ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียเหมือนเป็นเทศกาลประจำปี กินวงกว้างหลายแสนเอเคอร์ สร้างความเสียมากมายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซึ่งมีบ้านอยู่ในเส้นทางของไฟป่า เกิดขึ้นแล้ว ดับได้ยาก แม้จะมีคน อุปกรณ์และยานพาหนะต่างเข้าช่วย
คนอเมริกันในแคลิฟอร์เนียจึงมีชีวิตอยู่ในความเสี่ยงสูง แม้ในย่านเศรษฐี มีบ้านหรู ความพร้อมทุกอย่างก็เลี่ยงไม่พ้น เพราะไฟกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ประกายไฟหรือสะเก็ดไฟถูกลมพัดลอยไปติดหญ้าและต้นไม้แห้งทุกทิศทาง ควบคุมได้ยาก
ไปป่าเกิดขึ้นแต่ละครั้งต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะดับได้ และมีจุดเกิดเหตุใหม่เสมอ บางกรณีเป็นการวางเพลิงโดยคนในพื้นที่ นอกเหนือจากการเกิดโดยธรรมชาติ อากาศแห้งแล้ง อุณหภูมิสูง ความชื้นจากฤดูหนาวก่อนหน้านี้แทบไม่มีผล
และภาวะโลกร้อนได้เป็นประเด็นถกเถียงกันว่าไฟป่าแคลิฟอร์เนีย และแหล่งอื่นๆ ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป ออสเตรเลีย เป็นผลมาจากเหตุของภาวะโลกร้อนจริงหรือไม่ ยิ่งผู้นำทำเนียบขาว โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องได้
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไฟป่าได้ผลาญพื้นที่กว่า 1 แสนเอเคอร์ ประชาชนในแคลิฟอร์เนียหลายพันคนต้องทิ้งบ้านที่อยู่อาศัยเพื่อหนีตาย ทิ้งให้ทุกอย่างเป็นเหยื่อของเพลิงที่เผาผลาญทุกอย่างที่ขนไปไม่ทัน แม้แต่รถยนต์ และสิ่งของจำเป็น
ทรัมป์ได้จวกผู้ว่าการรัฐสังกัดพรรคเดโมแครต นายเกวิน นิวซัม ว่าทำงานได้ ห่วยแตกมากในด้านจัดการบริหารป่าไม้ และต้นเหตุไฟป่าขนาดใหญ่หลายจุดในปีนี้เกิดขึ้นลามไปเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายมากมาย แม้จะไม่ใช่เป็นพื้นที่ป่าไม้
ทรัมป์เถียงแบบหัวชนฝา อ้างว่าภาวะโลกร้อนไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องไร้การ พิสูจน์ได้ชัดเจน และก่อนหน้านี้ได้ถอนตัวออกจากภาคีการต่อต้านภาวะโลกร้อนตามสนธิสัญญาในกรุงปารีส ทั้งยังฟื้นฟูการใช้ถ่านหินอย่างเต็มที่ ไม่ใส่ใจเสียงค้าน
ทรัมป์โวยว่า “ไฟป่าเกิดขึ้นทุกปีในแคลิฟอร์เนีย เป็นปัญหาซ้ำเดิมๆ ตัวผู้ว่าฯ ก็วิ่งโร่มาขอเงินงบประมาณจากรัฐบาลกลาง คราวนี้ไม่ให้อีกแล้ว ให้จัดการเองก็แล้วกัน เอาให้อยู่” นั่นเป็นข้อความที่ผู้นำทำเนียบขาวจวกผู้ว่าฯ ผ่านทวิตเตอร์
ผู้ว่าฯ นิวซัม ซึ่งตำหนินโยบายท่านผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมสวนกลับ “ท่านไม่เชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ดังนั้นไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้เลย”
ปัญหาภาวะโลกร้อนถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดไฟป่า โดยการศึกษาซึ่งตีพิมพ์โดยวารสารของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ โดยระบุว่าความร้อน สภาวะอากาศแห้ง ทำให้พืชขาดความชื้น แห้งเร็วและติดไฟได้ง่าย
ผู้นำทำเนียบขาวก็ขู่ว่าจะตัดงบช่วยเหลือการดับไฟป่าในปีที่ผ่านมา เมื่อการเผาเป็นวงกว้างทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 86 ราย ถือว่าเป็นไฟป่าที่รุนแรง สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคลิฟอร์เนีย และไม่มีหนทางใดจะป้องกันได้
ไฟป่ากินพื้นที่กว้าง มีชื่อเรียกว่า “มาเรีย” ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงประจำเมืองเวนทูรา ได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของบริเวณหลังจากที่ลุกเป็นวงกว้างมากถึง 9,400 เอเคอร์ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ภาพที่ปรากฏในข่าวทีวีแสดงให้เห็นการลุกลามของไฟป่าข้ามภูเขา ในบางพื้นที่แทบจะเผาผลาญสวนอโวคาโด และสวนส้ม นอกจากบ้านเรือน แม้จะมอดไปบางส่วน ก็ยังเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดรอบใหม่ เพราะความแห้งของพื้นที่
ใน 6 ปีที่ผ่านมา มีไฟป่าเกิดขึ้นกว่า 1,500 จุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นภัยธรรมชาติซึ่งไม่สามารถป้องกันหรือควบคุมได้ง่าย เพราะความแห้งของหญ้าและต้นไม้ได้กลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี หนุนด้วยกระแสลมแรง
ประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับการเตือนให้เฝ้าระวังไฟป่าอย่างต่อเนื่องเป็นผลจากความร้อนแห้ง ประชาชนมากกว่า 1 ล้านกว่าคนไม่มีไฟฟ้าใช้ มากกว่า 40 โรงเรียนในย่านโซโนมา เคาน์ตีต้องปิดการเรียนการสอนจนกว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จ
เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงเปิดเผยว่า ไฟป่าวงใหญ่ที่สุด “คินเคด” ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ในย่านโซโนมามากถึง 8 หมื่นเอเคอร์ ได้ถูกควบคุมไว้ได้ประมาณ 76 เปอร์เซ็นต์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชาวบ้านไม่ต้องอพยพ หลังจากแผลงฤทธิ์ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม
ประชาชนมากกว่า 2 แสนคนต้องอพยพหนีไฟป่าในพื้นที่นี้ มีการรวมสถิติไฟป่าในสหรัฐฯ ในปีนี้มีมากถึง 44,000 ครั้ง มีพื้นที่ได้รับความเสียหายเกินกว่า 4.5 ล้านเอเคอร์ แต่ละปีพื้นที่ถูกไฟป่าเผาขยายวงกว้างกว่า 500 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี 1970
ไฟป่ายังมีด้านตะวันตกเฉียงเหนือของนครลอสแองเจลิส ในพื้นที่อยู่อาศัยและฟาร์มปศุสัตว์ ทำให้ต้องเร่งอพยพสัตว์ต่างๆ เช่น วัวและม้า เจ้าของบ้านจำเป็นต้องหนีเอาตัวรอด เพราะกระแสลมแรงเกินกว่าเจ้าหน้าที่จะคุมไฟให้อยู่ได้
ช่วงนี้กระแสลมเริ่มแผ่วลง ความระอุของสภาพอากาศในพื้นที่ยังทำให้เจ้าหน้าที่เผชิญความยากลำบากในการสกัดการขยายตัวของแนวไฟป่า ความร้อนสูงของเปลวไฟทำให้ความชื้นของน้ำฉีดจากรถดับเพลิงไม่เพียงพอที่จะควบคุมได้
ผู้ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในสหรัฐฯ มองว่าจากนี้ไปถือว่าเป็นยุคของไฟป่าอันเกิดจากปัญหาภาวะโลกร้อน และแต่ละปีจะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังที่ได้ผล และการดับไฟป่าด้วยวิธีทันสมัยใช้เทคโนโลยีและสารเคมี
มนุษย์จะเอาชนะธรรมชาติได้หรือไม่ เพราะปัญหาโลกร้อนเกิดจากมนุษย์