รอยเตอร์ - เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนไรเฟิลกราดยิงผู้คนภายในโบสถ์แห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเทกซัส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 ราย บาดเจ็บอีก 20 คนเมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) ถือเป็นกรณีล่าสุดของโศกนาฏกรรมจากอาวุธปืนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา
มือปืนซึ่งสวมหมวกและเสื้อเกราะกันสุนคล้ายหน่วยจู่โจมได้เดินเข้าไปภายในโบสถ์เฟิสต์ แบปติสต์ ในเมืองซัทเธอร์แลนด์สปริงส์ เทศมณฑลวิลสัน ซึ่งห่างจากเมืองแซนแอนโทนิโอไปทางตะวันออกราว 65 กิโลเมตร จากนั้นก็ยกปืนไรเฟิลรูเกอร์สาดกระสุนใส่ผู้คนแบบไม่เลือกหน้า
เหยื่อที่เสียชีวิตและบาดเจ็บมีอายุระหว่าง 5-72 ปี รวมถึงบุตรสาววัย 14 ปีของศาสนาจารย์ แฟรงก์ โพเมอรอย ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นชายผิวขาวอายุ 20 เศษๆ ถูกชาวบ้านคนหนึ่งใช้ปืนไรเฟิลยิงตอบโต้ ก่อนที่เขาจะขึ้นรถยนต์หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ไปพบรถยนต์ของคนร้ายประสบอุบัติเหตุจอดนิ่งอยู่ใกล้ๆ รอยต่อเทศมณฑลกวาเดอลูป ภายในรถพบศพของเขาและอาวุธอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแน่ว่าคนร้ายฆ่าตัวตาย หรือเสียชีวิตเพราะถูกกระสุนของชาวบ้านคนดังกล่าว
เกร็ด แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ระบุว่า “นี่เป็นเหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเรา... และยิ่งน่าเสียใจที่ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ถูกยิงภายในโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการเคารพบูชา”
ทางการสหรัฐฯ ยังไม่เปิดเผยตัวตนของมือปืนรายนี้ แต่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สและสื่ออีกหลายสำนักได้อ้างข้อมูลจากบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งระบุว่าคนร้ายมีชื่อว่า เดวิน แพทริก เคลลี เป็นชาวอเมริกันผิวขาว อายุ 26 ปี
โจ แท็กคิตต์ ผู้ปกครองเทศมณฑลวิลสัน ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า “เขาไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับโบสถ์แห่งนี้ และเราก็ยังไม่ทราบแรงจูงใจของเขา”
เจฟฟ์ ฟอร์เรสต์ อดีตนายทหารวัย 36 ปีซึ่งมีบ้านอยู่ห่างจากโบสถ์ไปราว 1 ช่วงตึก บอกว่าได้ยินเสียงคล้ายไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติขนาดลำกล้องใหญ่ ทำให้นึกถึงตอนที่ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจแนวหน้ากับหน่วยนาวิกโยธิน
“ตอนนั้นผมยืนอยู่ที่เฉลียง ได้ยินเสียงปืนราวๆ 10 นัด จากนั้นหูผมก็เริ่มอื้อ... ผมรีบมุดตัวหลบและนอนราบอยู่อย่างนั้น”
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากมือปืนวัย 64 ปีสาดกระสุนใส่ผู้ชมคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ลาสเวกัส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 58 ราย และถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ยุคใหม่ การสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นติดๆ กันตลอดหลายปีที่ผ่านมายังทำให้เกิดข้อถกเถียงว่า เป็นเพราะกฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตให้ประชาชนเข้าถึงและครอบครองปืนง่ายเกินไปหรือไม่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งเฝ้าติดตามสถานการณ์ขณะเดินสายเยือนเอเชียเป็นเวลา 12 วัน ได้กล่าวในการประชุมร่วมกับนักธุรกิจที่กรุงโตเกียวว่า “การกระทำชั่วร้ายเกิดขึ้นในขณะที่เหยื่อและครอบครัวของพวกเขาอยู่ในศาสนสถานอันศักด์สิทธิ์... แม้จะเศร้าเสียใจและมีน้ำตา แต่พวกเราจะยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง”
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นราวๆ 20 นัด เมื่อเวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ชาวเมืองกำลังเข้าโบสถ์วันอาทิตย์ แต่ยังไม่ทราบแน่ว่าขณะนั้นมีคนอยู่ภายในโบสถ์มากน้อยเท่าใด
โบสถ์เฟิสต์ แบปติสต์ เป็นโบสถ์ 1 ใน 2 แห่งของเมืองซัทเธอร์แลนด์สปริงส์ ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียง 900 คนเศษ ตามฐานข้อมูลประชากรเมื่อปี 2010
แม้ทางการสหรัฐฯ จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมือปืนรายนี้ แต่เมื่อลองเช็กประวัติออนไลน์ก็พบชายที่ชื่อ เดวิน เคลลี อาศัยอยู่ที่เมืองนิวเบราน์เฟลส์ รัฐเทกซัส ห่างจากซัทเธอร์แลนด์สปริงส์ไปทางเหนือราว 56 กิโลเมตร
ข้อมูลจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระบุว่า เคลลี เคยเป็นทหารในหน่วยส่งกำลังบำรุงที่ฐานทัพอากาศฮอลโลแมน รัฐนิวเม็กซิโก ระหว่างปี 2010 จนกระทั่งปลดประจำการ
แม้บัญชีเฟซบุ๊กของ เคลลี จะ ถูกลบทิ้งไปแล้ว แต่เมื่อค้นข้อมูลแคช (cache) ก็พบภาพโปรไฟล์ของเขาที่ถ่ายคู่กับเด็กเล็กๆ 2 คน นอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายปืนไรเฟิลจู่โจม และโพสต์ที่เขียนว่า “She’s a bad bitch”
เหตุกราดยิงโบสถ์เทกซัสเกิดขึ้นในวันครบรอบ 8 ปีการสังหารหมู่ 13 ศพที่ฐานทัพฟอร์ตฮูด รัฐเทกซัส เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ปี 2009 โดย พ.ต. นิดาล ฮาซัน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นจิตแพทย์ประจำหน่วยแพทย์ทหาร ถูกตัดสินให้รับโทษประหารชีวิต