ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “สมคิด พุ่มพวง” ฆาตกรต่อเนื่องคอตกรับสารภาพสิ้นฆ่าเหยื่อสาวขอนแก่น ศพที่ 6 อ้างเหตุทะเลาะกันโมโหลงมือบีบคอฆ่าโดยไม่รู้ตัว ขโมย จยย. หลบหนีไปสารคาม-ร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์แล้วขึ้นรถไปมุ่งหน้าอยุธยาฯ ก่อนถูกรวบที่โคราช เผยรู้จักเหยื่อทางเฟซฯ 1 เดือน ตกลงเป็นแฟนวางแผนจะแต่งงานกัน ตร.เตรียมมอบเงินพลเมืองดีแจ้งเบาะแส
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้( 18 ธ.ค. ) ที่ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ. 3) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ( ผบช.ภ. 4) , พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม , พล.ต.ต.สุจินต์ นิลพานิชย์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และ นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายสมคิด พุ่มพวง หรือ บัง อายุ 51 ปี ฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น คดีฆ่ารัดคอ นางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี แม่บ้านโรงแรม ในบ้านเลขที่ 293 หมู่ 19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น แล้วหลบหนี
โดย ล่าสุดเมื่อเวลา 10.45 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง อ.ปากช่อง ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟสถานีปากช่อง รวม 10 นายวางแผน เข้าควบคุมตัว นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ คาตู้รถไฟ ขบวนที่ ข.234 กรุงเทพ - สุรินทร์ โดยพบนายสมคิด อยู่ภายในตู้โดยสารที่ 2 สภาพแต่งกายปิดบังอำพรางตัวมิดชิด นั่งปะปนอยู่กับผู้โดยสารทั่วไป กระทั่งมีประชาชนสังเกตเห็นบุคคลมีลักษณะคล้ายผู้ต้องหา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและควบคุมตัว
จากนั้นได้ควบคุมตัวเดินทางมายัง กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ภายใน ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผบช.ภ.3 และ รอง ผบช.ภ.3 ได้ร่วมกันทำการสอบสวนด้วยตัวเอง 2-3 รอบนานกว่า 1 ชั่วโมง ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจร่องรอยการต่อสู้ตามร่างกาย โดยมีแพทย์ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดเนื่องจาก นายสมคิด มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าเป้คล้ายเป้ทหาร มีเพียงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เสื่อ ลอตเตอรี่ มุ้ง และ เต็นท์ ทั้งนี้ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายสมคิด มีอาการเรียบเฉย สีหน้าเคร่งเครียด แต่ไม่ได้แสดงอาการตกใจแต่อย่างใด
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความกังวลและห่วงใยประชาชนในคดีที่เกิดขึ้นจึงได้สั่งการให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ รวมทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ตร.ภ.3 และ ตร.ภ.4 และกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดยผู้บังคับการกองปราบนำกำลังติดตามตลอดในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันนี้ ( 18 ธ.ค.) ประสบความสำเร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครองและทหารได้ร่วมกันจับกุม นายสมคิด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จ.ขอนแก่น ในข้อหาหาฆ่าคนตายโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน จับได้ในขณะที่โดยสารรถไฟ ขึ้นที่ สถานีรถไฟ จ.บุรีรัมย์ เดินทางมากับขบวนรถไฟขวนที่ 234 จนถึงสถานีปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง , ตำรวจกองปราบปราม และ ตำรวจรถไฟ ฝ่ายปกครอง ทหารได้สนธิกำลังขึ้นตรวจค้นจนกระทั่งพบตัวนายสมคิด ที่พยายามอำพรางตัวนั่งมาในขบวนรถไฟ เมื่อตรวจสอบแล้วใช่บุคคลเดียวกันตามหมายจับตัวจริงและยอมรับสารภาพ จึงได้จับกุมตัวมาดำเนินคดี ทั้งนี้ทางตำรวจจะประสานพลเมืองดีที่เป็นคนแจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุม เพื่อมอบเงินรางวัลนำจับจำนวน 50,000 บาท ให้ต่อไป
“คดีนี้ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะสุภาพสตรีคลายความกังวลไปในระดับหนึ่งว่า ไม่ปล่อยให้บุคคลซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนอยู่ในพื้นที่สังคมเรา ขณะนี้เป็นที่สบายใจได้ ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าทะเลาะกันก่อน ” พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าว
พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ. 4 กล่าวว่า คดีนี้ นายสมคิด ได้ก่อเหตุฆาตกรรมในพื้นที่ สภ.กระนวน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2562 หลังจากฆ่าโดยการบีบคอฆาตกรรมแล้วได้เอารถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียชีวิตขับขี่หลบหนี โดยใช้เส้นทางการหลบหนีไปยัง จ.มหาสารคาม นอนค้าง 1 คืน ต่อไป จ.ร้อยเอ็ด และคืนที่ 2 นอนค้างคืนที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ โดยกางมุ้งนอนปะปนอยู่กับญาติผู้ป่วย เพื่อป้องกันถูกจับกุม ก่อนจอดจักรยานยนต์ของผู้ตาย ทิ้งไว้ แล้วขึ้นรถไฟ หลบหนีไป จ.อยุธยา
สุดท้ายเมื่อเช้าที่ผ่านมาพลเมืองดีแจ้งเบาะแสไปทาง รอง ผบก.ตร.ภ.4 จ.ขอนแก่น และมีการประสานงามมายัง ตร.ภ.3 พื้นที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมสนธิกำลังกันตรวจสอบเป้าหมายดังกล่าวจนกระทั่งเจอตัวนายสมคิด ตรงตามที่พลเมืองดีแจ้งจึงแสดงตัวเข้าจับกุม และหลังจากนี้จะได้นำตัวนายสมคิด ไปทำการสอบสวนและทำแผนประกอบคำรับสารภาพและดำเนินคดีที่ จ.ขอนแก่น ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา รวมทั้งจะนำตัวไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อหาสารเสพติดรวมถึงตรวจสภาพจิตอย่างละเอียด เพราะลงมือก่อเหตุฆ่าหญิงสาวแบบเดียวกันมาต่อเนื่องหลายคดี
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม กล่าวว่า ผู้ต้องหาออกจากเรือนจำมาตั้งแต่ วันที่ 17 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมาและใช้ชีวิตปกติ ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง จากการให้การว่า ได้รู้จักกับหญิงที่เป็นเหยื่อรายแรกทางเฟซบุ๊กประมาณ 1 เดือน ตกลงเป็นแฟนกันวางแผนจะแต่งงานกัน และจากนั้นมีการทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน จึงเกิดความโมโหและลงมือบีบคอฆ่าเหยื่อดังกล่าว ตามที่ให้การไม่ได้เตรียมการมาก่อนเป็นการบันดาลโทสะ
การก่อเหตุในครั้งนี้มีความใกล้เคียงกับ 5 คดีที่เกิดก่อ และทั้งหมด 6 ครั้ง ที่ลงมือฆ่ามีวิธีฆ่า 3 วิธีคือ การเอาหัวกดน้ำ , การใช้มือบีบคอ และ ผ้ารัดคอ ซึ่ง นายสมคิด บอกว่าเมื่อเกิดการโมโหแล้วจะไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป และหลังจากฆ่าแล้วเอาศพไว้ใต้เตียงเป็นการอำพรางศพ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับเบื้องหลังจากจับกุมตัวนายสมคิด ได้ครั้งนี้ กำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปากช่อง โดยการนำของ พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่องฯ จำนวน 10 นาย นอกเครื่องแบบได้เข้าปะปนกับผู้โดยสารอื่นๆ ร่วมกับตำรวจรถไฟ อีก 2 นาย ที่ทำท่าทีเป็นตรวจตั๋วโดยสารตามปกติ โดยวางแผนสนธิกำลังแบ่งเป็น 6 นายเดินจากหัวขบวนรถไฟ และอีก 6 นายเดินจากท้ายขบวนรถไฟ บีบเข้าหาไปยังตู้โดยสารหรือโบกี้ที่ 2 ที่นายสมคิด นั่งโดยสารอยู่ ซึ่งเป็นขบวนรถไฟชั้น 3 เมื่อถึงโบกี้ที่ 2 ชุดสืบสวนและตำรวจรถไฟ ทั้ง 12 นาย ได้ประกบล้อมที่นั่งและตะครุบตัว นายสมคิด ได้ โดยผู้ต้องหาไม่ได้มีโอกาสต่อสู้หรือขัดขืนแต่อย่างใด