ผู้จัดการรายวัน360- ศาลรธน.ชี้ "นวัธ" พ้นส.ส.ตั้งแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุถูกคุมขังโดยหมายศาลไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด ระบุต้องโทษประหารหนักกว่าโทษจำคุก สั่งให้ตำแหน่ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ว่างลงนับแต่วันศาลฯอ่านคำวินิจฉัย คาดเลือกตั้งอาทิตย์ 22 ธ.ค.62
วานนี้ ( 13 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพส.ส. ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามรธน.มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 82 (6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่น ลงโทษประหารชีวิต และถูกคุมขังโดยศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา
โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่ากรณีที่รธน.มาตรา 101(6) ให้เอาลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98(6) มาเป็นเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส. เนื่องจากรธน. ต้องการให้ส.ส. ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นที่ยอมรับนับถือของสาธารณชน ปราศจากเหตุมัวหมองในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร
ในการวินิจฉัยคดีนี้ มีข้อพิจารณาว่า คำพิพากษาที่ให้ประหารชีวิตมีความหมายเช่นคำพิพากษาให้จำคุก ตามมาตรา 98(6) หรือไม่ โดยเห็นว่าการต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้ต่อมาจะได้รับการลดส่วนโทษก็ยังคงได้รับโทษจำคุกอยู่ดี เมื่อศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายนวัธ จึงเป็นผู้ถูกคุมขังตามหมายของศาล สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายนวัธ จึงสิ้นสุดลงตามรธน. มาตรา 101 ประกอบ มาตรา 98 (6)
ส่วนที่นายนวัธ แย้งว่าสมาชิกภาพส.ส. อยู่ภายใต้การคุ้มกันตามรธน. มาตรา 101 (13) ที่กำหนดว่า ต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ซึ่งถือเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ตามรธน. มาตรา 125 โดยไม่คำนึงถึงข้อหานั้น เห็นว่า รธน.บัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยใช้ถ้อยคำแตกต่างกันในหลายลักษณะ เช่น มาตรา 101 (6) ใช้คำว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล หรือ มาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุก โดยพ้นโทษไม่ถึง 10 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง หรือ มาตรา 98 (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต แสดงให้เห็นว่ารธน.ต้องการให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงด้วยสาเหตุหลายประการ ตามบริบทที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ รธน.ใช้คำว่า“ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล”ซึ่งไม่มีคำว่า“ถึงที่สุด”สมาชิกภาพส.ส.ของนายนวัธ จึงสิ้นสุดเมื่อต้องคำพิพากษา โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด
เมื่อสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า สมาชิกสภาพสิ้นสุดลงนับตั้งแต่เมื่อใด ตามรธน. มาตรา 82 (2) กำหนดว่า กรณีที่ศาลรธน. วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลฯให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ศาลฯได้มีคำสั่งให้นายนวัธ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 62 จึงถือว่าวันดังกล่าว เป็นวันที่สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง และเป็นเหตุให้ตำแหน่ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ว่างลง จึงต้องตรา พ.ร.ฎ.ให้มีการจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ตามรธน. มาตรา 105 (1) ประกอบมาตรา 102 จึงให้ถือว่า วันที่ตำแหน่งส.ส.ว่างลง คือวันที่13 พ.ย. ที่ศาลฯ อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังโดยชอบ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลฯ มีผลในวันอ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งส.ส. เขต 7 จ.ขอนแก่น แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น กกต.จะต้องประสานไปยังครม. เพื่อทูลเกล้าฯ ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ฎ เลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างแล้ว กกต. จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การเตรียมการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.ขอนแก่น ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อม ส่วนตัวผู้สมัครนั้น ได้เตรียมการไว้แล้ว เพียงแต่ขอให้ทุกอย่างมีความชัดเจนเสียก่อนค่อยเปิดตัวผู้สมัคร
วานนี้ ( 13 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพส.ส. ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามรธน.มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 82 (6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่น ลงโทษประหารชีวิต และถูกคุมขังโดยศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา
โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่ากรณีที่รธน.มาตรา 101(6) ให้เอาลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98(6) มาเป็นเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส. เนื่องจากรธน. ต้องการให้ส.ส. ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นที่ยอมรับนับถือของสาธารณชน ปราศจากเหตุมัวหมองในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร
ในการวินิจฉัยคดีนี้ มีข้อพิจารณาว่า คำพิพากษาที่ให้ประหารชีวิตมีความหมายเช่นคำพิพากษาให้จำคุก ตามมาตรา 98(6) หรือไม่ โดยเห็นว่าการต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้ต่อมาจะได้รับการลดส่วนโทษก็ยังคงได้รับโทษจำคุกอยู่ดี เมื่อศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายนวัธ จึงเป็นผู้ถูกคุมขังตามหมายของศาล สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายนวัธ จึงสิ้นสุดลงตามรธน. มาตรา 101 ประกอบ มาตรา 98 (6)
ส่วนที่นายนวัธ แย้งว่าสมาชิกภาพส.ส. อยู่ภายใต้การคุ้มกันตามรธน. มาตรา 101 (13) ที่กำหนดว่า ต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ซึ่งถือเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส. ตามรธน. มาตรา 125 โดยไม่คำนึงถึงข้อหานั้น เห็นว่า รธน.บัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยใช้ถ้อยคำแตกต่างกันในหลายลักษณะ เช่น มาตรา 101 (6) ใช้คำว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล หรือ มาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุก โดยพ้นโทษไม่ถึง 10 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง หรือ มาตรา 98 (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เพราะกระทำผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต แสดงให้เห็นว่ารธน.ต้องการให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงด้วยสาเหตุหลายประการ ตามบริบทที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ รธน.ใช้คำว่า“ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล”ซึ่งไม่มีคำว่า“ถึงที่สุด”สมาชิกภาพส.ส.ของนายนวัธ จึงสิ้นสุดเมื่อต้องคำพิพากษา โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด
เมื่อสมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่า สมาชิกสภาพสิ้นสุดลงนับตั้งแต่เมื่อใด ตามรธน. มาตรา 82 (2) กำหนดว่า กรณีที่ศาลรธน. วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลฯให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ศาลฯได้มีคำสั่งให้นายนวัธ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 62 จึงถือว่าวันดังกล่าว เป็นวันที่สมาชิกภาพส.ส.สิ้นสุดลง และเป็นเหตุให้ตำแหน่ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ว่างลง จึงต้องตรา พ.ร.ฎ.ให้มีการจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ตามรธน. มาตรา 105 (1) ประกอบมาตรา 102 จึงให้ถือว่า วันที่ตำแหน่งส.ส.ว่างลง คือวันที่13 พ.ย. ที่ศาลฯ อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังโดยชอบ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลฯ มีผลในวันอ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งส.ส. เขต 7 จ.ขอนแก่น แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น กกต.จะต้องประสานไปยังครม. เพื่อทูลเกล้าฯ ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ฎ เลือกตั้งส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างแล้ว กกต. จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง การเตรียมการเลือกตั้งซ่อม ที่ จ.ขอนแก่น ว่า พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อม ส่วนตัวผู้สมัครนั้น ได้เตรียมการไว้แล้ว เพียงแต่ขอให้ทุกอย่างมีความชัดเจนเสียก่อนค่อยเปิดตัวผู้สมัคร
