“ผบช.ภาค4” คุม “สมคิด พุ่มพวง” ทำแผนประกอบคำรับสารภาพจากขอนแก่นถึงบุรีรัมย์ ชาวบ้านนับร้อยเรียกร้องให้ประหารชีวิต หนุ่มเพื่อนบ้านเหยื่อโดดชกได้ 1 หมัด เจ้าตัวขอใช้สิทธิไม่ทำแผนในบ้านหลังเกิดเหตุ อ้างกลัวเครียด ตร.ตั้งข้อหาฆ่า-ทารุณ-อำพรางศพ ลั่นทำเต็มที่ให้ศาลประหาร ไม่เชื่อข้ออ้างบันดาลโทสะจนฆ่าเหยื่อ
วานนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 (ผบช.ภ.4) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น และ พนักงานสอบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ได้คุมตัว นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.น.ส.รัศมี มุลิจันทร์ แม่บ้านโรงแรมวัย 51 ปี หลังจากที่ได้มีการควบคุมมาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยบริเวณลานหน้า สภ.กระนวน มีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านใน อ.กระนวน หลายร้อยคน เดินทางมาชุมนุม พร้อมถือป้าย “ประหาร” มายืนตะโกนเรียกร้องให้ประหารนายสมคิดสถานเดียว
โดย พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ได้ออกมาแถลงความคืบหน้าและขอความร่วมมือประชาชน โดยกล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการนำตัวนายสมคิด จาก จ.นครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ ที่ห้องรับรองปานรักษา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น ตำรวจได้นำตัวมาสอบปากคำต่อที่สถานีตำรวจภูธรกระนวน จนถึงเวลา 07.00 น. โดยจากการสอบปากคำ นายสมคิด มีท่าทีเครียด เป็นระยะ ๆ ก่อนที่ จะปฏิเสธทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ บ้านของผู้ตาย โดยอ้างว่า จะทำให้เกิดความเครียดและไม่อยากกลับไปเหยียบที่นั้นอีก
“จากการสอบปากคำตลอดทั้งคืน นายสมคิด ให้การรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้ก็จะขออำนาจศาลฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ตำรวจต้องตรึงกำลังอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันประชาชนจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์นายสมคิด เจ้าหน้าที่เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน แต่ทางตำรวจต้องทำตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในบ้านที่เกิดเหตุ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพนักงานสอบสวนได้มีการจำลองเหตุการณ์ ภายในห้องสอบสวน บันทึกเป็นภาพทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน และจะทำคดีนี้ให้ดีที่สุด เพื่อทำนวนให้บรรยายให้ศาลเห็นถึงพฤติการณ์ที่โหดเหี้ยมของนายสมคิด โดยได้ตั้ง 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และลักทรัพย์” ผบช.ภ.4 ระบุ
จากนั้นตำรวจได้นำตัวนายสมคิด ออกจากห้องขัง สภ.กระนวน เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรก ที่บริเวณร้านขายเนื้อวัวสด ตรงข้ามวัดใหม่ชัยมงคล อ.กระนวน ซึ่งเป็นจุดที่นายสมคิด มาขึ้นรถโดยสารเพื่อหลบหนีเข้า อ.เมืองขอนแก่น หลังฆ่าผู้ตายที่บ้านพัก ซึ่งจุดนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ปิดกันถนนทั้ง 2 ด้าน แต่ปรากฏว่า ในระหว่างที่ตำรวจกำลังนำตัวนายสมคิดกลับขึ้นบนรถตู้ตำรวจ เพื่อไปทำแผนจุดที่ 2 ได้มีชาวบ้านเป็นชายคนหนึ่ง แหวกวงล้อมตำรวจ แล้วใช้มือชกเข้าที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยของนายสมคิด จนทำให้นายสมคิดถึงกลับเสียหลัก และหันกลับมาด่าทอมือชก ส่วนผู้ที่ลงมือชกได้วิ่งออกจากจุดทำแผน พร้อมกับยกมือ 2 ข้างขึ้นท่าทางดีใจที่ได้ชกผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำตัวนายสมคิดเข้าไปในรถตู้ตำรวจ และขับออกจากจุดทำแผนทันที
ส่วนจุดทำแผนจุดที่ 2 คือ บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ภายในโรงพยาบาลขอนแก่น ห่างจาก อ.กระนวน ประมาณ 50 กิโลเมตร จุดนี้เป็นจุดที่นายสมคิดนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาจอดไว้ ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.62 ก่อนจะเกิดเหตุฆาตกรรม โดยอ้างว่านำรถจักรยานยนต์มาซ่อม แต่ภายหลังก่อเหตุ นายสมคิดได้นั่งรถโดยสารจาก อ.กระนวน แล้วมาขับเอารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใน รพ.ขอนแก่น หลบหนีไปทาง จ.มหาสารคาม และจุดที่ 3 เป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ ภายใน รพ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดที่นายสมคิด นำรถจักยานยนต์มาจอดไว้ ก่อนที่จะเดินไปเติมเงินโทรศัพท์ที่ร้านสะดวกซื้อ ฝั่งตรงข้าม รพ.มหาสารคาม ก่อนจะนำตัวไปทำแผนที่ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.บุรีรัมย์ และจะนำตัวกลับมาที่ จ.ขอนแก่น เพื่อขออำนาจศาลฝากขังพลัดแรกในวันที่ 20 ธ.ค.นี้
อีกด้าน ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. เปิดเผยว่า แม้นายสมคิดจะให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ ไม่ได้เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และเชื่อว่าก่อนลงมือก่อเหตุนายสมคิด นั้นน่าจะมีการวางแผนเตรียมการมาก่อนที่จะลงมือ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณวันที่ 12 ธ.ค. นายสมคิดได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้ที่ รพ.ขอนแก่น โดยอ้างกับผู้ตายว่านำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเมื่อตรวจสอบสภาพรถพบว่า ไม่ได้มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะเป็นการนำไปจอดเพื่อเตรียมใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าการก่อเหตุของนายสมคิด น่าจะมีการเตรียมการมาก่อนนั้น เนื่องจากการสืบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสมคิด ได้มีการวางแผนหลอกให้ นางรัศมี ดาวน์รถยนต์ให้ โดยออกอุบายว่าจะแต่งงานด้วย และทำทีจะพาไปออกรถให้ที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง แต่อ้างว่าตัวเองติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต จึงให้นางรัศมี เป็นคนจองรถและดำเนินการทำธุรกรรมเกี่ยวกับซื้อรถแทน และเมื่อทราบว่าโอกาสที่นางรัศมี จะซื้อรถได้นั้นมีอยู่น้อยจึงเริ่มตีตัวออกห่าง แต่ นางรัศมี ผู้ตายไม่ยอม จึงทำให้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายสมคิด เตรียมการที่จะไปก่อเหตุกับเหยื่อผู้หญิงใหม่อีกราย เป็นรายที่ 7 หลังพบข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อนัดเจอกับหญิงคนดังกล่าวจากโทรศัพท์ของนายสมคิดที่ทำหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ก่อนนั้น พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง เนื่องจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของ น.ส.สุมาลี (สงวนนามสกุล) แฟนสาวของนายสมคิด ที่ จ.ชัยภูมิ ที่คบหากันมานานเกือบครึ่งปี หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ โดยนายสมคิด กับ น.ส.สุมาลี เริ่มคบหากันตั้งแต่เมื่อ มิ.ย. 2562 หลังจากได้พบเจอกันที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ผ่านการแนะนำติดต่อของ น.ส.แตง (นามสมมติ) หญิงสาวอีกรายที่นายสมคิด เคยไปทำทีตีสนิทแต่ว่า น.ส.แตง มีสามีอยู่แล้ว นายสมคิดจึงได้หันไปคบหากับ น.ส.สุมาลี เพื่อนของ น.ส.แตง แทน ก่อนทั้งคู่จะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันพร้อมกับเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งในระหว่างที่อยู่กินด้วยกันนั้น น.ส.สุมาลี ไม่เคยทราบเลยว่านายสมคิด คือฆาตกรต่อเนื่องที่พ้นโทษออกมาเนื่องจากถูกนายสมคิด หลอกว่าตนเองเป็นทนายความ
“ระหว่างที่นายสมคิด และ น.ส.สุมาลี ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้น นายสมคิด ได้แอบติดต่อกับนางรัศมี ผู้ตาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่ น.ส.สุมาลี สร้างขึ้นมาให้ กระทั่งวันที่ 1 ธ.ค. นายสมคิด ได้ออกอุบายหลอก น.ส.สุมาลี ว่าจะไปทำงานด้านกฎหมายในพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี ออกมาจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ระยอง ก่อนจะเดินทางต่อมายังพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อมาหานางรัศมี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ารถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี นั้น ถูกนายสมคิด นำไปจอดทิ้งไว้ที่ใด” ผกก.3 กล่าว
วานนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 (ผบช.ภ.4) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น และ พนักงานสอบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ได้คุมตัว นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.น.ส.รัศมี มุลิจันทร์ แม่บ้านโรงแรมวัย 51 ปี หลังจากที่ได้มีการควบคุมมาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยบริเวณลานหน้า สภ.กระนวน มีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านใน อ.กระนวน หลายร้อยคน เดินทางมาชุมนุม พร้อมถือป้าย “ประหาร” มายืนตะโกนเรียกร้องให้ประหารนายสมคิดสถานเดียว
โดย พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ได้ออกมาแถลงความคืบหน้าและขอความร่วมมือประชาชน โดยกล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการนำตัวนายสมคิด จาก จ.นครราชสีมา เพื่อสอบปากคำ ที่ห้องรับรองปานรักษา กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น ตำรวจได้นำตัวมาสอบปากคำต่อที่สถานีตำรวจภูธรกระนวน จนถึงเวลา 07.00 น. โดยจากการสอบปากคำ นายสมคิด มีท่าทีเครียด เป็นระยะ ๆ ก่อนที่ จะปฏิเสธทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ บ้านของผู้ตาย โดยอ้างว่า จะทำให้เกิดความเครียดและไม่อยากกลับไปเหยียบที่นั้นอีก
“จากการสอบปากคำตลอดทั้งคืน นายสมคิด ให้การรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้ก็จะขออำนาจศาลฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ตำรวจต้องตรึงกำลังอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันประชาชนจะเข้ามารุมประชาทัณฑ์นายสมคิด เจ้าหน้าที่เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน แต่ทางตำรวจต้องทำตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะไม่ยอมไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในบ้านที่เกิดเหตุ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพนักงานสอบสวนได้มีการจำลองเหตุการณ์ ภายในห้องสอบสวน บันทึกเป็นภาพทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน และจะทำคดีนี้ให้ดีที่สุด เพื่อทำนวนให้บรรยายให้ศาลเห็นถึงพฤติการณ์ที่โหดเหี้ยมของนายสมคิด โดยได้ตั้ง 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และลักทรัพย์” ผบช.ภ.4 ระบุ
จากนั้นตำรวจได้นำตัวนายสมคิด ออกจากห้องขัง สภ.กระนวน เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรก ที่บริเวณร้านขายเนื้อวัวสด ตรงข้ามวัดใหม่ชัยมงคล อ.กระนวน ซึ่งเป็นจุดที่นายสมคิด มาขึ้นรถโดยสารเพื่อหลบหนีเข้า อ.เมืองขอนแก่น หลังฆ่าผู้ตายที่บ้านพัก ซึ่งจุดนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ปิดกันถนนทั้ง 2 ด้าน แต่ปรากฏว่า ในระหว่างที่ตำรวจกำลังนำตัวนายสมคิดกลับขึ้นบนรถตู้ตำรวจ เพื่อไปทำแผนจุดที่ 2 ได้มีชาวบ้านเป็นชายคนหนึ่ง แหวกวงล้อมตำรวจ แล้วใช้มือชกเข้าที่ศีรษะบริเวณท้ายทอยของนายสมคิด จนทำให้นายสมคิดถึงกลับเสียหลัก และหันกลับมาด่าทอมือชก ส่วนผู้ที่ลงมือชกได้วิ่งออกจากจุดทำแผน พร้อมกับยกมือ 2 ข้างขึ้นท่าทางดีใจที่ได้ชกผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบนำตัวนายสมคิดเข้าไปในรถตู้ตำรวจ และขับออกจากจุดทำแผนทันที
ส่วนจุดทำแผนจุดที่ 2 คือ บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ ภายในโรงพยาบาลขอนแก่น ห่างจาก อ.กระนวน ประมาณ 50 กิโลเมตร จุดนี้เป็นจุดที่นายสมคิดนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาจอดไว้ ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.62 ก่อนจะเกิดเหตุฆาตกรรม โดยอ้างว่านำรถจักรยานยนต์มาซ่อม แต่ภายหลังก่อเหตุ นายสมคิดได้นั่งรถโดยสารจาก อ.กระนวน แล้วมาขับเอารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ใน รพ.ขอนแก่น หลบหนีไปทาง จ.มหาสารคาม และจุดที่ 3 เป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ ภายใน รพ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นจุดที่นายสมคิด นำรถจักยานยนต์มาจอดไว้ ก่อนที่จะเดินไปเติมเงินโทรศัพท์ที่ร้านสะดวกซื้อ ฝั่งตรงข้าม รพ.มหาสารคาม ก่อนจะนำตัวไปทำแผนที่ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.บุรีรัมย์ และจะนำตัวกลับมาที่ จ.ขอนแก่น เพื่อขออำนาจศาลฝากขังพลัดแรกในวันที่ 20 ธ.ค.นี้
อีกด้าน ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. เปิดเผยว่า แม้นายสมคิดจะให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ ไม่ได้เป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ และเชื่อว่าก่อนลงมือก่อเหตุนายสมคิด นั้นน่าจะมีการวางแผนเตรียมการมาก่อนที่จะลงมือ เนื่องจากแนวทางสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุประมาณวันที่ 12 ธ.ค. นายสมคิดได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้ที่ รพ.ขอนแก่น โดยอ้างกับผู้ตายว่านำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเมื่อตรวจสอบสภาพรถพบว่า ไม่ได้มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด เชื่อว่าน่าจะเป็นการนำไปจอดเพื่อเตรียมใช้เป็นยานพาหนะในการหลบหนี อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ทำให้เชื่อว่าการก่อเหตุของนายสมคิด น่าจะมีการเตรียมการมาก่อนนั้น เนื่องจากการสืบสวนพบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสมคิด ได้มีการวางแผนหลอกให้ นางรัศมี ดาวน์รถยนต์ให้ โดยออกอุบายว่าจะแต่งงานด้วย และทำทีจะพาไปออกรถให้ที่โชว์รูมแห่งหนึ่ง แต่อ้างว่าตัวเองติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต จึงให้นางรัศมี เป็นคนจองรถและดำเนินการทำธุรกรรมเกี่ยวกับซื้อรถแทน และเมื่อทราบว่าโอกาสที่นางรัศมี จะซื้อรถได้นั้นมีอยู่น้อยจึงเริ่มตีตัวออกห่าง แต่ นางรัศมี ผู้ตายไม่ยอม จึงทำให้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายสมคิด เตรียมการที่จะไปก่อเหตุกับเหยื่อผู้หญิงใหม่อีกราย เป็นรายที่ 7 หลังพบข้อมูลการโทรศัพท์ติดต่อนัดเจอกับหญิงคนดังกล่าวจากโทรศัพท์ของนายสมคิดที่ทำหล่นไว้ในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะมาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ก่อนนั้น พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง เนื่องจากการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของ น.ส.สุมาลี (สงวนนามสกุล) แฟนสาวของนายสมคิด ที่ จ.ชัยภูมิ ที่คบหากันมานานเกือบครึ่งปี หลังจากพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ โดยนายสมคิด กับ น.ส.สุมาลี เริ่มคบหากันตั้งแต่เมื่อ มิ.ย. 2562 หลังจากได้พบเจอกันที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ผ่านการแนะนำติดต่อของ น.ส.แตง (นามสมมติ) หญิงสาวอีกรายที่นายสมคิด เคยไปทำทีตีสนิทแต่ว่า น.ส.แตง มีสามีอยู่แล้ว นายสมคิดจึงได้หันไปคบหากับ น.ส.สุมาลี เพื่อนของ น.ส.แตง แทน ก่อนทั้งคู่จะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันพร้อมกับเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง ซึ่งในระหว่างที่อยู่กินด้วยกันนั้น น.ส.สุมาลี ไม่เคยทราบเลยว่านายสมคิด คือฆาตกรต่อเนื่องที่พ้นโทษออกมาเนื่องจากถูกนายสมคิด หลอกว่าตนเองเป็นทนายความ
“ระหว่างที่นายสมคิด และ น.ส.สุมาลี ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้น นายสมคิด ได้แอบติดต่อกับนางรัศมี ผู้ตาย ผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่ น.ส.สุมาลี สร้างขึ้นมาให้ กระทั่งวันที่ 1 ธ.ค. นายสมคิด ได้ออกอุบายหลอก น.ส.สุมาลี ว่าจะไปทำงานด้านกฎหมายในพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี ออกมาจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ระยอง ก่อนจะเดินทางต่อมายังพื้นที่ จ.ขอนแก่น เพื่อมาหานางรัศมี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ารถจักรยานยนต์ของ น.ส.สุมาลี นั้น ถูกนายสมคิด นำไปจอดทิ้งไว้ที่ใด” ผกก.3 กล่าว