พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทหารประกอบดนตรี "ราชวัลลภเริงระบำ" ที่จ.นครนายก ทรงมีพระราชดำรัสให้นำทักษะราชวัลลภเริงระบำไปประยุกต์ใช้ต่อภารกิจต่างๆ ของหน่วย เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน
วานนี้ (8 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี "ราชวัลลภเริงระบำ" และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2562 ที่โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
ในการนี้ ทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ หน่วยชนะเลิศ ต่อจากนั้น ทรงวางพานพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาที่ประทับลานการแสดงทางทหารประกอบดนตรี ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” (Hop to the bodies slams) และกองทหารเกียรติยศประจำปี 2562 ซึ่งผู้แสดงจัดจากหน่วยที่ได้รับคัดเลือกและจัดการแสดงสาธิตการฝึกของกองทัพไทย จำนวน 3 กรม ประกอบด้วย กรมฮอป (HOP) หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง , กรมฮอป ( HOP) หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน , กรมทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 จำนวน 837 นาย ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานคู่มือฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” พุทธศักราช 2559 และแบบฝึกทางทหารประกอบดนตรี“ราชวัลลภเริงระบำ” ให้นำไปดำเนินการฝึกกำลังพลของกองทัพไทย โดยกองทัพไทยได้ดำเนินการฝึกตามพระบรมราโชบายและนำไปขยายผลให้กับทหารทุกหน่วยจนถึงระดับกองพัน เพื่อให้กำลังพลมีการปฏิบัติที่เข้มแข็งพร้อมเพรียง มีวินัย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธของกำลังพล
ทั้งนี้ กองทัพไทย ได้ดำเนินการฝึกกำลังพลอย่างเข็มแข็ง และจัดการแข่งขันการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” โดยมีหน่วยเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ จำนวนทั้งสิ้น 17 กรม 51 กองพัน ใช้เวลาในการคัดเลือกเป็นระยะเวลา 3 เดือน จนได้หน่วยที่ดีที่สุด 3 ลำดับ และยังได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ เพื่อให้การปฏิบัติของกองทหารเกียรติยศมีความเป็นมาตรฐาน เกิดความสง่างาม และเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีโดยมีหน่วยเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ จำนวน 108 กองพันใช้เวลาในการคัดเลือก เป็นระยะเวลา 3 เดือน จนได้หน่วยที่ดีที่สุด 2 ลำดับ จากนั้น ได้พระราชทานรางวัลการแข่งขันให้กับผู้ชนะ
โอกาสนี้ พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่ทุกท่านมีความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน และพยายามฝึกฝน จนมาถึงวันแห่งความสำเร็จในวันนี้ จากการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสฝึกฝนและปฏิบัติการแสดงราชวัลลภเริงระบำด้วยตนเองมาแล้วนั้น ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักและซาบซึ้งเป็นอย่างดีว่าทุกท่านต้องผ่านการฝึกด้วยความอดทน มุ่งมั่น มีระเบียบวินัย ต้องใช้สมาธิและทักษะเป็นอย่างมาก ในการที่จะผ่านการแสดงราชวัลลภเริงระบำนี้ไปได้
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้ร่างกายและจิตใจของเราเข้มแข็งแล้ว ยังสามารถนำท่าทางที่เราได้เรียนรู้ไปปฏิบัติหน้าที่ถวายงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีในหมู่ผู้บังคับบัญชาและกำลังพล ซึ่งสอดคล้องกับชีวิตจริงในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันเป็นหน่วย ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อความสำเร็จลุล่วงของภารกิจ ข้าพเจ้าขอให้ทุกท่านจงรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้ผ่านการฝึกฝนจนมาถึงความสำเร็จในวันนี้ และขอให้ทุกท่านได้นำประโยชน์ของการแสดงราชวัลลภเริงระบำนี้ ถ่ายทอดไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนนำไปประยุกต์ ปฏิบัติใช้ต่อภารกิจต่างๆ ของหน่วย เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และประชาชนสืบต่อไป
วานนี้ (8 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี "ราชวัลลภเริงระบำ" และกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2562 ที่โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
ในการนี้ ทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ หน่วยชนะเลิศ ต่อจากนั้น ทรงวางพานพุ่มดอกไม้ ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังพลับพลาที่ประทับลานการแสดงทางทหารประกอบดนตรี ทอดพระเนตรการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” (Hop to the bodies slams) และกองทหารเกียรติยศประจำปี 2562 ซึ่งผู้แสดงจัดจากหน่วยที่ได้รับคัดเลือกและจัดการแสดงสาธิตการฝึกของกองทัพไทย จำนวน 3 กรม ประกอบด้วย กรมฮอป (HOP) หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง , กรมฮอป ( HOP) หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน , กรมทหารราบที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 จำนวน 837 นาย ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานคู่มือฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” พุทธศักราช 2559 และแบบฝึกทางทหารประกอบดนตรี“ราชวัลลภเริงระบำ” ให้นำไปดำเนินการฝึกกำลังพลของกองทัพไทย โดยกองทัพไทยได้ดำเนินการฝึกตามพระบรมราโชบายและนำไปขยายผลให้กับทหารทุกหน่วยจนถึงระดับกองพัน เพื่อให้กำลังพลมีการปฏิบัติที่เข้มแข็งพร้อมเพรียง มีวินัย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธของกำลังพล
ทั้งนี้ กองทัพไทย ได้ดำเนินการฝึกกำลังพลอย่างเข็มแข็ง และจัดการแข่งขันการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” โดยมีหน่วยเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ จำนวนทั้งสิ้น 17 กรม 51 กองพัน ใช้เวลาในการคัดเลือกเป็นระยะเวลา 3 เดือน จนได้หน่วยที่ดีที่สุด 3 ลำดับ และยังได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ เพื่อให้การปฏิบัติของกองทหารเกียรติยศมีความเป็นมาตรฐาน เกิดความสง่างาม และเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีโดยมีหน่วยเข้าร่วมการแข่งขันจากทุกเหล่าทัพ จำนวน 108 กองพันใช้เวลาในการคัดเลือก เป็นระยะเวลา 3 เดือน จนได้หน่วยที่ดีที่สุด 2 ลำดับ จากนั้น ได้พระราชทานรางวัลการแข่งขันให้กับผู้ชนะ
โอกาสนี้ พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า ขอแสดงความยินดีและชื่นชมที่ทุกท่านมีความตั้งใจ มุ่งมั่น อดทน และพยายามฝึกฝน จนมาถึงวันแห่งความสำเร็จในวันนี้ จากการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสฝึกฝนและปฏิบัติการแสดงราชวัลลภเริงระบำด้วยตนเองมาแล้วนั้น ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักและซาบซึ้งเป็นอย่างดีว่าทุกท่านต้องผ่านการฝึกด้วยความอดทน มุ่งมั่น มีระเบียบวินัย ต้องใช้สมาธิและทักษะเป็นอย่างมาก ในการที่จะผ่านการแสดงราชวัลลภเริงระบำนี้ไปได้
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะทำให้ร่างกายและจิตใจของเราเข้มแข็งแล้ว ยังสามารถนำท่าทางที่เราได้เรียนรู้ไปปฏิบัติหน้าที่ถวายงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสามัคคีในหมู่ผู้บังคับบัญชาและกำลังพล ซึ่งสอดคล้องกับชีวิตจริงในการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันเป็นหน่วย ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อความสำเร็จลุล่วงของภารกิจ ข้าพเจ้าขอให้ทุกท่านจงรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้ผ่านการฝึกฝนจนมาถึงความสำเร็จในวันนี้ และขอให้ทุกท่านได้นำประโยชน์ของการแสดงราชวัลลภเริงระบำนี้ ถ่ายทอดไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนนำไปประยุกต์ ปฏิบัติใช้ต่อภารกิจต่างๆ ของหน่วย เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ และประชาชนสืบต่อไป