แม้จะเคยพบปะเจอะเจอกันเพียงแค่ 5 นาที ระหว่างไปพูดจาในเวที “Open Future Forum” ซึ่งจัดโดยนิตยสารฝรั่งอย่าง “The Economist” ณ เกาะฮ่องเมื่อช่วงวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา แค่ถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นก็แยกย้ายไปตามทางใครก็ทางมัน แต่ดูเหมือนว่า...โดย “ดวงชะตา” ของคนหนุ่ม คนรุ่นใหม่ อย่างคุณน้อง “ธนาธร โหว่” หัวหน้าพรรค “อนาคตใหม่” ของบ้านเรากับคุณน้อง “โจชัว หว่อง” แห่งพรรค “Demosisto” ของเกาะฮ่องกง ช่างเป็นอะไรที่ “สมพงษ์” ซึ่งกันและกันเอามากๆ...
คือขณะที่คุณน้อง “ธนาธร โหว่” นั้น...กำลังต้องเจอกับแรงกด แรงบีบ ในแทบทุกด้าน จะมีโอกาสเป็น “ส.ส.” เข้ามาทำหน้าที่ตัวแทนปวงชนในรัฐสภา ได้แบบเต็มสูบ เต็มด้าม หรือไม่ อย่างไร ก็คงต้องผ่านด่าน “คดีซุกหุ้น(สื่อ)” ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกหัว ออกก้อย กันไปในแนวไหน เผลอๆ...อาจไปไกลถึงขั้นต้องยุบพรรค-ไม่ยุบพรรค “อนาคตใหม่” เอาเลยก็ไม่แน่ อาจต้องโยกย้ายถ่ายเท บรรดาคนหนุ่ม และบรรดา “คนรุ่นใหม่ชั้นสูง” ทั้งหลาย ไปสังกัดพรรค “พลังอนาคต” กันแทนที่ หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน...
แต่สำหรับคุณน้อง “โจชัว หว่อง” แล้ว...แค่ยังไม่ทันได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งท้องถิ่นของเกาะฮ่องกง ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึง ก็ “ถูกถีบ” ออกไปจากวงจรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือถูกทางการฮ่องกง โดยการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่คณะกิจการเลือกตั้ง ประจำเขตพื้นที่เลือกตั้งของคุณน้อง “โจชัว หว่อง” อย่าง “ลอรา อารอน” (Laura Liang Aron) ไม่อนุมัติคุณสมบัติ ให้มีสิทธิ์ได้ลงรับสมัครเลือกตั้งได้แบบเดียวกับผู้สมัครรายอื่นๆ ซึ่งมีจำนวนถึง 1,100 คน แต่เฉพาะคุณน้อง “โจชัว หว่อง” รายเดียวเท่านั้น ที่ถูกถีบออกจากสนามเลือกตั้ง ไม่มีโอกาสได้เป็น “ส.ส.” ซะตั้งแต่เริ่มแรก...
และก็เป็นที่แน่นอนว่า...โดยบุคลิกลักษณะของคุณน้อง “โจชัว หว่อง” ที่แทบไม่ได้ต่างอะไรไปจากคุณน้อง “ธนาธร โหว่” ของบ้านเราสักเท่าไหร่นัก ก็เลยต้องออกมาโวย มาโทษโน่น โทษนี่ โดยเฉพาะบรรดา “ผู้มีอำนาจ” ไม่ว่าในเกาะฮ่อง ไปจนถึงจีนแผ่นดินใหญ่โน่นเลย โดยไม่ได้คิดจะสำรวจตรวจสอบพฤติกรรมและทัศนคติของตัวเอง ว่าได้สร้างความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้าให้กับใครต่อใครเค้ามั่ง จนทำให้สื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” อดไม่ได้ที่จะต้องไล่เรียงพฤติกรรมและทัศนคติของคุณน้อง “โจชัว หว่อง” ไว้ในข้อเขียน บทความเมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมาเรื่อง “Disqualifying Joshua Wong is a law-based righteous, reasonable decision” หรือประมาณว่าถูกแล้ว ชอบแล้ว ไม่ว่าในแง่กฎหมาย ความชอบธรรม ความมีเหตุมีผล ในการตัดสินใจไม่อนุมัติคุณสมบัติการเลือกตั้งให้กับ “โจชัว หว่อง”...
ซึ่งโดยเหตุ โดยผล ที่ “Global Times” เขายกมาไล่เรียงไปเป็นข้อๆ...ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ออกจะมี “น้ำหนัก” อยู่ไม่น้อย เพราะโดยกฎหมายฮ่องกงนั้น คือกฎหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการยอมรับต่อสถานะความเป็น “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” อันทำให้ “การเลือกตั้งท้องถิ่น” ของเกาะฮ่องกงนั้น เป็นเพียงการเลือกตั้งภายใต้ “อำนาจอธิปไตยของจีน” ไม่ใช่การเลือกตั้งระดับชาติ หรือของชาติที่มีอำนาจอธิปไตยของตัวเองโดยเฉพาะ ดังนั้น...ภายใต้พฤติกรรมและทัศนคติของคุณน้อง “โจชัว หว่อง” ที่แสดงให้เห็นมาโดยตลอด ว่าไม่เพียงแต่มุ่ง “ต่อต้านจีน” อย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการ แต่ยังพร้อมชักลาก “อเมริกาและตะวันตก” เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในทั้งเกาะฮ่องกง จนเลยไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างถึงไหน-ถึงกันซะอีกต่างหาก ด้วยพฤติกรรมและทัศนคติเช่นนี้ จึงทำให้ “Global Times” เขาเลยต้องสรุปเอาไว้ประมาณว่า “โจชัว หว่องนั้น...ไม่ใช่แค่นักการเมืองประเภทฝ่ายค้านโดยทั่วไป แต่เป็นนักวินาศกรรมทางการเมือง” ซะมากกว่า หรือ “แม้ว่าเขายังเป็นเด็ก...แต่เขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากอันธพาลทางการเมืองผู้นิยมความรุนแรง” นั่นเอง...
แม้ว่าคุณน้อง “โจชัว หว่อง” ท่านพยายามแฉลบออกข้าง พยายามออกมาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ต่อต้าน คัดค้านความเป็น “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” อันเป็นพื้นฐานระบบความสัมพันธ์และพื้นฐานระบบกฎหมายระหว่างเกาะฮ่องกงกับจีน หรือไม่ได้สนับสนุน “ความเป็นเอกราชของฮ่องกง” ก็ตาม แต่ก็ดันมี “นักสืบโซเชียล” ของเกาะฮ่องกง ที่พร้อมไปขุดเอาสิ่งที่ “โจชัว หว่อง” เคยพูด เคยแสดงทัศนคติและพฤติกรรมเอาไว้ โดยที่ตัวเองอาจ “จำไม่ได้” แบบเดียวกับที่คุณน้อง “ธนาธร โหว่” เกิดอาการสมองเสื่อมตอนขึ้นศาลคดีหุ้นสื่ออะไรทำนองนั้น มาแฉโพย มายืนยันให้เห็นกันจะจะ เช่น “นางElizabeth QuatPui-fan” นักกฎหมายชาวฮ่องกง ที่ไปหยิบข้อเขียน ข้อความปลุกระดม ของ “โจชัว หว่อง” ที่เขียนไว้ในเว็บไซต์ “Demosisto.HK” เมื่อช่วงต้นปี ค.ศ. 2016 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนด้วยข้อความที่ว่า “เอกราชของฮ่องกง...คือทางเลือกสำหรับชาวฮ่องกงในการตัดสินอนาคตของตัวเอง” เจอเข้ากับลูกนี้...เล่นเอา “โจชัว หว่อง” ต้องกลายสภาพเป็น “โจชัว โหว่” เช่นเดียวกับ “ธนาธร โหว่” ของบ้านเราจนได้ คือดันไปสร้างช่องโหว่ รูโหว่ ให้ใครต่อใครสามารถ “จับติด” ว่าคิดอะไรอยู่ หรือทำอะไรอยู่ ชนิดดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่ออก...
ด้วยพฤติกรรมและทัศนคติ...ที่ไม่เพียงขัดแย้งกับพื้นฐานระบบกฎหมายของเกาะฮ่องกง ซึ่งให้การยอมรับสถานะความเป็น “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” แต่เพียงเท่านั้น ความพยายาม “ชักศึกเข้าบ้าน” ของคุณน้อง “โจชัว หว่อง” ที่ออกจะคล้ายคลึงกับคุณน้อง “ธนาธร โหว่” ของบ้านเรามิใช่น้อย ยังส่งผลให้บรรดาผู้ที่ยังคงยึดอยู่กับ “ความเป็นจีน” บางราย อย่างเช่น “Yang Sheng” และ “Li Qingqing” อดไม่ได้ที่จะต้องออกมาร่ายบทความเรื่อง “Joshua Wong should be abandoned by HK society” แบบเดียวกับพวก “ไดโนเสาร์” ในบ้านเราทั้งหลาย ที่ถึงขั้นออกมาไล่พวก “กะปอม” ให้ไปอยู่บ้านอื่น เมืองอื่น อะไรทำนองนั้น...
เพราะด้วยความพยายามที่จะลากเอาสภาสหรัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของเกาะฮ่องกง ถึงขั้นออกเป็นตัวบทกฎหมาย การแสดงออกถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมระดับร่วม “สมคบคิด” กับนักสิทธิมนุษยชนชาวอเมริกัน อย่าง “นางJulie Eadeh” ที่ได้ชื่อว่าผู้ออกแบบ “การปฏิวัติสี” หรือผู้จุดชนวนการลุกฮือในตะวันออกกลาง ยุค “อาหรับสปริง” ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นช่องโหว่ รูโหว่ ที่ทำให้ผู้ที่เป็นชาวจีนด้วยกันและยังยึดมั่นอยู่ในความเป็นจีน อดไม่ได้ที่จะเกิดข้อสงสัย เกิดความระแวงแคลงใจต่อบรรดาคนหนุ่ม คนรุ่นใหม่เหล่านี้ อย่างมิอาจปฏิเสธ ดังที่ “Zhi Zhenfeng” ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแห่ง “Chinese Academy of Social Sciences” ถึงกับแสดงอาการขนลุก ขนพอง เอาไว้ถึงขั้นว่า... “ถ้าหากคนหนุ่มอย่างโจชัว หว่อง มีโอกาสเข้ามามีอำนาจในระบบการเมืองฮ่องกง เขาอาจทำลายสังคมฮ่องกง หรือทำให้อนาคตของฮ่องกงต้องมืดมัว (หรือไหม้) เอาง่ายๆ...” หรือพูดง่ายๆ ว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่ได้เป็นเพราะ “ผู้มีอำนาจ” หรือ “ฝ่ายตรงข้าม” เป็นผู้สร้างภาพ สร้างแรงกด แรงบีบเหล่านี้ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะ “ตัวของตัวเอง” นั่นเอง จะด้วยเหตุเพราะความเป็นเด็ก ความโง่ ความไม่ประสีประสา หรือความอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่า “โจชัว หว่อง” หรือ “ธนาธร โหว่” เลยต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ไปด้วยประการละฉะนี้...แล...