ผู้จัดการรายวัน360-"สุริยะ"สั่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ พิจารณาข้อดี ข้อเสีย เพื่อหาข้อยุติปมเหมืองทองอัคราฟ้องรัฐบาล ย้ำต้องยึดหลักไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ชี้หากสุดท้ายต้องเข้าอนุญาโตตุลาการก็ต้องยอม ด้าน กพร. เผยต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อน 18 พ.ย. ที่เป็นวันต้องเบิกความต่อหน้าอนุญาโตตุลาการ "วิษณุ"แจง ครม. แค่รับทราบ ยังไม่มีมติหรือทางออกใด
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังกระทรวงฯ ได้นำเสนอ 4 ทางออกในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบมจ.อัครา รีซอร์สเซส ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม ม.44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร จนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าอนุญาโตตุลาการในวันที่ 18 พ.ย. ที่ฮ่องกง ว่า หลังจากที่ประชุม ครม.ในวันที่ 29 ต.ค. ไม่ได้มีมติเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง โดยให้กระทรวงอุตฯ กลับมาเป็นผู้พิจารณา ตนจึงได้สั่งการให้นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด ไปพิจารณาข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดและหาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อยุติในเรื่องดังกล่าว แต่ต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย หากแนวทางการไปเจรจากับเอกชนเป็นทางออกที่ดีที่สุด ก็ให้ไปเจรจา หรือหากท้ายที่สุดต้องเข้าสู่ขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ ก็ต้องทำตามขั้นตอนต่อไป
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า ขณะนี้ กพร. อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางออกที่ดีที่สุด เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหายตามนโยบายนายสุริยะ ซึ่งอาจไม่ใช่แนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม. ไป หรืออาจนำทั้ง 4 ข้อมาพิจารณาร่วมกัน ส่วนแนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม. ไปนั้น รายละเอียดที่เปิดเผยออกมาในหน้าสื่อมวลชน ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีรายละเอียดอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน และเป็นผลต่อการเจรจา หลังจากได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดแล้ว จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแนวทางอีกครั้งก่อนวันที่ 18 พ.ย.2562 หรือต้องเสนอ ครม. ระหว่างวันที่ 6 พ.ย. หรือวันที่ 12 พ.ย.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอไม่ตอบ เพื่อประโยชน์ของรูปคดี และที่จริงเรื่องนี้เข้าใจว่ายังไม่มีอะไรมากไปกว่า ครม. ได้รับทราบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม และจะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาตามความเหมาะสม และกลับมารายงาน ครม. อีกครั้ง โดย ครม.ไม่ได้เลือกทางเลือกใดให้ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ครม.ได้ให้ข้อเสนอแนะกระทรวงอุตสาหกรรมไปหรือไม่ว่าควรจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า มีการอภิปรายกันในที่ประชุม ครม. แต่ไม่ได้มีเป็นข้อเสนอ หรือมีมติ เพราะถือว่าพูดแล้ว และทุกคนได้ยิน ส่วนในทางกฎหมาย 4 ทางออกที่เสนอ สามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนขอไม่ตอบเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ หรือจะเข้าสู้กระบวนการเจรจา นายวิษณุ กล่าวว่า มติ ครม. มีมานานแล้วว่าให้เข้าสู้กระบวนการเจรจา แต่เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ครม.ไม่ได้มีมติอะไร แค่รับทราบสถานการณ์ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงาน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังกระทรวงฯ ได้นำเสนอ 4 ทางออกในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบมจ.อัครา รีซอร์สเซส ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม ม.44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จ.พิจิตร จนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าอนุญาโตตุลาการในวันที่ 18 พ.ย. ที่ฮ่องกง ว่า หลังจากที่ประชุม ครม.ในวันที่ 29 ต.ค. ไม่ได้มีมติเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง โดยให้กระทรวงอุตฯ กลับมาเป็นผู้พิจารณา ตนจึงได้สั่งการให้นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุด ไปพิจารณาข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดและหาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อยุติในเรื่องดังกล่าว แต่ต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย หากแนวทางการไปเจรจากับเอกชนเป็นทางออกที่ดีที่สุด ก็ให้ไปเจรจา หรือหากท้ายที่สุดต้องเข้าสู่ขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ ก็ต้องทำตามขั้นตอนต่อไป
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า ขณะนี้ กพร. อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางออกที่ดีที่สุด เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหายตามนโยบายนายสุริยะ ซึ่งอาจไม่ใช่แนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม. ไป หรืออาจนำทั้ง 4 ข้อมาพิจารณาร่วมกัน ส่วนแนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม. ไปนั้น รายละเอียดที่เปิดเผยออกมาในหน้าสื่อมวลชน ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีรายละเอียดอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน และเป็นผลต่อการเจรจา หลังจากได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดแล้ว จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแนวทางอีกครั้งก่อนวันที่ 18 พ.ย.2562 หรือต้องเสนอ ครม. ระหว่างวันที่ 6 พ.ย. หรือวันที่ 12 พ.ย.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอไม่ตอบ เพื่อประโยชน์ของรูปคดี และที่จริงเรื่องนี้เข้าใจว่ายังไม่มีอะไรมากไปกว่า ครม. ได้รับทราบข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม และจะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องของกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาตามความเหมาะสม และกลับมารายงาน ครม. อีกครั้ง โดย ครม.ไม่ได้เลือกทางเลือกใดให้ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ครม.ได้ให้ข้อเสนอแนะกระทรวงอุตสาหกรรมไปหรือไม่ว่าควรจะหาทางออกในเรื่องนี้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า มีการอภิปรายกันในที่ประชุม ครม. แต่ไม่ได้มีเป็นข้อเสนอ หรือมีมติ เพราะถือว่าพูดแล้ว และทุกคนได้ยิน ส่วนในทางกฎหมาย 4 ทางออกที่เสนอ สามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนขอไม่ตอบเรื่องนี้
เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ หรือจะเข้าสู้กระบวนการเจรจา นายวิษณุ กล่าวว่า มติ ครม. มีมานานแล้วว่าให้เข้าสู้กระบวนการเจรจา แต่เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ครม.ไม่ได้มีมติอะไร แค่รับทราบสถานการณ์ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงาน