ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่"เปิด BTS สายเขียวส่วนต่อขยายจากสถานีห้าแยกลาดพร้าว ถึง ม.เกษตรฯ ให้บริการฟรีถึง 2 ม.ค.63 โวเชื่อมโครงข่ายคมนาคมผลงานรัฐบาล 5 ปี จากนั้นไปเปิด เทอร์มินอล 2 สนามบินอู่ตะเภา รองรับผู้โดยสาร 3-5 ล้านคนต่อปี คาดหลังปี 70 ยอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 ล้านคนต่อปี ส่งเสริม อีอีซี ตั้งเป้าเป็นฮับภูมิภาคเอเชีย ลั่นอย่าให้ใคร ทำลาย High Season ชี้ท่องเที่ยวรายได้ เข้าประเทศสูง
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (4 ธ.ค.) ที่บริเวณสถานีห้าแยกลาดพร้าว เขตจตุจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถโครการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 4 สถานี จากสถานีห้าแยกลาดพร้าว ถึงสถานี ม.เกษตรศาสตร์ และจะเปิดให้ประชาชนใช้บริการ โดยไม่เก็บค่าโดยสาร ไปจนถึงวันที่ 2 ม.ค.63
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ถือเป็นโครงการสำคัญ ที่พัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง และจะต้องเร่งดำเนินการอีก 11 สถานีที่เหลือตามกรอบเวลากำหนด ภายในปี 63 ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน และสามารถเพิ่มขีดการแข่งขันให้แก่ประเทศ และจะพัฒนาต่อไปเพื่อให้เกิดโอกาสในด้านต่างๆ ในเมืองใหญ่ รวมถึงในต่างจังหวัดหลายพื้นที่ที่กำลังเริ่มเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
"นี่คือผลงาน 5 ปี ที่ผ่านมาและจะดำเนินการต่อไป หากเราไม่ร่วมมือกัน ทุกอย่างไม่มีทางสำเร็จได้ โอกาสและศักยภาพต่างๆที่มีอยู่จะกลายเป็นวิกฤตในทันที ซึ่งผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากได้ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาเก่าไปด้วย และเดินหน้าแก้ปัญหาใหม่ ที่กำลังเผชิญหน้าในอนาคต จะต้องไม่มีความเสี่ยงในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป ต้องวางแผนให้รัดกุม รอบคอบในระยะยาว และทำต่อเนื่อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยมี พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ พล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากศยานอู่ตะเภา ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวรายงานว่า ท่าอากาสยานนานาชาติอู่ตะเภา เปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ มาตั้งแต่ปี 2532 รวมระยะเวลา 30 ปี ปัจจุบันมีผู้โดยสามารถใช้บริการมากกว่า 2 ล้านคน ต่อปี มีจำนวนเที่ยวบินปประมาณ 15,000 เที่ยวบินต่อปี เป็นเหตุให้อาคารพักผู้โดยสาร เกิดความแออัด ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จึงได้ก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสารแห่งที่ 2 เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร และสายการบินพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบินในประเทศ และเชื่อมโยงการเดินทางสู่พื้นที่ตะวันออก พร้อมสนับสนุนยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ให้เป็นเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 3-5 ล้านคนต่อปี และสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพถึงปี 70 ที่คาดว่า จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการ มากกว่า 5 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ อาคารที่พักผู้โดยสารประกอบไปด้วยห้องผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ผู้โดยสารขาออก ระหว่างประเทศ และห้องอุปกรณ์ในการตรวจสอบระบบติดตามผู้โดยสาร การตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ร้านค้าภายในท่าอากาศยานในอนาคต จะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง เพื่อให้พร้อมเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งภายในอาคารผู้โดยสาร เฟส 3 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มาถึง 1,200 คน ต่อชั่วโมง และมีความพร้อมให้บริการทุกด้าน ขับเคลื่อนเศรษบกิจ ส่งเสริม อีอีซี เชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นการสร้างโอกาส สร้างความเชื่อมโยง ด้านขนส่งมวลชน คืออนาคตของประเทศ ถ้าภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมมือกัน สิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมดจะลดลง และจะทำให้แก้ปัญหาระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปรียบเทียบว่า ความเชื่อมโยงด้านคมนาคม เหมือนความเชื่อมโยงของเส้นเลือดในตัวคน ซึ่งมีเส้นเลือดหลัก เส้นเลือดดำ แดง และ เส้นเลือดฝอย วันนี้ทะเลาะกันบนเส้นเลือดฝอย ไม่เลิกกันเสียที แล้วมันก็ไปไม่ทั่วถึง ประเทศเราก็อ่อนแอ แขนซ้าย แขนขวา ขาซ้าย ขวา ก็อ่อน แล้วมันจะไปอย่างไร ลูกหลานจะอยู่อย่างไร เราจะสู้กันจนตายหรือ ลูกหลานต้องโตต่อไปในอนาคต ไม่คิดวันนี้ จะคิดเมื่อไร ทุกคนต้องเสียสละในการทำงานร่วมกัน จริงๆ อยากจะพูดต่อสักชั่วโมงหนึ่ง เพราะเรื่องในหัวมีเต็มไปหมด
เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (4 ธ.ค.) ที่บริเวณสถานีห้าแยกลาดพร้าว เขตจตุจักร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถโครการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวน 4 สถานี จากสถานีห้าแยกลาดพร้าว ถึงสถานี ม.เกษตรศาสตร์ และจะเปิดให้ประชาชนใช้บริการ โดยไม่เก็บค่าโดยสาร ไปจนถึงวันที่ 2 ม.ค.63
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า โครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ถือเป็นโครงการสำคัญ ที่พัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง และจะต้องเร่งดำเนินการอีก 11 สถานีที่เหลือตามกรอบเวลากำหนด ภายในปี 63 ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน และสามารถเพิ่มขีดการแข่งขันให้แก่ประเทศ และจะพัฒนาต่อไปเพื่อให้เกิดโอกาสในด้านต่างๆ ในเมืองใหญ่ รวมถึงในต่างจังหวัดหลายพื้นที่ที่กำลังเริ่มเกิดขึ้น ด้วยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
"นี่คือผลงาน 5 ปี ที่ผ่านมาและจะดำเนินการต่อไป หากเราไม่ร่วมมือกัน ทุกอย่างไม่มีทางสำเร็จได้ โอกาสและศักยภาพต่างๆที่มีอยู่จะกลายเป็นวิกฤตในทันที ซึ่งผมคิดว่าทุกคนคงไม่อยากได้ ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาเก่าไปด้วย และเดินหน้าแก้ปัญหาใหม่ ที่กำลังเผชิญหน้าในอนาคต จะต้องไม่มีความเสี่ยงในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป ต้องวางแผนให้รัดกุม รอบคอบในระยะยาว และทำต่อเนื่อง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยมี พล.ร.อ. ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ พล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากศยานอู่ตะเภา ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวรายงานว่า ท่าอากาสยานนานาชาติอู่ตะเภา เปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ มาตั้งแต่ปี 2532 รวมระยะเวลา 30 ปี ปัจจุบันมีผู้โดยสามารถใช้บริการมากกว่า 2 ล้านคน ต่อปี มีจำนวนเที่ยวบินปประมาณ 15,000 เที่ยวบินต่อปี เป็นเหตุให้อาคารพักผู้โดยสาร เกิดความแออัด ไม่เพียงพอต่อการให้บริการ จึงได้ก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสารแห่งที่ 2 เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสาร และสายการบินพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับการเจริญเติบโตของธุรกิจการบินในประเทศ และเชื่อมโยงการเดินทางสู่พื้นที่ตะวันออก พร้อมสนับสนุนยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ให้เป็นเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาค ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาคารพักผู้โดยสารหลังที่ 2 สามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้ 3-5 ล้านคนต่อปี และสามารถให้บริการได้เต็มศักยภาพถึงปี 70 ที่คาดว่า จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการ มากกว่า 5 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ อาคารที่พักผู้โดยสารประกอบไปด้วยห้องผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ผู้โดยสารขาออก ระหว่างประเทศ และห้องอุปกรณ์ในการตรวจสอบระบบติดตามผู้โดยสาร การตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย ร้านค้าภายในท่าอากาศยานในอนาคต จะพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับความต้องการของผู้โดยสาร เชื่อมโยงและสนับสนุนการเดินทาง เพื่อให้พร้อมเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ซึ่งภายในอาคารผู้โดยสาร เฟส 3 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มาถึง 1,200 คน ต่อชั่วโมง และมีความพร้อมให้บริการทุกด้าน ขับเคลื่อนเศรษบกิจ ส่งเสริม อีอีซี เชื่อมโยงการขนส่งผู้โดยสารกับสนามบินดอนเมือง และ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นการสร้างโอกาส สร้างความเชื่อมโยง ด้านขนส่งมวลชน คืออนาคตของประเทศ ถ้าภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ร่วมมือกัน สิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมดจะลดลง และจะทำให้แก้ปัญหาระยะยาวได้มากยิ่งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปรียบเทียบว่า ความเชื่อมโยงด้านคมนาคม เหมือนความเชื่อมโยงของเส้นเลือดในตัวคน ซึ่งมีเส้นเลือดหลัก เส้นเลือดดำ แดง และ เส้นเลือดฝอย วันนี้ทะเลาะกันบนเส้นเลือดฝอย ไม่เลิกกันเสียที แล้วมันก็ไปไม่ทั่วถึง ประเทศเราก็อ่อนแอ แขนซ้าย แขนขวา ขาซ้าย ขวา ก็อ่อน แล้วมันจะไปอย่างไร ลูกหลานจะอยู่อย่างไร เราจะสู้กันจนตายหรือ ลูกหลานต้องโตต่อไปในอนาคต ไม่คิดวันนี้ จะคิดเมื่อไร ทุกคนต้องเสียสละในการทำงานร่วมกัน จริงๆ อยากจะพูดต่อสักชั่วโมงหนึ่ง เพราะเรื่องในหัวมีเต็มไปหมด