วานนี้ (19พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) เชิญไปชี้แจงครั้งที่ 4ว่า ได้ตอบคำถามไปหมดแล้ว ซึ่งตนจะทำหนังสือให้ตัวแทนไปมอบให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในวันนี้ (20 พ.ย.) และเชื่อว่า ในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็มอบผู้แทนไปชี้แจงเช่นเดียวกัน แม้ว่าการเชิญไปชี้แจง จะเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ก็แล้วแต่เขา
เมื่อถามว่า ทาง กมธ.ป.ป.ช. ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ไปชี้แจงด้วยตนเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ตนก็คิดของตนแบบนี้ ส่วนจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่นั้น ไม่รู้ เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู อย่างไรก็ตามตนไม่ได้รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง เขาอยากทำอะไรก็ทำหากมีอำนาจ ซึ่งตนก็มีอำนาจของตนเช่นเดียวกัน
เมื่อถามถึงกรณีการตั้งนายวัฒนา เมืองสุข เป็นที่ปรึกษาประธานกมธ.ป.ป.ช.นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามพร้อมอมยิ้มว่า "ตั้งได้หรือ วันนี้วันที่ 19 พ.ย. แต่หนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 20 พ.ย. เมื่อถามอีกว่า มองเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "มันถูกหรือ ไม่ถูกหรอก"
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสิริ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายทิวา การกระสัง ทนายความ เข้ายื่นฟ้องพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานกมธ.ป.ป.ช. เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 เวลากลางวัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จำเลยขณะปฏิบัติหน้าที่ส.ส. และประธานกมธ.ป.ป.ช. ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่อาคารรัฐสภา ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ ในฐานะกมธ.ป.ป.ช. ด้วยข้อความลักษณะเปรียบเทียบเป็นพืชที่ไร้ประโยชน์ และมีเนื้อหาที่สื่อความหมายกล่าวหา หรือใส่ความโจทก์ ทำนองว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แจกเงิน หรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนโจทก์ ในการปลดจำเลยออกจากการเป็น ประธานกมธ.ป.ป.ช. และมีข้อความตอนหนึ่งว่า "อย่าไปสนใจเลยสวะ ส.ส.พวกนี้เดี๋ยวผมจัดการหมด" ที่มีเจตนามุ่งทำลายชื่อเสียง และทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ ในการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.และกมธ.ป.ป.ช. และเป็นการพูดในลักษณะดูถูก ดูแคลนโจทก์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์ เป็นส.ส.ไร้ประโยชน์ โดยถ้อยคำนั้นล้วนเป็นเท็จ
โจทก์จึงขอให้ศาลพิจารณาลงโทษจำเลยสถานหนัก และขอให้มีการเพิ่มโทษจำเลยในฐานะนักกฎหมาย แต่ทำผิดกฎหมายเสียเองด้วย เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา ถ.สามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้ในสารบบ เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3078/2562 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 3 ก.พ.63 เวลา 09.00 น.
ด้านนายทิวา การกระสัง ทนายความ กล่าว่า ถ้อยคำที่พูดเปรียบเทียบ เช่น เหมือนวัชพืชที่ต้องทำลายนั้น ก็เป็นคำหนึ่งที่หมิ่นประมาท และค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งคนที่อยู่ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. มาพูดกล่าวหาคนอื่นทุจริตลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานนั้น นอกจากเข้าข่ายกล่าวเท็จ แล้วยังหมิ่นประมาทด้วย
ทั้งนี้ หลังจากยื่นฟ้องคดีอาญาหมิ่นประมาทนี้แล้ว ตนจะไปยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณาให้ส่งคำร้องของตนไปยังศาลรธน. วินิจฉัยว่า การทำหน้าที่ประธาน กมธ.ป.ป.ช. การใช้ดุลยพินิจและใช้อำนาจเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรธน.หรือไม่ และ กมธ.คณะดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ ตามรธน. มาตรา 128 และข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ. 2562 ข้อ 90 (22) หรือไม่ เพราะศาลรธน.เคยมีคำสั่งไม่รับคำร้อง คดี ต.37/2562 ไว้แล้ว ซึ่งเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของครม. ตามรธน.ปี 2560 มาตรา 161 ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใดตามรธน. โดยคำสั่งนั้น มีผลบังคับเสมือนคำวินิจฉัย จึงต้องผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ การที่ กมธ.มีความเห็นว่า คำสั่งของศาลรธน. ดังกล่าวไม่ผูกพัน กมธ.นั้นแล้วจะมีอำนาจเรียกนายกฯ–รองนายกฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เกินอำนาจหน้าที่กฎหมายกำหนด หรือนอกเหนืออำนาจตาม รธน.มาตรา 128 หรือไม่
เมื่อถามว่า ทาง กมธ.ป.ป.ช. ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ไปชี้แจงด้วยตนเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ตนก็คิดของตนแบบนี้ ส่วนจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่นั้น ไม่รู้ เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู อย่างไรก็ตามตนไม่ได้รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง เขาอยากทำอะไรก็ทำหากมีอำนาจ ซึ่งตนก็มีอำนาจของตนเช่นเดียวกัน
เมื่อถามถึงกรณีการตั้งนายวัฒนา เมืองสุข เป็นที่ปรึกษาประธานกมธ.ป.ป.ช.นั้น พล.อ.ประวิตร ย้อนถามพร้อมอมยิ้มว่า "ตั้งได้หรือ วันนี้วันที่ 19 พ.ย. แต่หนังสือดังกล่าว ลงวันที่ 20 พ.ย. เมื่อถามอีกว่า มองเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "มันถูกหรือ ไม่ถูกหรอก"
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสิริ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายทิวา การกระสัง ทนายความ เข้ายื่นฟ้องพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานกมธ.ป.ป.ช. เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 เวลากลางวัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จำเลยขณะปฏิบัติหน้าที่ส.ส. และประธานกมธ.ป.ป.ช. ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ที่อาคารรัฐสภา ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ ในฐานะกมธ.ป.ป.ช. ด้วยข้อความลักษณะเปรียบเทียบเป็นพืชที่ไร้ประโยชน์ และมีเนื้อหาที่สื่อความหมายกล่าวหา หรือใส่ความโจทก์ ทำนองว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แจกเงิน หรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนโจทก์ ในการปลดจำเลยออกจากการเป็น ประธานกมธ.ป.ป.ช. และมีข้อความตอนหนึ่งว่า "อย่าไปสนใจเลยสวะ ส.ส.พวกนี้เดี๋ยวผมจัดการหมด" ที่มีเจตนามุ่งทำลายชื่อเสียง และทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ ในการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.และกมธ.ป.ป.ช. และเป็นการพูดในลักษณะดูถูก ดูแคลนโจทก์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์ เป็นส.ส.ไร้ประโยชน์ โดยถ้อยคำนั้นล้วนเป็นเท็จ
โจทก์จึงขอให้ศาลพิจารณาลงโทษจำเลยสถานหนัก และขอให้มีการเพิ่มโทษจำเลยในฐานะนักกฎหมาย แต่ทำผิดกฎหมายเสียเองด้วย เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา ถ.สามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้ในสารบบ เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3078/2562 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 3 ก.พ.63 เวลา 09.00 น.
ด้านนายทิวา การกระสัง ทนายความ กล่าว่า ถ้อยคำที่พูดเปรียบเทียบ เช่น เหมือนวัชพืชที่ต้องทำลายนั้น ก็เป็นคำหนึ่งที่หมิ่นประมาท และค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งคนที่อยู่ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. มาพูดกล่าวหาคนอื่นทุจริตลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานนั้น นอกจากเข้าข่ายกล่าวเท็จ แล้วยังหมิ่นประมาทด้วย
ทั้งนี้ หลังจากยื่นฟ้องคดีอาญาหมิ่นประมาทนี้แล้ว ตนจะไปยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อพิจารณาให้ส่งคำร้องของตนไปยังศาลรธน. วินิจฉัยว่า การทำหน้าที่ประธาน กมธ.ป.ป.ช. การใช้ดุลยพินิจและใช้อำนาจเรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไปชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรธน.หรือไม่ และ กมธ.คณะดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ ตามรธน. มาตรา 128 และข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ. 2562 ข้อ 90 (22) หรือไม่ เพราะศาลรธน.เคยมีคำสั่งไม่รับคำร้อง คดี ต.37/2562 ไว้แล้ว ซึ่งเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ของครม. ตามรธน.ปี 2560 มาตรา 161 ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใดตามรธน. โดยคำสั่งนั้น มีผลบังคับเสมือนคำวินิจฉัย จึงต้องผูกพันรัฐสภา ครม. ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ การที่ กมธ.มีความเห็นว่า คำสั่งของศาลรธน. ดังกล่าวไม่ผูกพัน กมธ.นั้นแล้วจะมีอำนาจเรียกนายกฯ–รองนายกฯ มาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เกินอำนาจหน้าที่กฎหมายกำหนด หรือนอกเหนืออำนาจตาม รธน.มาตรา 128 หรือไม่
