ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษ 2 ป๋าเชียร์แขกอาบอบนวด "วิคตอเรีย ซีเครท" เป็นคุก 120 ปี รวมชดใช้สินไหมสาวเมียนมา 2 ราย 1.6 แสนบาท เจ้าตัวกุมขมับนั่งซึม
วานนี้ (19 พ.ย.) ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์สถานบริการอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” คดีหมายเลขดำ คม.24/2561 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายมนัส หรือ"ป๋านัส" อ่วมทับ อายุ 49 ปี และนายสมชาย หรือ "ป๋าต้น" แสงอุดม อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพนักงานเชียร์แขก ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยบังคับขู่เข็ญ โดยเมื่อเดือนธ.ค.60 จนถึง 12 ม.ค.2561 จำเลยทั้ง 9 กับพวกสมคบกัน หลอกล่วงหญิงสาวรวม 9 ราย ทั้งคนไทยและคนเมียนมา ซึ่งอายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
ซึ่งเดิมทั้งสองยื่นฟ้องร่วมกับ “นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก แจ้งฉาย” อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด กับพวกรวม 9 คน เมื่อเดือน เม.ย.2561 แต่ชั้นพิจารณามีเฉพาะ “นายมนัสหรือป๋านัส” และ “นายสมชายหรือป๋าต้น” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน“นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก” ผู้จัดการสถานบริการ กับพวกจำเลยที่เหลืออีก 7 รายให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดีจึงแยกสำนวนฟ้อง
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2561 เห็นว่า “นายมนัส หรือป๋านัส” และ “นายสมชาย หรือป๋าต้น” มีความผิดฐานเป็นผู้ดูแลกิจการค้าประเวณี และเป็นธุระจัดหาฯ จำคุก คนละ 46 ปี โดยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ 22 ปี 12 เดือน
โดยคดีนี้ทั้งอัยการโจทก์และจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษด้วย ซึ่งศาลได้มีการเบิกตัวจำเลยทั้งสอง โดยการพิจารณาความผิดนั้น ทางคู่ความไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี ส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ ทางศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ มีการพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิ่มโทษรายกระทงเป็น 2-10 ปี(จากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา กระทงละ2-5ปี) โดยข้อหาที่โทษหนักที่สุดคือ ค้ามนุษย์ จำคุก 7 กระทงๆละ 10 ปี เป็นจำคุก 70 ปี โดยรวมกับโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ค้าประเวณีโดยขู่เข็ญฯ และข้อหาอื่นอีกหลายกระทง รวม จำคุก นายมนัส หรือป๋านัสและนายสมชาย หรือ ป๋าต้น ทั้งสิ้น 120 ปี จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี โดยรวมกับที่ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณีฯ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี และพิพากษาให้จำเลยทั้งสอง ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายสองรายสัญชาติเมียนรวม 1.6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 21 เม.ย. 2561 (เดินศาลชั้นต้นยกคำขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทน)นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายหลังศาลอ่านคิดพิพากษาที่โทษสูงขึ้น นายมนัสถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ หน้าตาเคร่งเครียด ญาติๆต่างแสดงความเสียใจ
ส่วนนายกําพล วิระเทพสุภรณ์ หรือเสี่ยกำพล เจ้าของสถานบริการ"วิคตอเรีย ซีเครท"ที่อัยการมีคำสั่งฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยนั้นปัจจุบันยังติดตามตัวมายื่นฟ้องไม่ได้ ซึ่งคาดว่าจะหลบหนีคดี โดยพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้ขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งมีอายุความเอาตัวมาฟ้องภายใน 20 ปี
วานนี้ (19 พ.ย.) ห้องพิจารณา 716 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์สถานบริการอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” คดีหมายเลขดำ คม.24/2561 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายมนัส หรือ"ป๋านัส" อ่วมทับ อายุ 49 ปี และนายสมชาย หรือ "ป๋าต้น" แสงอุดม อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพนักงานเชียร์แขก ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยบังคับขู่เข็ญ โดยเมื่อเดือนธ.ค.60 จนถึง 12 ม.ค.2561 จำเลยทั้ง 9 กับพวกสมคบกัน หลอกล่วงหญิงสาวรวม 9 ราย ทั้งคนไทยและคนเมียนมา ซึ่งอายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
ซึ่งเดิมทั้งสองยื่นฟ้องร่วมกับ “นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก แจ้งฉาย” อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด กับพวกรวม 9 คน เมื่อเดือน เม.ย.2561 แต่ชั้นพิจารณามีเฉพาะ “นายมนัสหรือป๋านัส” และ “นายสมชายหรือป๋าต้น” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วน“นายศรัทธาธรรม หรือป๋าติ๊ก” ผู้จัดการสถานบริการ กับพวกจำเลยที่เหลืออีก 7 รายให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดีจึงแยกสำนวนฟ้อง
โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2561 เห็นว่า “นายมนัส หรือป๋านัส” และ “นายสมชาย หรือป๋าต้น” มีความผิดฐานเป็นผู้ดูแลกิจการค้าประเวณี และเป็นธุระจัดหาฯ จำคุก คนละ 46 ปี โดยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ 22 ปี 12 เดือน
โดยคดีนี้ทั้งอัยการโจทก์และจำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษด้วย ซึ่งศาลได้มีการเบิกตัวจำเลยทั้งสอง โดยการพิจารณาความผิดนั้น ทางคู่ความไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดี ส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ ทางศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ มีการพิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิ่มโทษรายกระทงเป็น 2-10 ปี(จากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา กระทงละ2-5ปี) โดยข้อหาที่โทษหนักที่สุดคือ ค้ามนุษย์ จำคุก 7 กระทงๆละ 10 ปี เป็นจำคุก 70 ปี โดยรวมกับโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ค้าประเวณีโดยขู่เข็ญฯ และข้อหาอื่นอีกหลายกระทง รวม จำคุก นายมนัส หรือป๋านัสและนายสมชาย หรือ ป๋าต้น ทั้งสิ้น 120 ปี จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี โดยรวมกับที่ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณีฯ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี และพิพากษาให้จำเลยทั้งสอง ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายสองรายสัญชาติเมียนรวม 1.6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 21 เม.ย. 2561 (เดินศาลชั้นต้นยกคำขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทน)นอกจากที่แก้ให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายหลังศาลอ่านคิดพิพากษาที่โทษสูงขึ้น นายมนัสถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ หน้าตาเคร่งเครียด ญาติๆต่างแสดงความเสียใจ
ส่วนนายกําพล วิระเทพสุภรณ์ หรือเสี่ยกำพล เจ้าของสถานบริการ"วิคตอเรีย ซีเครท"ที่อัยการมีคำสั่งฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยนั้นปัจจุบันยังติดตามตัวมายื่นฟ้องไม่ได้ ซึ่งคาดว่าจะหลบหนีคดี โดยพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ได้ขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว ซึ่งมีอายุความเอาตัวมาฟ้องภายใน 20 ปี