จนท.ป่าไม้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นฟาร์มไก่ของ"ปารีณา" หลังไม่ยอมมานำชี้ ที่ดิน1,706 ไร่ ใน ม.6 ต.รางบัว ที่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ ป.ป.ช. ว่าเป็นเจ้าของที่ดิน เบื้องต้นพบที่ดินประมาณ 46 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงทำการตรวจยึด
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี ได้นำหนังสือไปส่งยัง บ้านพักของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อขอความร่วมมือในการนำชี้ แปลงที่ดินจำนวน1,706 ไร่ ใน ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามที่ น.ส.ปารีณา ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ ป.ป.ช. ว่าเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวและมีการเสียภาษีดอกหญ้า(ภบท.5) มาตลอด แต่ไม่พบใครในบ้าน เจ้าหน้าที่ จึงนำเอกสารปิดไว้หน้าบ้าน
จากนั้น นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาชุดพยัคฆ์ไพร นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 (ราชบุรี) นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี พอ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. ได้ร่วมกันประชุมวางแนวทางในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมกับไปขอหมายค้นจาก ศาลจ.ราชบุรี ที่ 122/2562 ลงวันที่ 24 พ.ย.62 เพื่อเข้าตรวจค้น
ต่อมาเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 (ราชบุรี) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.ราชบุรี เจ้าหน้ากรมการปกครอง นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นโดยมี นายภูมิพัฒน์ จำปาทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 เป็นผู้นำตรวจค้น
เบื้องต้นนั้น พบว่าพื้นที่ที่มีการประกอบกิจการเขาสนฟาร์ม ประมาณ 690 ไร่ มีที่ดินในส่วนบริเวณฟาร์มไก่ เนื้อที่ประมาณ 46 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จึงได้ทำการตรวจยึดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4 (1) ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนบาท
และหากพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินคดี ในส่วนของ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ต่อไป เมื่อพื้นที่นั้นถูกประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ 2507 น.ส.ปารีณา ก็จะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ มาตรา 14 " ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางป่า เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ" ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาท ถึงห้าหมื่นบาท แต่ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งสองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (24 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป่าไม้จังหวัดราชบุรี ได้นำหนังสือไปส่งยัง บ้านพักของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ ต.บางโตนด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อขอความร่วมมือในการนำชี้ แปลงที่ดินจำนวน1,706 ไร่ ใน ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ตามที่ น.ส.ปารีณา ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ ป.ป.ช. ว่าเป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวและมีการเสียภาษีดอกหญ้า(ภบท.5) มาตลอด แต่ไม่พบใครในบ้าน เจ้าหน้าที่ จึงนำเอกสารปิดไว้หน้าบ้าน
จากนั้น นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ที่ปรึกษาชุดพยัคฆ์ไพร นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 (ราชบุรี) นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.ศูนย์ป่าไม้ราชบุรี พอ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. ได้ร่วมกันประชุมวางแนวทางในการเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมกับไปขอหมายค้นจาก ศาลจ.ราชบุรี ที่ 122/2562 ลงวันที่ 24 พ.ย.62 เพื่อเข้าตรวจค้น
ต่อมาเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 (ราชบุรี) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.ราชบุรี เจ้าหน้ากรมการปกครอง นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นโดยมี นายภูมิพัฒน์ จำปาทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 เป็นผู้นำตรวจค้น
เบื้องต้นนั้น พบว่าพื้นที่ที่มีการประกอบกิจการเขาสนฟาร์ม ประมาณ 690 ไร่ มีที่ดินในส่วนบริเวณฟาร์มไก่ เนื้อที่ประมาณ 46 ไร่ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จึงได้ทำการตรวจยึดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4 (1) ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนบาท
และหากพบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้ดำเนินคดี ในส่วนของ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ต่อไป เมื่อพื้นที่นั้นถูกประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ 2507 น.ส.ปารีณา ก็จะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนฯ มาตรา 14 " ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางป่า เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ" ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาท ถึงห้าหมื่นบาท แต่ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกิน 25ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งสองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท