กาญจนบุรี - ศาลกาญจนบุรี พิพากษายกฟ้องคดี “เจ๊บ้าบิ่น” ฟ้อง “หมวดจรูญ” ฐานแจ้งความเท็จกล่าวหาขายหวยเกินราคา ชี้เจ๊บ้าบิ่นไม่ใช่ผู้เสียหาย แถมยอมรับเองว่าขายเกินราคา “ทนายตั๊ม” เผยเตรียมฟ้องกลับชุดใหญ่ “ครูปรีชา” พร้อมคนเกี่ยวข้อง ฐานให้การเท็จ จงใจบิดเบือน
กรณีพิพาทแย่งกันเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พ.ย.2560 จำนวน 30 ล้านบาท ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ โดยคดีหลักซึ่ง ครูปรีชาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมวดจรูญในข้อหายักยอกทรัพย์นั้น ศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.62 ขณะอยู่ระหว่างที่ครูปรีชายื่นอุทธรณ์ โดยจะทราบผลในเมดือน เม.ย.63 อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีย่อยที่เกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องอีกหลายคดี
หนึ่งในนั้น คือ คดีที่นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น พยานฝ่ายครูปรีชา ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการทีมงานทนายประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวของ ร.ต.ท.จรูญ ในข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีที่นายษิทรา แจ้งความดำเนินคดีเจ๊บ้าบิ่นข้อหาขายสลากกินแบ่ง หมายเลข 533726 งวดวันที่ 1 พ.ย.60 จำนวน 5 ใบ ในราคา 700 บาท ซึ่งเกินกฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม อัยการจังหวัดกาญจนบุรีมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรีได้เปรียบเทียบปรับไปแล้ว ศาลได้ประทับรับฟ้องคดีของเจ๊บ้าบิ่น แต่ต่อมาได้มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันนี้ 13 ก.ย.62
อย่างไรก็ตาม ในกรณีเดียวกัน เจ๊บ้าบิ่นยังได้ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญในข้อหาฐานความผิดแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไปเมื่อวันนี้ 13 ก.ย.62 และนัดฟังคำสั่งหรือฟังคำพิพากษาวันนี้
ล่าสุด เวลา 09.00 น.วันนี้ (19 พ.ย.) นายษิทรา พร้อมทีมทนายความ ได้เดินทางมาฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ตามที่ศาลนัดเอาไว้ โดยครั้งนี้ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ไม่ได้เดินทางมาด้วยเนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว ขณะเดียวกัน เจ๊บ้าบิ่น โจทก์ ไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาฟังคำสั่งแทน
นายษิทรา เปิดเผยก่อนเข้าไปภายในบัลลังก์ ว่า วันนี้มาศาลเป็นคดีสุดท้ายในฐานะที่เป็นจำเลย และทนายจำเลยของทีมลุงจรูญ ซึ่งคดีนี้โดนเจ๊บ้าบิ่นฟ้องเดี่ยวลุงจรูญ ในข้อหาฐานความผิดแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ หลังจากที่ศาลได้มีการไต่สวนมูลฟ้องไปแล้ว วันนี้ศาลจึงได้นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งว่าจะยกฟ้อง หรือสั่งมีมูล ส่วนสาเหตุที่ลุงจรูญ ไม่ได้เดินทางมาด้วยเนื่องจากมีญาติมาเยี่ยมที่บ้าน สำหรับวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เรามาในฐานะจำเลย คราวหน้าเราคงจะมาในฐานะที่เป็นโจทก์บ้างแล้ว
นายษิทรา กล่าวอีกว่า สำหรับคดีแรกที่ลุงจรูญฟ้อง ก็คือฟ้องทนายความของครูปรีชา เกี่ยวกับเรื่องการหมิ่นประมาท สัปดาห์หน้าคือวันจันทร์ ศาลจะเริ่มไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ถามว่าจะเตรียมการฟ้องกลับฝ่ายครูปรีชา เมื่อไหร่และกี่คนนั้น คงจะต้องรอให้ถึงปีหน้า ซึ่งจะฟ้องกลับทุกกรรมที่เขาฟ้องเรามา ส่วนจำนวนที่จะฟ้องมีเกิน 5 คน ซึ่งตัวหลักๆ มีครบหมด เราจะดูเจตนาว่าคนที่มาเบิกความนั้นต้องการที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าหากมีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงเราก็จะดำเนินคดีอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าหากดูแล้วคนที่มาเบิกความไม่ค่อยแน่ใจหรือมาเบิกความโดยที่ไม่มีเจตนาที่จะให้การเท็จ เราก็คงจะไม่ดำเนินคดีเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง
หลังจากนั้น นายษิทธา ได้เข้าฟ้องพิจารณาคดีฟังพิพากษาซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาทีจึงแล้วเสร็จ โดยนายษิทราได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องลุงจรูญ ซึ่งศาลบอกว่าคดีนี้เจ๊บ้าบิ่นไม่ใช่ผู้เสียหาย คดีนี้เกิดจากการที่ตนไปแจ้งความดำเนินคดีเจ๊บ้าบิ่นในเรื่องขายหวยเกินราคา ส่วนลุงจรูญนั้นมาเป็นพยาน ซึ่งลุงจรูญก็ได้ให้การไปว่า จำหน้าไม่ได้ว่าคนขายลอตเตอรี่ให้นั้นคือใคร แต่เมื่อครูปรีชาไปออกรายการทีวี โดยเจ๊บ้าบิ่นได้ออกมายอมรับว่าเป็นคนขายหวยเกินราคา ตนจึงไปแจ้งความ แต่ลุงจรูญก็โดนฟ้องดำเนินคดีไปด้วย ซึ่งในวันนี้ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องลุงจรูญไปแล้ว ศาลบอกเลยว่า ในเรื่องของการขายสลากเกินราคา สาระสำคัญมันอยู่ที่ว่าเจ๊บ้าบิ่นได้ขายสลากเกินราคาหรือไม่ ส่วนการที่เขาจะขายให้ใคร ไม่ใช่สาระสำคัญ และในคดีนี้เจ๊บ้าบิ่นก็รับสารภาพไปแล้วว่าได้ขายหวยเกินราคาจริง ฉะนั้นตัวเจ๊บ้าบิ่นจึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะสามารถมาฟ้องลุงจรูญได้ ซึ่งศาลท่านไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นอื่นเลย ซึ่งในฐานะทนายของจำเลยในคดีก็คงจะจบลงเพียงเท่านี้ ส่วนสัปดาห์หน้าก็คงจะเป็นเรื่องที่ลุงจรูญเป็นโจทก์ยื่นฟ้องทนายความของครูปรีชา เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ส่วนอีก 1 คดีฟ้องเกี่ยวกับเรื่องการฟ้องเท็จ คนที่โดนฟ้องมีครูปรีชา และทนายความส่วนตัวของครูปรีชา
นายษิทรา เปิดเผยต่อว่า สำหรับคดีหลักที่ทางทนายความของครูปรีชายื่นอุทธรณ์ไปนั้น ตนได้อ่านคำอุทธรณ์อย่างละเอียดแล้ว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 200 หน้า จากนั้นทางทนายอาคม คงสวัสดิ์ ก็จะทำหน้าที่แก้อุทธรณ์ จาก 200 หน้าคงจะแก้เหลือเพียงแค่ประมาณ 4 หน้าเท่านั้น ส่วนระยะเวลาอุทธรณ์นั้น ขึ้นอยู่กับศาลอุทธรณ์ว่าท่านมีสำนวนอื่นค้างอยู่อีกมากหรือไม่ แต่สมัยนี้เชื่อว่าเร็ว ภายในปีนี้หลังจากยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้วเสร็จ ภายในปีหน้าไม่เกินเดือนเมษายน น่าจะได้ฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีหลักได้