“ทรัมป์” โอ่จะวิ่งเข้าไปช่วย ร.ร.ฟลอริดาแม้ไม่มีอาวุธในมือ-ปลอบผู้ว่าการรัฐอย่ากลัวอิทธิพล “สมาคมไรเฟิล”

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยวานนี้ (26 ก.พ.) ว่าถ้าเป็นตนคงจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือคนในโรงเรียนมัธยมฟลอริดาที่กำลังถูกกราดยิง แม้ “ไม่มีอาวุธในมือ” เลยก็ตาม พร้อมปลอบใจบรรดาผู้ว่าการรัฐให้ช่วยกันผลักดันมาตรการปกป้องโรงเรียนโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลของสมาคมไรเฟิลแห่งชาติ (NRA)

ทรัมป์ เห็นด้วยกับข้อเสนอของ NRA ที่ให้บรรดาครูหันมาจับอาวุธเพื่อช่วยคุ้มกันโรงเรียนอีกทางหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันก็สนับสนุนมาตรการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืนซึ่งเป็นสิ่งที่ NRA คัดค้านมาโดยตลอด

“ไม่ต้องกังวลเรื่อง NRA พวกเขาอยู่ฝ่ายเรา” ทรัมป์ กล่าวต่อบรรดาผู้ว่าการรัฐของอเมริกากว่า 35 คน รวมถึง ริค สก็อตต์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาซึ่งเดินทางมาร่วมหารือกับประธานาธิบดีที่ทำเนียบขาว

“แต่ถ้าพวกเขาไม่อยู่ข้างคุณ เราก็คงต้องสู้กันบ้าง มันโอเค พวกเขาก็แค่ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้องเท่านั้น”

การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนสิทธิในการพกปืนกับฝ่ายที่เรียกร้องกฎหมายควบคุมปืนในสหรัฐฯ ร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 14 ก.พ.

นักเรียน 14 คนกับครูวัยผู้ใหญ่อีก 3 คนถูกยิงเสียชีวิตด้วยปืนไรเฟิล AR-15 ซึ่งฆาตกรวัยทีน “นิโคลัส ครูซ” ซื้อหามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว ขณะมีอายุครบ 18 ปี

ครูซ ซึ่งเวลานี้อายุ 19 ปีถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เขาเป็นอดีตนักเรียนที่ทางการสหรัฐฯ พบว่ามีประวัติฝ่าฝืนกฎหมาย และถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะประพฤติผิดวินัย

ทรัมป์ ชูนโยบายสนับสนุนสิทธิในการพกพาปืนมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2016 แต่เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ กำลังเป็นบททดสอบว่าเขาในฐานะผู้นำประเทศจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร โดยไม่ต้องผิดใจกับคนในพรรครีพับลิกันที่ต่อต้านกฎหมายควบคุมปืน

ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ทรัมป์ เตรียมที่จะประชุมหารือเรื่องข้อกฎหมายกับสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในวันพุธนี้ (28)

ทรัมป์ เสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้มีการเพิ่มอายุขั้นต่ำสำหรับบุคคลที่จะซื้อปืนถูกกฎหมายจาก 18 เป็น 21 ปี แต่หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโส 3 คนของ NRA เมื่อวันอาทิตย์ (25) ข้อเสนอนี้ก็ดูเหมือนจะเงียบหาย และไม่ถูกนำมาพูดถึงขณะที่ ทรัมป์ ประชุมร่วมกับผู้ว่าการรัฐ

ทำเนียบขาวชี้แจงวานนี้ (26) ว่า ทรัมป์ ยังอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดของมาตรการดังกล่าว ขณะที่ NRA ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงออกอย่างจริงจังว่าเห็นด้วยกับการตรวจสอบประวัติผู้ซื้อปืน เพื่อไม่ให้อาวุธร้ายแรงเหล่านี้ตกไปอยู่ในมืออาชญากรหรือคนที่สภาพจิตใจไม่ปกติ แต่การผลักดันเรื่องนี้ก็ยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขา โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย.

ทรัมป์ เชื่อว่าการฝึกครูให้ใช้อาวุธเป็นวิธีที่ประหยัดและได้ผลดีที่สุดในการปกป้องชีวิตนักเรียนและป้องปรามพวกที่คิดก่อเหตุ แต่ก็มีเสียงคัดค้านจาก เจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน ซึ่งบอกกับ ทรัมป์ ว่าครูอาจารย์ในรัฐของเขาไม่ต้องการพกปืน

เกร็ก แอบบ็อตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัสสังกัดรีพับลิกัน ระบุว่า เขตการศึกษากว่า 100 เขตในรัฐของเขาได้ลงมือฝึกฝนครูและบุคลากรในโรงเรียนให้รู้จักใช้ปืนเพื่อรับมือเหตุโจมตีบ้างแล้ว

“บางเขตการศึกษาก็สนับสนุนเรื่องนี้... และมีการติดป้ายเตือนไว้ที่หน้าโรงเรียนว่า ‘มีบุคลากรพกอาวุธอยู่ในโรงเรียน’ ” แอบบ็อตต์ ระบุ

ด้านผู้ว่าการรัฐฟลอริดาเตรียมจัดสรรงบประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเสริมกำลังเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายคอยคุ้มกันความปลอดภัยให้แก่ทุกๆ โรงเรียน

ทรัมป์ ยังตำหนิเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เดินทางไปถึงโรงเรียนมัธยมมาร์จอรีเป็นกลุ่มแรกๆ หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่บางคนแสดงท่าทีลังเลไม่กล้าติดตามเข้าไปจับกุมมือปืน

“พูดตรงๆ ว่าการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาน่ารังเกียจ” ทรัมป์ กล่าว พร้อมระบุว่า หากตนอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็จะวิ่งเข้าไปภายในโรงเรียน “แม้จะไม่มีอาวุธในมือก็ตาม”

สก็อตต์ อิสเรล ผู้ปกครองเทศมณฑลโบรเวิร์ด แถลงว่า สก็อต ปีเตอร์สัน ผู้ช่วยผู้ปกครองเทศมณฑล (sheriff’s deputy) นายหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในโรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ตัดสินใจยื่นใบลาออกดีกว่าถูกพักงาน หลังมีคนเห็นว่าเขายืนรีรออยู่ด้านนอกอาคาร แทนที่จะวิ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับมือปืน

ทรัมป์ ตำหนิ ปีเตอร์สัน ว่าเป็นคน “ขี้ขลาด”

อย่างไรก็ตาม ทนายของ ปีเตอร์สัน พยายามออกมาปกป้องการกระทำของลูกความ โดยอ้างว่าที่เขาไม่ได้เข้าไปในอาคารก็เพราะเข้าใจว่าเหตุกราดยิงเกิดขึ้นนอกโรงเรียน