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่จริง และเมื่อคดีเดินเข้ามาถึงจุดนี้ ก็ไม่มีใครมาข่มขู่คุกคาม และได้รับการดูแลจากกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างดี
ขณะที่นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นายฐาปนา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มอบสำนวนให้นายชวรัตน์ วงศ์นะบูรณ์ อัยการพิเศษสำนักงานคดีพิเศษ 1 รับผิดชอบตรวจพิจารณาสำนวนและทำความเห็นเสนอตามลำดับชั้น โดยจะพิจารณาคดีโดยรวดเร็ว โปร่งใส ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และจะพิจารณาสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเงื่อนไขเวลา เพราะขณะนี้ คดีนี้เหลือเวลาฝากขังอีกประมาณเดือนเศษ ซึ่งหากอัยการมีความเห็นสั่งคดีไปในทางใดก็จะแจ้งให้ผู้ต้องหารับทราบผลต่อไป