xs
xsm
sm
md
lg

ด่วน! ศาล รธน.วินิจฉัยสมาชิกสภาพ ส.ส. “นวัธ” สิ้นสุด ชี้โทษประหารหนักกว่าจำคุก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นวัธ เตาะเจริญสุข (แฟ้มภาพ)
ไม่รอด ศาลรัฐธรรมนูญชี้ “นวัธ” พ้น ส.ส.ตั้งแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุถูกคุมขังโดยหมายศาล ไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด ระบุต้องโทษประหารหนักกว่าโทษจำคุก สั่งให้ตำแหน่ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ว่างลงนับแต่วันศาลอ่านคำวินิจฉัย คาดเลือกตั้ง 22 ธ.ค.

วันนี้ (13 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 82 (6) หรือไม่ จากกรณีต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต และถูกคุมขังโดยศาลอุทธรณ์ภาค4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ฎีกา โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า กรณีที่รัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ให้เอาลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (6) มาเป็นเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส. เนื่องจากรัฐธรรมนูญต้องการให้ ส.ส. ซึ่งถือเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นที่ยอมรับนับถือของสาธารณชน ปราศจากเหตุมัวหมองในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เกียรติและศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในการวินิจฉัยคดีนี้มีข้อพิจารณาว่า คำพิพากษาที่ให้ประหารชีวิตมีความหมายเช่นคำพิพากษาให้จำคุกตามมาตรา 98 (6) หรือไม่ เห็นว่าการต้องโทษประหารชีวิตหนักกว่าโทษจำคุก แม้ต่อมาจะได้รับการลดส่วนโทษก็ยังคงได้รับโทษจำคุกอยู่ดี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายนวัธจึงเป็นผู้ถูกคุมขังตามหมายของศาล สมาชิกภาพส.สงของนายนวัธจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ประกอบมาตรา 98 (6)

ส่วนที่นายนวัธแย้งว่า สมาชิกภาพ ส.ส.อยู่ภายใต้การคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (13) ที่กำหนดว่าต้องเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ซึ่งถือเป็นหลักประกันการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 โดยไม่คำนึงถึงข้อหานั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติเกี่ยวกับการสิ้นสุดสมาชิกภาพโดยใช้ถ้อยคำแตกต่างกันในหลายลักษณะ เช่น มาตรา 101 (6) ใช้คำว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล หรือมาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุก โดยพ้นโทษไม่ถึง 10 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง หรือมาตรา 98 (9) เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ ต้องการให้สมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลง ด้วยสาเหตุหลายประการ ตามบริบทที่แตกต่างกัน ในกรณีนี้ รัฐธรรมนูญใช้คำว่า “ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังตามหมายของศาล” ซึ่งไม่มีคำว่า “ถึงที่สุด” สมาชิกภาพของนายนวัธจึงสิ้นสุดเมื่อต้องคำพิพากษา โดยไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สุด

และเมื่อสมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าสมาชิกสภาพสิ้นสุดลงนับตั้งแต่เมื่อใดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 (2) กำหนดว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง ให้ผู้นั้นพ้นตำแหน่งนับแต่วันที่ศาลหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกรณีนี้ศาลได้มีคำสั่งให้นายนวัธหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 62 จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลง และเป็นเหตุให้ตำแหน่ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่นว่างลง จึงต้องตรา พ.ร.ฎ.ให้มีการจัดเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 45 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 (1) ประกอบ 102 จึงให้ถือว่าวันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลงคือวันที่ 13 พ.ย. ที่ศาลอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังโดยชอบ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 76 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลมีผลในวันอ่าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 7 ขอนแก่นแทนตำแหน่งที่ว่าง กกต.จะต้องประสานไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีการประกาศ พ.ร.ฎ เลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างแล้ว กกต.จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป คาดว่าจะมีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของกรอบเวลา 45 วัน

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการแก้ไขเรื่องการขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส.ฝ่ายค้านมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยศาลเห็นว่าเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น