ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" บ่นนอนไม่หลับ เครียดหลายเรื่อง เงินเหลือน้อย งบประมาณปี 63 ยังไม่ผ่านสภาฯ วอนทุกพรรคให้ความร่วมมือ ยันไม่เคยพูดเรื่องปรับครม. แต่อาจจะมีการทบทวนอีกครั้ง หลังงบฯ ปี 63 ผ่านการพิจารณา และเปิดทางฝ่ายค้านเข้าร่วม พร้อมชวน "วิ่งเพื่อแผ่นดิน"เมืองกาญจน์ เย้ย "วิ่ง ไล่ ลุง" ไร้สาระ ไม่เกิดประโยชน์
วานนี้ (11ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในสภาฯ ในระหว่างร่วมงานประชาสัมพันธ์กัญชาทางการแพทย์ ว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นอนไปแค่ 3 ชั่วโมง เพราะนอนไม่หลับ เครียดหลายเรื่องขณะนี้มีปัญหาเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะในการใช้จ่ายงบประมาณ ทุกโครงการดีหมด แต่อยู่ที่วิธีการจะทำอย่างไรให้การใช้จ่ายงบประมาณนั้นพอเพียง คุ้มค่า และต้องเรียงลำดับความสำคัญและความจำเป็น แต่ประมาณเรายังมีปัญหาคือยังไม่ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ถ้าไม่ผ่านก็จะยิ่งช้า อะไรก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเป็นเงินงบฯ ปี 63
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯพูดถึงช่วงนี้ ได้มีผู้ร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นว่า นายกฯก็ใช้บารมี โดยนายกฯ กล่าวว่าบารมีอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกพรรค ปัญหาสำคัญคือเรื่องบประมาณ สุดท้ายก็อยากได้โครงการเยอะแยะไปหมด เพียงแต่ว่าในเรื่องงบประมาณในมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.งบประมาณฯ ระบุไว้ว่ากรณีที่เป็นงบฯรายจ่ายข้ามปี การขอเบิกเงินจากคลังตามงบฯรายจ่ายข้ามปีนั้นให้กระทำได้เฉพาะในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบฯรายจ่าย เว้นแต่เป็นงบฯรายจ่ายข้ามปี ที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นกำหนดเวลา และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบ หรือข้อบังคับ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังให้ขยายขอเบิกเงินจากคลังได้ไม่เกิน 3 เดือนปฏิทิน
ตอนนี้เงินเหลือน้อยแล้ว เพราะเราใช้งบฯปี 63 ไปพลางก่อนแล้ว และได้จำนวนหนึ่งเท่านั้นเอง งบฯส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็ดูแลประชาชน ดูแลเกษตรกร แต่บางส่วนต้องใช้ในงบฯการลงทุนด้วย ถ้าเราใช้ตรงนี้ไปมากๆภาระเรื่องงบฯรายจ่ายประจำก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องให้อยู่แล้ว แต่ต้องทยอย อย่างเรื่องขึ้นค่าแรงงานต้องทยอย เพราะเป็นมติของ 3 ฝ่าย ก็ให้เท่านี้ไปก่อน ส่วนนโยบายหาเสียงก็อีกเรื่องค่อยเดินหน้าไป การขึ้นค่าแรง หากเราไปทดสอบฝีมือแรงงานจะมีใบรับรอง เวลาไปสมัครงานที่อื่นที่ใช้วิชาชีพ ราคาค่าแรงก็จะสูงขึ้น 400-500-600 บาทก็มี แม้กระทั่งปูกระเบื้อง ก็มีค่าแรงหลายระดับ สูงถึง 1,000 บาทก็มี อยู่ที่ฝีมือด้วย ซึ่งทุกคนต้องพัฒนาไปสู่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นวันหน้าถ้าเราขึ้นมากไปโรงงานขนาดเล็กจะแย่ เพราะมีแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าว ถ้าขึ้นหมดปัญหาจะเงินที่ไหนมาให้ คนที่จ่ายคือโรงงาน แล้วโรงงานต้องไปขึ้นราคาสินค้า ก็เดือดร้อนกลับมาอีกรอบ ขอให้คิดแบบนี้และรัฐบาลก็คิดแบบนี้ ก็จะทำให้แฮปปี้ทุกคน หากจ่ายๆ ไปแล้วทุกอย่างพังมาก็กลับมาที่รัฐบาล ซึ่งนโยบายดีอยู่แล้วเมื่อถึงเวลาก็ต้องทำให้ แต่ทุกคนต้องปรับไปด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากเครียดเรื่องงบฯ แล้วเรื่องปรับ ครม. ที่มีข่าวออกมากังวลด้วยหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กุข่าวขึ้นมาเองหรือเปล่า อย่ากุข่าว ไม่ได้พูดอะไร เมื่อถามว่าแสดงว่ามีคนปล่อยข่าว หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า สื่อนั่นแหละปล่อย จำได้ไม่เคยพูด แล้วใครพูด แสดงว่ามีคนพูดแล้วสื่อไปขยายต่อ
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เรื่องการเมืองพอได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ผมยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ส่วนใครจะไป ใครจะมา ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องหารือกัน และสุดท้ายตนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะตนเป็นผู้นำรัฐบาล
“ผมยืนยันว่า กระแสปรับ ครม. ไม่มีจริงๆ ไม่มีหรอก ครม.เพิ่งเข้ามาทำงาน 3-4 เดือน แผนงานและโครงการต่างๆ วันนี้ก็ใช้เงินไปอย่างประหยัด เท่าที่มีเงินอยู่ และยังไม่มีปัญหาอะไร แต่คงต้องรอดูหลังจากมีพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 และถ้าการพิจารณาผ่านวาระ 2 และ 3 เรียบร้อย เสามารถใช้เงินได้ ก็ต้องไปดูว่าโครงการต่างๆ มีประสิทธิภาพหรือไม่ แล้วถึงจะไปถึงหลักการในการปรับครม. ซึ่งในการปรับครม. ไม่ว่า ใครจะไปจะมา ต้องไปดูถึงสัดส่วนว่า ใครจะไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาล มีคนเท่าไหร่ สัดส่วนควรได้เท่าไหร่ ไปรวมกับพรรคไหน อยู่กับพรรคใคร ก็ต้องไปคุยกัน ซึ่งมีขั้นตอนอีกมากมาย แต่ยืนยันว่า วันนี้ยังไม่มีความคิดในเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าใครจะมาช่วยก็ยินดี ผมเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล อะไรที่ดี และเกิดผลประโยชน์กับประชาชน มันควรสนับสนุนกันบ้าง ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ก็จะค้านตลอด ค้านทุกเรื่อง จนทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งนั้นเป็นอันตรายสำหรับประเทศเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
"บิ๊กตู่"ชวน"วิ่งเพื่อแผ่นดิน"เมืองกาญจน์
ขณะเดียวกัน หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าว ถึงการจัดงาน Trail Running “วิ่งเพื่อแผ่นดิน”ตามรอยสงครามเก้าทัพ ในอุทยานประวัติศาสตร์ สงคราม 9 ทัพ จ.กาญจนบุรี ภายใต้ชื่อ SIAM TRAIL 2019 ระหว่าง 13-15 ธ.ค.นี้ ว่า เพื่อเป็นการสร้างการตื่นตัวให้ออกกำลังกาย กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างความรักธรรมชาติ เสริมความเข้าใจ ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ โดยจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมวิ่งทั้งหมด 6 ระยะคือ ระยะที่หนึ่ง 52 กม. สำหรับนักวิ่งมืออาชีพ นักวิ่งจากต่างประเทศ ที่ให้ความสนใจกันมาก ระยะที่สอง 36 กม. สำหรับพวกชอบความท้าทาย เคยวิ่งเทรลมาแล้วหลายสนาม ระยะที่สาม 17 กม. สำหรับผู้ที่วิ่งเทรล มาแล้ว และวิ่งบนถนน ระยะที่สี่ 13 กม. สำหรับมือใหม่ อยากทดลองวิ่ง ระยะที่ห้า 5 กม. สำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย ระยะที่หก 3 กม. สำหรับครอบครัว เด็กผู้สูงอายุ ที่สนใจเข้าร่วม
"นายกฯน่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะ 60 กว่าแล้ว พอวิ่งได้ วิ่งเสร็จก็ทำงานไม่ไหว มันไม่ได้ ต้องฟิตร่างกายมากกว่านี้อีกหน่อย ก็อย่าหาเรื่องรกสมองมาให้ฉันเยอะนัก อะไรก็จะให้นายกฯหมดทุกอัน"
"ขอให้ทุกคนช่วยกันวิ่งเพื่อแผ่นดิน เรื่องวิ่งไล่ตาม วิ่งไล่ลุง ไร้สาระ เยอะ ไม่เกิดประโยชน์" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
วานนี้ (11ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวช่วงหนึ่งถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในสภาฯ ในระหว่างร่วมงานประชาสัมพันธ์กัญชาทางการแพทย์ ว่า เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นอนไปแค่ 3 ชั่วโมง เพราะนอนไม่หลับ เครียดหลายเรื่องขณะนี้มีปัญหาเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะในการใช้จ่ายงบประมาณ ทุกโครงการดีหมด แต่อยู่ที่วิธีการจะทำอย่างไรให้การใช้จ่ายงบประมาณนั้นพอเพียง คุ้มค่า และต้องเรียงลำดับความสำคัญและความจำเป็น แต่ประมาณเรายังมีปัญหาคือยังไม่ผ่านการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ถ้าไม่ผ่านก็จะยิ่งช้า อะไรก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเป็นเงินงบฯ ปี 63
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯพูดถึงช่วงนี้ ได้มีผู้ร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นว่า นายกฯก็ใช้บารมี โดยนายกฯ กล่าวว่าบารมีอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ทุกพรรค ปัญหาสำคัญคือเรื่องบประมาณ สุดท้ายก็อยากได้โครงการเยอะแยะไปหมด เพียงแต่ว่าในเรื่องงบประมาณในมาตรา 28 ตาม พ.ร.บ.งบประมาณฯ ระบุไว้ว่ากรณีที่เป็นงบฯรายจ่ายข้ามปี การขอเบิกเงินจากคลังตามงบฯรายจ่ายข้ามปีนั้นให้กระทำได้เฉพาะในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบฯรายจ่าย เว้นแต่เป็นงบฯรายจ่ายข้ามปี ที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นกำหนดเวลา และได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบ หรือข้อบังคับ เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลังให้ขยายขอเบิกเงินจากคลังได้ไม่เกิน 3 เดือนปฏิทิน
ตอนนี้เงินเหลือน้อยแล้ว เพราะเราใช้งบฯปี 63 ไปพลางก่อนแล้ว และได้จำนวนหนึ่งเท่านั้นเอง งบฯส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็ดูแลประชาชน ดูแลเกษตรกร แต่บางส่วนต้องใช้ในงบฯการลงทุนด้วย ถ้าเราใช้ตรงนี้ไปมากๆภาระเรื่องงบฯรายจ่ายประจำก็มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องให้อยู่แล้ว แต่ต้องทยอย อย่างเรื่องขึ้นค่าแรงงานต้องทยอย เพราะเป็นมติของ 3 ฝ่าย ก็ให้เท่านี้ไปก่อน ส่วนนโยบายหาเสียงก็อีกเรื่องค่อยเดินหน้าไป การขึ้นค่าแรง หากเราไปทดสอบฝีมือแรงงานจะมีใบรับรอง เวลาไปสมัครงานที่อื่นที่ใช้วิชาชีพ ราคาค่าแรงก็จะสูงขึ้น 400-500-600 บาทก็มี แม้กระทั่งปูกระเบื้อง ก็มีค่าแรงหลายระดับ สูงถึง 1,000 บาทก็มี อยู่ที่ฝีมือด้วย ซึ่งทุกคนต้องพัฒนาไปสู่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นวันหน้าถ้าเราขึ้นมากไปโรงงานขนาดเล็กจะแย่ เพราะมีแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าว ถ้าขึ้นหมดปัญหาจะเงินที่ไหนมาให้ คนที่จ่ายคือโรงงาน แล้วโรงงานต้องไปขึ้นราคาสินค้า ก็เดือดร้อนกลับมาอีกรอบ ขอให้คิดแบบนี้และรัฐบาลก็คิดแบบนี้ ก็จะทำให้แฮปปี้ทุกคน หากจ่ายๆ ไปแล้วทุกอย่างพังมาก็กลับมาที่รัฐบาล ซึ่งนโยบายดีอยู่แล้วเมื่อถึงเวลาก็ต้องทำให้ แต่ทุกคนต้องปรับไปด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากเครียดเรื่องงบฯ แล้วเรื่องปรับ ครม. ที่มีข่าวออกมากังวลด้วยหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กุข่าวขึ้นมาเองหรือเปล่า อย่ากุข่าว ไม่ได้พูดอะไร เมื่อถามว่าแสดงว่ามีคนปล่อยข่าว หรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า สื่อนั่นแหละปล่อย จำได้ไม่เคยพูด แล้วใครพูด แสดงว่ามีคนพูดแล้วสื่อไปขยายต่อ
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เรื่องการเมืองพอได้แล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ผมยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ส่วนใครจะไป ใครจะมา ก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องหารือกัน และสุดท้ายตนจะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะตนเป็นผู้นำรัฐบาล
“ผมยืนยันว่า กระแสปรับ ครม. ไม่มีจริงๆ ไม่มีหรอก ครม.เพิ่งเข้ามาทำงาน 3-4 เดือน แผนงานและโครงการต่างๆ วันนี้ก็ใช้เงินไปอย่างประหยัด เท่าที่มีเงินอยู่ และยังไม่มีปัญหาอะไร แต่คงต้องรอดูหลังจากมีพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 และถ้าการพิจารณาผ่านวาระ 2 และ 3 เรียบร้อย เสามารถใช้เงินได้ ก็ต้องไปดูว่าโครงการต่างๆ มีประสิทธิภาพหรือไม่ แล้วถึงจะไปถึงหลักการในการปรับครม. ซึ่งในการปรับครม. ไม่ว่า ใครจะไปจะมา ต้องไปดูถึงสัดส่วนว่า ใครจะไปอยู่พรรคร่วมรัฐบาล มีคนเท่าไหร่ สัดส่วนควรได้เท่าไหร่ ไปรวมกับพรรคไหน อยู่กับพรรคใคร ก็ต้องไปคุยกัน ซึ่งมีขั้นตอนอีกมากมาย แต่ยืนยันว่า วันนี้ยังไม่มีความคิดในเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าใครจะมาช่วยก็ยินดี ผมเคยบอกไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล อะไรที่ดี และเกิดผลประโยชน์กับประชาชน มันควรสนับสนุนกันบ้าง ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ก็จะค้านตลอด ค้านทุกเรื่อง จนทำอะไรไม่ได้เลย สิ่งนั้นเป็นอันตรายสำหรับประเทศเรา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
"บิ๊กตู่"ชวน"วิ่งเพื่อแผ่นดิน"เมืองกาญจน์
ขณะเดียวกัน หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าว ถึงการจัดงาน Trail Running “วิ่งเพื่อแผ่นดิน”ตามรอยสงครามเก้าทัพ ในอุทยานประวัติศาสตร์ สงคราม 9 ทัพ จ.กาญจนบุรี ภายใต้ชื่อ SIAM TRAIL 2019 ระหว่าง 13-15 ธ.ค.นี้ ว่า เพื่อเป็นการสร้างการตื่นตัวให้ออกกำลังกาย กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างความรักธรรมชาติ เสริมความเข้าใจ ปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ โดยจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ มีกิจกรรมวิ่งทั้งหมด 6 ระยะคือ ระยะที่หนึ่ง 52 กม. สำหรับนักวิ่งมืออาชีพ นักวิ่งจากต่างประเทศ ที่ให้ความสนใจกันมาก ระยะที่สอง 36 กม. สำหรับพวกชอบความท้าทาย เคยวิ่งเทรลมาแล้วหลายสนาม ระยะที่สาม 17 กม. สำหรับผู้ที่วิ่งเทรล มาแล้ว และวิ่งบนถนน ระยะที่สี่ 13 กม. สำหรับมือใหม่ อยากทดลองวิ่ง ระยะที่ห้า 5 กม. สำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย ระยะที่หก 3 กม. สำหรับครอบครัว เด็กผู้สูงอายุ ที่สนใจเข้าร่วม
"นายกฯน่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะ 60 กว่าแล้ว พอวิ่งได้ วิ่งเสร็จก็ทำงานไม่ไหว มันไม่ได้ ต้องฟิตร่างกายมากกว่านี้อีกหน่อย ก็อย่าหาเรื่องรกสมองมาให้ฉันเยอะนัก อะไรก็จะให้นายกฯหมดทุกอัน"
"ขอให้ทุกคนช่วยกันวิ่งเพื่อแผ่นดิน เรื่องวิ่งไล่ตาม วิ่งไล่ลุง ไร้สาระ เยอะ ไม่เกิดประโยชน์" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว