xs
xsm
sm
md
lg

พรรคอนาคตใหม่อยู่ไม่นาน

เผยแพร่:   โดย: นพ นรนารถ



เหมือนงานเลี้ยงอำลาก่อนจะแยกย้ายจากกัน กิจกรรม “อยู่ไม่เป็น” ที่พรรคอนาคตใหม่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนหน้าวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิพากษาชะตากรรมหัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่า มีคุณสมบัติต้องห้ามเป็น ส.ส.เพราะยังถือหุ้นสื่ออยู่ในวันที่ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

คดีนี้ไม่ได้เป็นเพราะผู้มีอำนาจต้องการทำลายพรรคอนาคตใหม่ อย่างที่ธนาธร และปิยบุตร แสงกนกกุล บิดเบือน แต่เพราะธนาธรลืมโอนหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งผลิตนิตยสาร “WHO” ก่อนวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดรับสมัคร ส.ส.วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์

สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า ทะเบียนผู้ถือหุ้นที่ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีการโอนหุ้นในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งน่าจะทำให้ธนาธร มีคุณสมบัติต้องห้ามสมัคร ส.ส.เพราะยังถือหุ้นสื่ออยู่ ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง

ศรีสุวรรณ จรรยา นำเรื่องนี้ไปฟ้อง กกต.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติธนาธร กกต. ตรวจสอบแล้ว มีมติว่า ธนาธรขาดคุณสมบัติจึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้อง และสั่งให้ธนาธร ยุติการทำหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว เพราะการตรวจสอบโดย กกต.ทำให้เชื่อได้ว่า ธนาธร น่าจะมีคุณสมบัติต้องห้าม

คดีนี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเป็นความผิดหรือเป็นบาปของพรรคอนาคตใหม่ที่มีความฝันว่า จะสร้างสังคมไทยที่มีประชาธิปไตย มีความเท่าเทียม แต่เป็นเพราะธนาธร ลืมโอนหุ้นวี-ลัค เมื่อนึกขึ้นได้ก็สายไปแล้ว เป็นเพราะสำนักข่าวอิศรา ป่าวประกาศให้สังคมรู้ เป็นเพราะศรีสุวรรณไปฟ้อง กกต.เป็นเพราะ กกต.ชี้มูลว่า ผิด แล้วฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ธนาธรต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. ถ้าจะโยนความผิดไปให้คนอื่นต้องโทษ ผู้ไม่มีอำนาจ คือ สำนักข่าวอิศรา และศรีสุวรรณ ว่า ต้องการทำลายพรรคอนาคตใหม่ และต้องโทษตัวธนาธรเองด้วย ที่เอาแต่อ้างว่า ผมไม่รู้ จำไม่ได้ ในการให้การแก้ต่างต่อองค์คณะตุลการศาลรัฐธรรมนูญ

คดีธนาธร ถือหุ้นสื่อ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นการล่มสลายของพรรคอนาคตใหม่เท่านั้น หากธนาธร ถูกวินิจฉัยว่า มีคุณสมบัติต้องห้าม เขาจะถูกดำเนินคดีอาญาข้อหารู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติแล้วยังลงสมัคร ส.ส.หากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตัดสินว่า ผิด ก็จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครลงเลือกตั้ง 10 ปี และอาจถูกจำคุกหรือปรับ

คดีธนาธร ถือหุ้นสื่อเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่มีผลต่อกรรมการพรรค และไม่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ คดีที่จะทำให้พรรคถูกยุบ กรรมการพรรคถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง คือ คดีที่ถูกร้องว่า พรรคอนาคตใหม่กู้เงินธนาธร 191 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในขั้นไต่สวนของ กตต.และคดีที่ถูกกล่าวหาว่า ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องแล้ว

คดีพรรคกู้เงินหัวหน้าพรรค ยกเว้น ปิยบุตรที่เห็นว่า ไม่ผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เพราะกฎหมายไม่ได้ห้าม นักกฎหมายส่วนใหญ่เห็นว่า ผิด เพราะพ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นกฎหมายมหาชน ซึ่งมีหลักว่า เรื่องใดที่กฎหมายเขียนไว้ คือ ทำได้ เรื่องไหน ไม่ได้เขียน คือห้ามทำ ซึ่งเป็นคนละหลักกับที่ นักเรียนกฎหมายฝรั่งเศสอย่างปิยบุตรยึดถือ

คดีล้มล้างการปกครอง สืบเนื่องจาก ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เพราะมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ

ทั้งสองคดีก็เช่นเดียวกับคดีธนาธรถือหุ้นสื่อ ที่ไม่ได้เป็นความผิด หรือเป็นบาปที่พรรคอนาคตใหม่ฝันถึงประเทศไทยที่มีประชาธิปไตย ประชาชนมีความเท่าเทียมกัน แต่เป็นความผิดพลาดของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่เอง ที่ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย จะด้วยความหยิ่งผยองลำพองในชัยชนะจากการเลือกตั้ง หรือความไร้เดียงสา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามแต่

การอยู่ไม่เป็นของพรรคอนาคตใหม่ คือ การทำผิดกฎหมาย ทำตามอำเภอใจ ไม่สนใจว่า กติกาว่าไว้อย่างไร เมื่อถูกกล่าวโทษดำเนินคดี ก็ไปไม่เป็น ไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ ได้แต่อ้างว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ จำไม่ได้ และโยนความผิดไปให้กับ “ผู้มีอำนาจ” ว่าจ้องทำลายล้าง

หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการพรรค ปิยบุตร แสงกนกกุล ต่างหาก ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่อยู่ไม่นาน


กำลังโหลดความคิดเห็น